ตอนที่ 33 โพธิสัตว์กระดูกขาว
ตอนที่ 33 โพธิสัตว์กระดูกขาว
“แฮก...แฮก...”
เยี่ยเสวียนหอบหายใจหนักและบัดนี้ร่างกายเกือบถึงขีดจำกัดแล้ว
“กบฏอยู่นั่น รีบจับตัวมันเร็วเข้า!”
“มารร้าย ตายซะเถอะ!”
“เยี่ยเสวียน เจ้าฆ่าลูกศิษย์ของข้า วันนี้ข้าจะดึงวิญญาณของเจ้าออกมาแล้วทำลายมันเพื่อปลอบประโลมวิญญาณลูกศิษย์ของข้าบนสวรรค์!”
“มารชั่วช้า คืนชีวิตลูกชายของข้ามา!”
ด้านหลังของเยี่ยเสวียนมีผู้ฝึกตนไล่ล่ามากกว่าสิบคน ทั้งหมดมีใบหน้าโกรธเกรี้ยวและไม่มีผู้ใดอยู่ในระดับต่ำกว่ามิ่งตาน จึงเห็นได้ว่าเยี่ยเสวียนถูกเกลียดชังมากเพียงใด
“บัดซบเอ๊ย ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขาเสียหน่อย!”
เยี่ยเสวียนยิ่งหนียิ่งโกรธ คนโง่กลุ่มนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกหลอกใช้
ที่น่าโมโหกว่านั้นคือทุกครั้งที่เขาต้องการอธิบาย มักจะมีคนกระโดดออกมาขัดขวางเสมอ
“เดรัจฉาน หยุดแก้ตัวได้แล้ว!”
ในบรรดาผู้ฝึกตนที่ไล่ล่า มีผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานผู้มีใบหน้าธรรมดาทว่าดวงตาสีแดงก่ำ นางมองเยี่ยเสวียนราวกับมองศัตรูที่สังหารบิดา “ก่อนที่น้องชายของข้าจะตาย เขาบอกข้าเองว่าเป็นฝีมือของเจ้า! หยุดใส่ร้ายผู้อื่นได้แล้ว”
เยี่ยเสวียนได้ยินดังนั้นก็ทำได้แค่หนีและหาที่หลบซ่อนต่อไป ราวกับว่าเขาสวมหน้ากากแห่งความเจ็บปวดเอาไว้
ให้ตายเถอะ ใครคือน้องชายของเจ้า หรือจะเป็นมังกรอสูรตัวนั้น?
เมื่อผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของผู้ฝึกตนหญิง ทันใดนั้นความเศร้าและความโกรธในใจพวกเขายิ่งถูกปลุกเร้า พวกเขาเชื่อหมดใจว่าเยี่ยเสวียนเป็นฆาตกร ทำให้การไล่ล่าเริ่มรุนแรงขึ้นและผลที่ตามมาของพลังเวทเข้ากดดันเยี่ยเสวียน ทำให้เขาอึดอัดจนความเร็วลดลงมาก จากนั้นเขาก็ถูกตามทัน
การที่เยี่ยเสวียนผู้อยู่ในระดับจื่อฝู่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของกลุ่มผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานมากกว่าสิบคนได้จนถึงทุกวันนี้ คงเรียกได้ว่ามันเป็นปาฏิหาริย์และเป็นความลำเอียงของสวรรค์ด้วย
“มหาผนึกมู่ชุน!”
เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น
สือเจินเหรินซึ่งเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าต้องการปลอบโยนวิญญาณของลูกศิษย์ได้แสดงความสามารถอันโด่งดังของตน
บังเกิดผนึกลึกลับสีเขียวเข้าห่อหุ้มเยี่ยเสวียนเหมือนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่พังทลายลงในพริบตา จากนั้นกดทับพื้นโลกเอาไว้ พลังเวททำลายจุดเทียนจู้ [1] ทำให้เยี่ยเสวียนรู้สึกกดดันมาก
“กบฏ จงตายซะ!”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเสวียนกำลังจะตายอยู่ภายใต้ผนึกของตน ใบหน้าเหี่ยวย่นของสือเจินเหรินจึงปรากฏรอยยิ้มดีใจขึ้นมา
เยี่ยเสวียนไม่เพียงสังหารลูกศิษย์ของเขาเท่านั้น แต่ศิษย์คนนั้นยังเป็นลูกนอกสมรส ถือเป็นลูกชายคนเดียวของเขา แล้วจะไม่ให้เขาเกลียดชังได้อย่างไร
ครั้งนี้เขาจึงพยายามสุดความสามารถ
ใบหน้าของเยี่ยเสวียนซีดลง การถูกไล่ล่าคราวนี้เขาเองก็ใช้ไพ่ตายหมดแล้วจริงๆ และเมื่อเผชิญหน้ากับมหาผนึกมู่ชุน เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย
หรือเส้นทางของเขาไปไกลได้แค่นี้!
เขากัดฟันกรอด
เขายังไม่กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองโลกและยังไม่ได้ช่วยหลีเอ๋อร์จากถ้ำเสือเลย!
ไม่ต้องพูดถึงการแก้แค้นไอ้สารเลวซูอันนั่น เขาจะมาตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?!
ตูม!
ทันใดนั้นมีฝ่ามือกระดูกสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเยี่ยเสวียนและเข้าปิดกั้นผนึกสีเขียวของมหาผนึกมู่ชุนเอาไว้
ชายในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนเข้ามายืนขวางเยี่ยเสวียนเอาไว้ เขาถูมือขวาที่เจ็บแล้วมองผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานหลายสิบคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาน่ากลัว
“วิญญาณกระดูกขาว เจ้าคือโม่เหล่ากุ่ย!” มีผู้ฝึกตนจดจำคนผู้นี้ได้จึงอุทานออกมา
ผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานที่ ‘น้องชาย’ เสียชีวิตรีบแสดงความเห็นทันที “ผู้ปลูกฝังมารเยี่ยเสวียนคนนี้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ปลูกฝังมารคนอื่น!”
“โม่เหล่ากุ่ย เจ้าคิดจะขัดขวางการแก้แค้นของข้าหรือ?” สีหน้าของสือเจินเหรินน่าเกลียดและมีสายฟ้าแลบอยู่ในมือของเขา ตอนนี้พลังเวทของมิ่งตานคนอื่นๆ ก็ถูกขวางไว้โดยชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน
“ข้าจะปกป้องเจ้าหนุ่มคนนี้” โม่เหล่ากุ่ยเอ่ยด้วยเสียงเย่อหยิ่ง
“รนหาที่ตาย!”
“ทุกคนมาร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เมื่อต้องรับมือกับมาร ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงศีลธรรม!” ผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานปลุกกำลังใจ
“ฝ่ามือสายฟ้าแลบ!”
“ไท่อี่อู่เหลียน!”
“กระบี่แสงอัสดงเชียนเฟิง!”
“สลายวิญญาณเทียนตู!”
ทันใดนั้นการโจมตีนับไม่ถ้วนเข้าครอบงำโม่เหล่ากุ่ย
สายฟ้าฟาดลงมา งูใหญ่พุ่งขึ้นจากพื้นโลก
หากยืนอยู่ตรงกลางจะสามารถเห็นฉากการทำลายล้างของโลกได้เลย
รอยยิ้มใต้ผ้าคลุมของโม่เหล่ากุ่ยแข็งค้าง
“บัดซบ!”
ไม่ไว้หน้ากันเลยสินะ!
“พลังกระดูกขาวขั้นสูงสุด!” เขาไม่กล้าที่จะประมาทเลยจึงเรียกใช้ไพ่ตาย
โพธิสัตว์กระดูกขาวเสด็จออกจากสถานที่นั้น มีแสงสีฟ้าอ่อนส่องประกาย ศีรษะประดับมวยผม กระดูกสีขาวปรากฏชัดเจน รากกระดูกแผ่ออกเป็นดอกบัวทองรองนั่งจากด้านล่างและแสงโลหิตด้านหลังเป็นทรงกลม
มีเสียงสวดมนต์มากมายรายล้อมกายเขาไว้ แต่ถ้าตั้งใจฟังให้ดี เสียงเหล่านั้นจะฟังเหมือนเสียงครวญครางของวิญญาณชั่วร้ายมากกว่า
จิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ สละเลือดสรรพชีวิตเพื่อสังเวย
ระยะทางหลายพันหลี่กลายเป็นอเวจีมหานรก
แต่อึดใจต่อมา โพธิสัตว์กระดูกขาวอันงดงามองค์นี้กลับถูกทุบละเอียดเป็นชิ้นและอเวจีมหานรกถูกทำลายลงในทันทีเช่นกัน
“แ*งเอ๊ย หลินต้าจู้! พวกเจ้ายังไม่รีบออกมาอีก จะปล่อยให้ข้ากลายเป็นธุลีก่อนหรือ!” โม่เหล่ากุ่ยปรากฏตัวอีกครั้งในสภาพที่น่าสังเวชพลางตะโกนไปบนฟ้า
“เฮอะ โม่เหล่ากุ่ย ช่างน่าเสียดายที่เมื่อครู่เจ้าไม่ถูกทุบจนตาย” เสียงสตรีที่มีเสน่ห์เจือความเสียดายปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
จากนั้นร่างในชุดคลุมสีดำมากกว่าสิบร่างก็ลอยลงมา
“ลัทธิเซวี่ยเหอ! หลังจากทำลายนิกายฮุ่ยหยวนของข้าแล้ว หนูในท่อระบายน้ำเช่นพวกเจ้ายังกล้าโผล่หัวออกมาอีกหรือ!” ผู้ฝึกตนแซ่หม่าตะโกนขึ้น
“ดีนักนะ ดูเหมือนว่าลัทธิเซวี่ยเหอของเจ้ากำลังขัดขวางไม่ให้เราแก้แค้น!” ใบหน้าของสือเจินเหรินยิ่งมืดครึ้ม บนท้องฟ้าบังเกิดเสียงฟ้าคำราม
“ข้าจะพาเยี่ยเสวียนออกไปก่อน พวกเจ้าขวางไว้สักพัก เป้าหมายของพวกเขาคือเยี่ยเสวียนและพวกเขาจะไม่ต่อสู้กับพวกเจ้าจนตาย”
นัยน์ตาของหลินต้าจู้เป็นประกาย ‘นาง’ ใช้มือเดียวจับท้ายทอยของเยี่ยเสวียนแล้ววิ่งออกไปไกล
ยกเว้นโม่เหล่ากุ่ย ชายในชุดคลุมสีดำคนอื่นๆ เห็นด้วยกับคำพูดของหลินต้าจู้
“หัวขโมย หลีกไป!”
“พวกระยำ ส่งเยี่ยเสวียนมาเดี๋ยวนี้!”
เพียงแต่พวกผู้ฝึกตนสิบกว่าคนถูกขัดขวางโดยชายชุดดำและทำได้เพียงมอง ‘ศัตรู’ หนีไปด้วยความโกรธ
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานที่ยุยงให้ทุกคนทวีความเกลียดชังเมื่อครู่ได้ล่าถอยไปข้างหลังและจากไปเงียบๆ
ภารกิจของนายท่านเสร็จสิ้นแล้ว
……
“ผู้ปลูกฝังมารปรากฏตัวเร็วดี ฮึ ถึงเวลาที่เยี่ยเสวียนได้พบกับหลินต้าจู้ผู้ถูกลิขิตไว้แล้ว”
หลังจากฟังรายงานของหมายเลขเจ็ด รอยยิ้มที่ชั่วร้ายพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอัน
ตามเส้นเรื่องเดิมเยี่ยเสวียนต่อต้านสำเร็จ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้จะเอาอะไรมาต่อต้าน?
“นายท่าน แล้วผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลิวอวิ๋นจะจัดการอย่างไรเจ้าคะ?” หมายเลขเจ็ดถาม
หลังจากที่หน่วยบุปผามรณะได้ทราบแหล่งกบดานของเยี่ยเสวียนจากผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลิวอวิ๋น จากนั้นมิ่งตานเฒ่าค่อนข้างบ้าระห่ำและแสดงความปรารถนาที่จะขอสวามิภักดิ์ กระทั่งลงมือโจมตีเยี่ยเสวียนด้วยตัวเอง
“ก็แค่หมาป่าตาขาวตัวหนึ่ง ส่งมันไปตายซะ” ซูอันสั่ง
คนทรยศย่อมไม่มีใครต้องการ
“น้อมรับคำสั่ง!”
……
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต”
ในหุบเขาห่างไกล หลินต้าจู้วางเยี่ยเสวียนลง
ถูกหิ้วมาตลอดทาง เยี่ยเสวียนที่ท้องไส้ปั่นป่วนได้แสดงความขอบคุณต่อหลินต้าจู้
แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะไม่เล่นตามสามัญสำนึก
‘นาง’ ยกฝ่ามือที่เนียนนุ่มและแทบรอไม่ไหวที่จะสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของเยี่ยเสวียน
“รูปร่างดี ค่อนข้างแข็งแกร่ง” หลินต้าจู้กล่าวด้วยน้ำเสียงแสนหวาน
ใบหน้าที่ซีดเซียวแต่เดิมของเยี่ยเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง เหตุใดผู้อาวุโสคนนี้จึงแตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้
หากพูดถึงเรื่องประเภทนั้นแล้ว เขาเองก็ไม่ได้กินเนื้อดีๆ ตั้งแต่ลงจากภูเขาเลย
เชิงอรรถ
[1] จุดเทียนจู้ (天柱) คือ จุดฝังเข็มบริเวณท้ายทอย