ตอนที่แล้วตอนที่ 32 คนรุ่นก่อนปลูกต้นไม้ ชนรุ่นหลังใช้ร่มเงา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 นางมังกรหลงเปา

ตอนที่ 33 โพธิสัตว์กระดูกขาว


ตอนที่ 33 โพธิสัตว์กระดูกขาว

  

“แฮก...แฮก...”

เยี่ยเสวียนหอบหายใจหนักและบัดนี้ร่างกายเกือบถึงขีดจำกัดแล้ว

  

“กบฏอยู่นั่น รีบจับตัวมันเร็วเข้า!”

  

“มารร้าย ตายซะเถอะ!”

  

“เยี่ยเสวียน เจ้าฆ่าลูกศิษย์ของข้า วันนี้ข้าจะดึงวิญญาณของเจ้าออกมาแล้วทำลายมันเพื่อปลอบประโลมวิญญาณลูกศิษย์ของข้าบนสวรรค์!”

  

“มารชั่วช้า คืนชีวิตลูกชายของข้ามา!”

  

ด้านหลังของเยี่ยเสวียนมีผู้ฝึกตนไล่ล่ามากกว่าสิบคน ทั้งหมดมีใบหน้าโกรธเกรี้ยวและไม่มีผู้ใดอยู่ในระดับต่ำกว่ามิ่งตาน จึงเห็นได้ว่าเยี่ยเสวียนถูกเกลียดชังมากเพียงใด

  

“บัดซบเอ๊ย ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขาเสียหน่อย!”

  

เยี่ยเสวียนยิ่งหนียิ่งโกรธ คนโง่กลุ่มนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกหลอกใช้

  

ที่น่าโมโหกว่านั้นคือทุกครั้งที่เขาต้องการอธิบาย มักจะมีคนกระโดดออกมาขัดขวางเสมอ

  

“เดรัจฉาน หยุดแก้ตัวได้แล้ว!”

  

ในบรรดาผู้ฝึกตนที่ไล่ล่า มีผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานผู้มีใบหน้าธรรมดาทว่าดวงตาสีแดงก่ำ นางมองเยี่ยเสวียนราวกับมองศัตรูที่สังหารบิดา “ก่อนที่น้องชายของข้าจะตาย เขาบอกข้าเองว่าเป็นฝีมือของเจ้า! หยุดใส่ร้ายผู้อื่นได้แล้ว”

  

เยี่ยเสวียนได้ยินดังนั้นก็ทำได้แค่หนีและหาที่หลบซ่อนต่อไป ราวกับว่าเขาสวมหน้ากากแห่งความเจ็บปวดเอาไว้

ให้ตายเถอะ ใครคือน้องชายของเจ้า หรือจะเป็นมังกรอสูรตัวนั้น?

  

เมื่อผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของผู้ฝึกตนหญิง ทันใดนั้นความเศร้าและความโกรธในใจพวกเขายิ่งถูกปลุกเร้า พวกเขาเชื่อหมดใจว่าเยี่ยเสวียนเป็นฆาตกร ทำให้การไล่ล่าเริ่มรุนแรงขึ้นและผลที่ตามมาของพลังเวทเข้ากดดันเยี่ยเสวียน ทำให้เขาอึดอัดจนความเร็วลดลงมาก จากนั้นเขาก็ถูกตามทัน

  

การที่เยี่ยเสวียนผู้อยู่ในระดับจื่อฝู่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของกลุ่มผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานมากกว่าสิบคนได้จนถึงทุกวันนี้ คงเรียกได้ว่ามันเป็นปาฏิหาริย์และเป็นความลำเอียงของสวรรค์ด้วย

  

“มหาผนึกมู่ชุน!”

  

เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น

  

สือเจินเหรินซึ่งเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าต้องการปลอบโยนวิญญาณของลูกศิษย์ได้แสดงความสามารถอันโด่งดังของตน

  

บังเกิดผนึกลึกลับสีเขียวเข้าห่อหุ้มเยี่ยเสวียนเหมือนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่พังทลายลงในพริบตา จากนั้นกดทับพื้นโลกเอาไว้ พลังเวททำลายจุดเทียนจู้ [1] ทำให้เยี่ยเสวียนรู้สึกกดดันมาก

  

“กบฏ จงตายซะ!”

  

เมื่อเห็นว่าเยี่ยเสวียนกำลังจะตายอยู่ภายใต้ผนึกของตน ใบหน้าเหี่ยวย่นของสือเจินเหรินจึงปรากฏรอยยิ้มดีใจขึ้นมา

  

เยี่ยเสวียนไม่เพียงสังหารลูกศิษย์ของเขาเท่านั้น แต่ศิษย์คนนั้นยังเป็นลูกนอกสมรส ถือเป็นลูกชายคนเดียวของเขา แล้วจะไม่ให้เขาเกลียดชังได้อย่างไร

  

ครั้งนี้เขาจึงพยายามสุดความสามารถ

ใบหน้าของเยี่ยเสวียนซีดลง การถูกไล่ล่าคราวนี้เขาเองก็ใช้ไพ่ตายหมดแล้วจริงๆ และเมื่อเผชิญหน้ากับมหาผนึกมู่ชุน เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย

  

หรือเส้นทางของเขาไปไกลได้แค่นี้!

  

เขากัดฟันกรอด

เขายังไม่กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองโลกและยังไม่ได้ช่วยหลีเอ๋อร์จากถ้ำเสือเลย!

  

ไม่ต้องพูดถึงการแก้แค้นไอ้สารเลวซูอันนั่น เขาจะมาตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?!

  

ตูม!

  

ทันใดนั้นมีฝ่ามือกระดูกสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเยี่ยเสวียนและเข้าปิดกั้นผนึกสีเขียวของมหาผนึกมู่ชุนเอาไว้

ชายในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนเข้ามายืนขวางเยี่ยเสวียนเอาไว้ เขาถูมือขวาที่เจ็บแล้วมองผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานหลายสิบคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาน่ากลัว

  

“วิญญาณกระดูกขาว เจ้าคือโม่เหล่ากุ่ย!” มีผู้ฝึกตนจดจำคนผู้นี้ได้จึงอุทานออกมา

  

ผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานที่ ‘น้องชาย’ เสียชีวิตรีบแสดงความเห็นทันที “ผู้ปลูกฝังมารเยี่ยเสวียนคนนี้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ปลูกฝังมารคนอื่น!”

  

“โม่เหล่ากุ่ย เจ้าคิดจะขัดขวางการแก้แค้นของข้าหรือ?” สีหน้าของสือเจินเหรินน่าเกลียดและมีสายฟ้าแลบอยู่ในมือของเขา ตอนนี้พลังเวทของมิ่งตานคนอื่นๆ ก็ถูกขวางไว้โดยชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน

  

“ข้าจะปกป้องเจ้าหนุ่มคนนี้” โม่เหล่ากุ่ยเอ่ยด้วยเสียงเย่อหยิ่ง

  

“รนหาที่ตาย!”

  

“ทุกคนมาร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เมื่อต้องรับมือกับมาร ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงศีลธรรม!” ผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานปลุกกำลังใจ

  

“ฝ่ามือสายฟ้าแลบ!”

  

“ไท่อี่อู่เหลียน!”

  

“กระบี่แสงอัสดงเชียนเฟิง!”

  

“สลายวิญญาณเทียนตู!”

  

ทันใดนั้นการโจมตีนับไม่ถ้วนเข้าครอบงำโม่เหล่ากุ่ย

  

สายฟ้าฟาดลงมา งูใหญ่พุ่งขึ้นจากพื้นโลก

  

หากยืนอยู่ตรงกลางจะสามารถเห็นฉากการทำลายล้างของโลกได้เลย

  

   รอยยิ้มใต้ผ้าคลุมของโม่เหล่ากุ่ยแข็งค้าง

  

“บัดซบ!”

  

ไม่ไว้หน้ากันเลยสินะ!

  

“พลังกระดูกขาวขั้นสูงสุด!” เขาไม่กล้าที่จะประมาทเลยจึงเรียกใช้ไพ่ตาย

  

โพธิสัตว์กระดูกขาวเสด็จออกจากสถานที่นั้น มีแสงสีฟ้าอ่อนส่องประกาย ศีรษะประดับมวยผม กระดูกสีขาวปรากฏชัดเจน รากกระดูกแผ่ออกเป็นดอกบัวทองรองนั่งจากด้านล่างและแสงโลหิตด้านหลังเป็นทรงกลม

  

มีเสียงสวดมนต์มากมายรายล้อมกายเขาไว้ แต่ถ้าตั้งใจฟังให้ดี เสียงเหล่านั้นจะฟังเหมือนเสียงครวญครางของวิญญาณชั่วร้ายมากกว่า

จิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ สละเลือดสรรพชีวิตเพื่อสังเวย

  

ระยะทางหลายพันหลี่กลายเป็นอเวจีมหานรก

  

แต่อึดใจต่อมา โพธิสัตว์กระดูกขาวอันงดงามองค์นี้กลับถูกทุบละเอียดเป็นชิ้นและอเวจีมหานรกถูกทำลายลงในทันทีเช่นกัน

  

“แ*งเอ๊ย หลินต้าจู้! พวกเจ้ายังไม่รีบออกมาอีก จะปล่อยให้ข้ากลายเป็นธุลีก่อนหรือ!” โม่เหล่ากุ่ยปรากฏตัวอีกครั้งในสภาพที่น่าสังเวชพลางตะโกนไปบนฟ้า

“เฮอะ โม่เหล่ากุ่ย ช่างน่าเสียดายที่เมื่อครู่เจ้าไม่ถูกทุบจนตาย” เสียงสตรีที่มีเสน่ห์เจือความเสียดายปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

  

จากนั้นร่างในชุดคลุมสีดำมากกว่าสิบร่างก็ลอยลงมา

  

“ลัทธิเซวี่ยเหอ! หลังจากทำลายนิกายฮุ่ยหยวนของข้าแล้ว หนูในท่อระบายน้ำเช่นพวกเจ้ายังกล้าโผล่หัวออกมาอีกหรือ!” ผู้ฝึกตนแซ่หม่าตะโกนขึ้น

  

“ดีนักนะ ดูเหมือนว่าลัทธิเซวี่ยเหอของเจ้ากำลังขัดขวางไม่ให้เราแก้แค้น!” ใบหน้าของสือเจินเหรินยิ่งมืดครึ้ม บนท้องฟ้าบังเกิดเสียงฟ้าคำราม

  

“ข้าจะพาเยี่ยเสวียนออกไปก่อน พวกเจ้าขวางไว้สักพัก เป้าหมายของพวกเขาคือเยี่ยเสวียนและพวกเขาจะไม่ต่อสู้กับพวกเจ้าจนตาย”

  

นัยน์ตาของหลินต้าจู้เป็นประกาย ‘นาง’ ใช้มือเดียวจับท้ายทอยของเยี่ยเสวียนแล้ววิ่งออกไปไกล

  

ยกเว้นโม่เหล่ากุ่ย ชายในชุดคลุมสีดำคนอื่นๆ เห็นด้วยกับคำพูดของหลินต้าจู้

  

“หัวขโมย หลีกไป!”

  

“พวกระยำ ส่งเยี่ยเสวียนมาเดี๋ยวนี้!”

  

เพียงแต่พวกผู้ฝึกตนสิบกว่าคนถูกขัดขวางโดยชายชุดดำและทำได้เพียงมอง ‘ศัตรู’ หนีไปด้วยความโกรธ

  

แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานที่ยุยงให้ทุกคนทวีความเกลียดชังเมื่อครู่ได้ล่าถอยไปข้างหลังและจากไปเงียบๆ

ภารกิจของนายท่านเสร็จสิ้นแล้ว

  ……

“ผู้ปลูกฝังมารปรากฏตัวเร็วดี ฮึ ถึงเวลาที่เยี่ยเสวียนได้พบกับหลินต้าจู้ผู้ถูกลิขิตไว้แล้ว”

หลังจากฟังรายงานของหมายเลขเจ็ด รอยยิ้มที่ชั่วร้ายพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอัน

  

ตามเส้นเรื่องเดิมเยี่ยเสวียนต่อต้านสำเร็จ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้จะเอาอะไรมาต่อต้าน?

  

“นายท่าน แล้วผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลิวอวิ๋นจะจัดการอย่างไรเจ้าคะ?” หมายเลขเจ็ดถาม

  

หลังจากที่หน่วยบุปผามรณะได้ทราบแหล่งกบดานของเยี่ยเสวียนจากผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลิวอวิ๋น จากนั้นมิ่งตานเฒ่าค่อนข้างบ้าระห่ำและแสดงความปรารถนาที่จะขอสวามิภักดิ์ กระทั่งลงมือโจมตีเยี่ยเสวียนด้วยตัวเอง

  

“ก็แค่หมาป่าตาขาวตัวหนึ่ง ส่งมันไปตายซะ” ซูอันสั่ง

คนทรยศย่อมไม่มีใครต้องการ

“น้อมรับคำสั่ง!”

  ……

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต”

  

ในหุบเขาห่างไกล หลินต้าจู้วางเยี่ยเสวียนลง

ถูกหิ้วมาตลอดทาง เยี่ยเสวียนที่ท้องไส้ปั่นป่วนได้แสดงความขอบคุณต่อหลินต้าจู้

  

แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะไม่เล่นตามสามัญสำนึก

  

‘นาง’ ยกฝ่ามือที่เนียนนุ่มและแทบรอไม่ไหวที่จะสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของเยี่ยเสวียน

  

“รูปร่างดี ค่อนข้างแข็งแกร่ง” หลินต้าจู้กล่าวด้วยน้ำเสียงแสนหวาน

  

ใบหน้าที่ซีดเซียวแต่เดิมของเยี่ยเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง เหตุใดผู้อาวุโสคนนี้จึงแตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้

หากพูดถึงเรื่องประเภทนั้นแล้ว เขาเองก็ไม่ได้กินเนื้อดีๆ ตั้งแต่ลงจากภูเขาเลย

เชิงอรรถ

[1] จุดเทียนจู้ (天柱) คือ จุดฝังเข็มบริเวณท้ายทอย