ตอนที่ 303 อสูรอมตะ (ฟรี)
ตอนที่ 303 อสูรอมตะ
เมื่อถึงเวลา ซูหยางจึงหันเหความสนใจออกจากโลกเซียนเว่ย
ด้วยการที่ไม่มีสิ่งอื่นที่เขาทำได้ เขาจึงทำได้เพียงเก็บเกี่ยวพลังโกลาหลจากแดนลับโกลาหล แต่ก็ไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ
สำหรับการสังหารเทพมาร มีเทพมารไม่มากนักที่ถูกเขาฆ่า
ยกเว้นเทพมารบางตนที่โชคร้าย โดยพื้นฐานแล้วร่างโคลนของเขามักจะเป็นฝ่ายถูกทำลาย
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง
โชคดีที่การยกระดับโลกต้าเซี่ยใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
แต่เมื่อถึงตอนนี้ ซูหยางก็มองไปที่กำแพงมิติของพื้นที่ชั้นในของจักรวาลด้วยความกังวล
กำแพงมิติส่วนนั้นใกล้ถูกทำลายแล้ว คาดว่าทันทีที่การยกระดับเสร็จสมบูรณ์ กำแพงมิติตรงส่วนนั้นก็จะถูกทำลาย
ซูหยางไม่รู้ว่ามันจะต้องพังทลายทุกครั้งที่มีการยกระดับโลก หรือเป็นเพราะเกิดจากความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของโลกต้าเซี่ย
แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร เขาก็ยังมีความหวาดกลัวเล็กน้อยต่ออสูรอมตะอันแสนลึกลับที่โผล่ออกมาจากพื้นที่ชั้นใน
สิ่งนั้นลึกลับ และทรงพลัง...
ถ้าไม่ใช่เพราะการปราบปรามของจิตสำนึกแห่งจักรวาล เขาอาจจะตายไปแล้วเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องฝากความปลอดภัยของตัวเองไว้ในมือของคนอื่น
ในตอนนี้ สิ่งที่เขาทำได้คือ ออกจากโลกต้าเซี่ย และทิ้งร่างโคลนไว้ที่นี่
หากร่างหลักของเขาสามารถจัดการศัตรูได้ ร่างโคลนของเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน หากร่างโคลนของเขาไม่สามารถจัดการได้ แม้ร่างหลักจะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาจึงต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น
…
หลังจากการผ่านไปครบหนึ่งปีตามการนับเวลาของแดนอมตะ โลกต้าเซี่ยก็ได้ย่อยทรัพยากรทั้งหมดแล้ว
ตอนนี้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เหลือเพียงก้าวเดียวเท่านั้น การยกระดับก็จะเสร็จสิ้น
มาถึงตอนนี้ ซูหยางไม่สนใจเรื่องในโลกเซียนเว่ยอีกต่อไป
เขาให้ความสนใจกับโลกต้าเซี่ยอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ร่างหลักของซูหยางจึงออกห่างจากโลกต้าเซี่ย ทิ้งร่างโคลนไว้คอยคุ้มกันอยู่ที่นี่
แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงการคาดเดาของตัวเอง แต่ซูหยางก็ไม่อยากจะเสี่ยง
เขาเกลียดความรู้สึกที่ต้องวางความปลอดภัยของตัวเองในมือของคนอื่น
ดังนั้นเขาจึงเพิ่มหลักประกันที่ดูเหมือนไม่จำเป็นให้กับตัวเอง
ตอนนี้ แค่ต้องรออย่างสงบ
บางครั้งหนึ่งวันก็ให้ความรู้สึกยาวนาน และบางครั้งก็เหมือนชั่วพริบตาเดียว
เวลาเท่ากัน แต่บางครั้งก็ให้รู้สึกที่แตกต่างกัน
หนึ่งวันอันแสนธรรมดามักผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หากครุ่นคิดอะไรมากมาย มันจะให้รู้สึกช้าลงมาก
แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร เวลานี้ก็จะผ่านไป และสิ่งจะเกิดก็ต้องเกิด
ผ่านไปหนึ่งวัน โลกต้าเซี่ยก็เสร็จสิ้นการยกระดับอย่างสมบูรณ์
ในขณะที่สิ้นสุดการยกระดับครั้งนี้
พลังงานหมาศาลที่จักรวาลมอบให้ได้ห่อหุ้มทั้งโลกต้าเซี่ยโดยตรง
ครอบคลุมพืช ต้นไม้ และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกต้าเซี่ย
ในหมู่พวกเขา เผ่ามนุษย์ได้รับประโยชน์มากที่สุด
สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ได้รับเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนใหญ่ๆ ทั้งหมดก็ถูกดูดซับโดยเผ่ามนุษย์
เนื่องจากซูหยางเป็นผู้ปกครองโลก มาจากเผ่ามนุษย์
นั้นทำให้เต๋าสวรรค์แห่งโลกต้าเซี่ยก็ยังไม่กล้าแสดงท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าซูหยาง
เมื่อเป็นแบบนี้ เผ่ามนุษย์จะได้เพลิดเพลินกับผลประโยชน์สูงสุด
ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือยกระดับเป็นพันโลกขั้นสูง พลังงานที่ถูกป้อนกลับจึงมีมากมายมหาศาล
ในโลกปกติ ประชากรมีหน่วยวัดเป็นล้านล้าน
แต่โลกต้าเซี่ยนั้นพิเศษมาก
จำนวนประชากรของโลกต้าเซี่ยมีเพียงหมื่นล้านเท่านั้น
ส่งผลให้ทุกคนได้รับส่วนแบ่งที่เพิ่มมากขึ้น
ผู้คนมากมายได้ทะลวงผ่านเป็นอมตะสวรรค์โดยตรง
แม้จะทะลวงผ่านแล้ว ก็ไม่หยุดนิ่ง ฐานบ่มเพาะของบางคนยังค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น
เดิมทีศิษย์ของนิกายอมตะต้าเซี่ยโดยพื้นฐานแล้วเป็นอมตะสวรรค์ หลังจากได้รับส่งเสริม หลายก็ทะลวงผ่านเป็นอมตะเที่ยงแท้
การทะลวงผ่านอาณาจักร
สำหรับผู้ฝึกฝน นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่
แม้ว่าจะมีทรัพยากรเพียงพอ แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายพันปีในการฝึกฝนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เฉกเช่นเดียวกัน
นี่คือความเร็วของผู้ฝึกฝนโดยทั่วไปหลังจากกลายเป็นอมตะสวรรค์
ผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ไม่เหมือนกับซูหยางที่สามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว
ในจักรวาล ผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่ล้วนเป็นเช่นนี้
แม้จะมีบางคนเป็นข้อยกเว้น แต่ก็มีน้อยมาก
หลังผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พลังงานป้อนกลับก็หมดลง
แม้จะสั้นกว่าครั้งก่อนๆ แต่การปรับปรุงที่เกิดขึ้นยิ่งใหญ่กว่าหลายเท่า
นับจากนี้ไป มนุษย์ทุกคนในโลกต้าเซี่ยจะเป็นอมตะสวรรค์เป็นอย่างน้อย!
นี่คือ ยุคที่ทุกคนก้าวไปสู่ความเป็นอมตะ!
การยกระดับคนธรรมดาให้เป็นอมตะโดยตรงนั้นมีราคาไม่น้อย
มันต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล
แต่ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือจากพลังงานป้อนกลับหลังยกระดับโลก
มีอมตะสวรรค์นับหมื่นล้านในโลกต้าเซี่ย!
เมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้ ซูหยางก็รู้สึกดีขึ้นมาในทันที
โลกต้าเซี่ยได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อได้เห็นผลลัพธ์นี้ เขาก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ด้วยอมตะสวรรค์นับหมื่นล้านคนที่สามารถช่วยเขารวบรวมเจตจำนงแห่งสรรพชีวิต มันจะช่วยเร่งความเร็วในการฝึกฝนของเขาได้เป็นอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว การยกระดับโลกต้าเซี่ยครั้งนี้ก็มอบผลประโยชน์ครั้งใหญ่ให้กับเขาแล้ว
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความสุข ซูหยางก็มุ่งความสนใจไปที่กำแพงมิติขิงพื้นที่ชั้นในอีกครั้ง
ในเวลานี้ กำแพงมิติใกล้จะพังทลายลงแล้ว
ในที่สุด ในวินาทีถัดมา มันก็ระเบิดพร้อมเสียงดังปัง
เมื่อกำแพงมิติของพื้นที่ชั้นในถูกทำลายลง
ในเวลานี้นั้น ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวก็แพร่กระจายออกมา
เพียงออร่าที่แผ่ออกมาก็ทำให้ซูหยางรู้สึกได้ว่ายากจะต้านทานไหว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นกึ่งปราชญ์แล้ว ไม่ใช่อมตะทองคำดั่งในอดีต
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าต้านทานไม่ได้
อสูรอมตะที่แผ่ออร่านี้ออกมา ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับมือได้ในตอนนี้
นั้นทำให้ซูหยางมีการคาดเดาบางอย่าง บางทีเขาจะต้องปราชญ์ก่อนจึงจะสามารถสำรวจพื้นที่ชั้นในของจักรวาลได้
เมื่อไปถึงระดับนั้น เขาอาจมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะก้าวเท้าเข้าไป
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของซูหยางเอง จะเป็นจริงเหมือนที่คิดหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้
เขาจะได้รู้หลังจากเป็นปราชญ์แล้วเท่านั้น
เมื่อกำแพงมิติพังทลายลง อสูรอมตะที่อยู่ข้างในก็ปรากฏตัวตามที่คาดเอาไว้
การปรากฏตัวของอสูรอมตะเหล่านี้แปลกมาก
ซูหยางจำได้ว่าอสูรอมตะที่เขาพบครั้งแรกคือ ฝ่ามือที่ปกคลุมไปด้วยขนสีฟ้า
ครั้งนี้ อสูรอมตะตัวแรกที่ปรากฏคือ ลูกตาที่ปกคลุมไปด้วยขนสีเทา?
เจตจำนงดาบของซูหยางสัมผัสได้ว่าดวงตานั้นปกคลุมด้วยขนสีเทาจริงๆ!
ขนสีเทาเหล่านี้ยาวมาก ยาวกว่าพันฟุต และดวงตานั้นกว้างประมาณ 9 ฟุต
"นี่มันแปลกจริงๆ"
ซูหยางจ้องมองไปที่อสูรอมตะที่โผล่ออกมา
ทันทีที่มันออกมา ออร่านั้นน่าสะพรึงกลัวมากจนเขาแทบจะต้านทานไม่ไหว
แค่อาศัยเพียงออร่าก็สะกดข่มเขาได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เหมือนก่อนหน้านี้ พลังของอสูรอมตะถูกระงับโดยจิตสำนึกแห่งจักรวาลทันทีหลังจากที่ปรากฏตัว
ออร่าที่มันแผ่ออกมาลดลงอย่างรวดเร็วในไม่กี่ลมหายใจ
ท้ายที่สุด ความแข็งแกร่งของมันตกลงอย่างมาก จนตอนนี้เทียบได้กับอมตะเที่ยงแท้เท่านั้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูหยางก็ไม่แปลกใจ
ข้าได้เตรียมใจที่จะรับมือกับศัตรูมานานแล้ว
หลังอสูรอมตะตัวแรกปรากฏตัว
อสูรอมตะจำนวนมากก็เริ่มปรากฏตัวตามหลังมา และในพริบตาก็มีถึงหลายร้อยตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากอสูรอมตะนับร้อยปรากฏตัว กำแพงมิติก็ได้รับการซ่อมแซมอีกครั้ง
มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และต้องใช้พลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในการทำลาย
อสูรอมตะนับร้อยอยู่ในระดับอมตะเที่ยงแท้เท่านั้น
หากความแข็งแกร่งของอสูรอมตะเหล่านี้ไม่ถูกลดทอนลง
ซูหยางก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรง
แต่ตอนนี้ผลลัพธ์แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
อสูรอมตะถูกยับยั้งความแข็งแกร่งโดยจิตสำนึกแห่งจักรวาล พวกมันตอนนี้เทียบได้กับอมตะเที่ยงแท้เท่านั้น
ความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้
ซูหยางสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาว่าอีกฝ่ายไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะยืนอยู่ต่อหน้าเขา
สถานการณ์ได้กลับตาลปัตรแล้ว
การเข่นฆ่าสังหารศัตรูดำเนินไปราบรื่นโดยไม่มีการพลิกผันใดๆ
ไม่มีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอีก
ด้วยการเหวี่ยงดาบเพียงครั้งเดียว อสูรอมตะนับร้อยก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือของเขา
เรียกได้ว่าเป็นการตายที่น่าหงุดหงิดใจมาก
ตราบใดที่พวกมันอยู่ในพื้นที่ชั้นใน ความแข็งแกร่งของพวกมันจะไม่ถูกลดทอนลง
ซูหยางก็จะไม่มีคุณสมบัติที่จะหยิ่งผยอง
แต่ซูหยางก็รู้ดีกว่าอสูรอมตะเหล่านี้ทรงพลังมากแค่ไหน
เหตุใด เขาต้องไปเสี่ยงตายในถิ่นของศัตรูด้วย?
เขาจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?
ความเสี่ยงไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทน และเขาก็ไม่ใช่คนโง่ ยิ่งไปกว่านั้นเขารักชีวิตตัวเองมากกว่าสิ่งใด