ตอนที่ 20 : เหลียนอี้หนิงตะลึง
ตอนที่ 20 : เหลียนอี้หนิงตะลึง
ที่ทางเข้าเขตแดนลับเกิดการสั่นไหวขึ้นมา มันมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเหลียนอี้หนิงและคนอื่น ๆ
เขาสวมชุดสีดำขอบสีเงิน, ถือคทาสีแดง, สายตาเย็นชาและหน้าตาคล้ายผู้หญิง เขาแผ่พลังที่ราวกับมารร้ายออกมา
“คนเดียวเองเหรอ ?”
“เป็นไปได้ยังไง ?”
“เพื่อนในปาร์ตี้เขาตายหมดแล้วเหรอ ?”
“น่าสงสาร เหลือรอดมาแค่คนเดียว...”
ทุกคนต่างก็พึมพำออกมาด้วยความสงสาร แต่สีหน้าของเหลียนอี้หนิงและเหลียนฉิงเอ๋อนั้นกลับเปลี่ยนไป
เหลียนอี้หนิงแทบจะตะโกนออกมา “หลินลั่ว ? ทำไมนายถึงมาอยู่นี่ได้ ?”
“น้องชาย...” เหลียนฉิงเหอ๋อเองก็มองไปที่เหลียนอี้หนิงด้วยความสงสัย “หนิงเอ๋อ รู้จักกันเหรอ ?”
เหลียนอี้หนิงรีบตอบกลับ “น้าคะ เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นหนู เขาเพิ่งปลุกพลังขึ้นมาได้เหมือนกับหนู”
“ไม่แปลกเลย..” เหลียนอี้หนิงรีบเดินเข้าไปหาหลินลั่วและถามขึ้น “หลินลั่ว นายเป็นอะไรรึเปล่า ? ทำไมนายถึงได้มาอยู่ในเขตแดนลับนี่ ?”
หลินลั่วแปลกใจนิด ๆ เขาไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเหลียนอี้หนิงที่นี่
หลังจากที่มองผู้ปลุกพลังรอบตัว เขาก็พอเดาอะไรออก
ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะพบเขตแดนลับนี้
“ฉันมาเก็บเลเวลที่นี่ อยู่ ๆ ทางเข้าเขตแดนลับก็โผล่มาตรงหน้าฉัน ฉันเลยเข้าไปดูด้านใน”
เหลียนอี้หนิงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีกังวล “แล้วทำไมนายถึงหุนหันแบบนั้น ? เขตแดนลับใหม่น่ะอันตรายจะตาย เพื่อนในปาร์ตี้นายไปไหนหมด ? นายจะทำยังไงถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย...”
เหลียนฉิงเอ๋อมองไปที่หลานสาวตัวเองด้วยสีหน้าแปลก ๆ เธอไม่เคยเห็นหลานสาวกังวลแบบนี้มานานแล้ว ?
รึว่า....
เธอมองไปที่หลินลั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามีรูปร่างที่ดีและหน้าตาดีอีกต่างหาก ไม่แปลกเลยที่ทำไมหลานสาวเธอถึงจะสนใจ
แม้แต่เธอเองก็....
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเหลียนอี้หนิง หลินลั่วก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมาและพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นไร ฉันมาคนเดียวและไม่ได้มีเพื่อนร่วมทีม ฉันเพิ่งเคลียร์ที่นี่ได้และกำลังจะกลับ...”
“เพิ่งเคลียร์ได้ ? เป็นไปได้ยังไง !” ก่อนที่หลินลั่วจะพูดจบ เขาก็โดนล้อมโดยผู้ปลุกพลังที่อยู่ข้าง ๆ
“นี่น่ะเป็นเขตแดนลับระดับยากเลเวล 15 นายจะเคลียร์มันด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง ?”
“ใช่ เราต้องใช้ผู้ปลุกพลังเลเวล 10 ที่มีอุปกรณ์ครบอย่างน้อย 10 คนถึงจะเคลียร์เขตแดนลับระดับนี้ได้ !”
“ไอ้หนุ่ม อย่ามาโกหกเราต่อหน้าสาวเลย...”
“นายกับคุณหนูเล็กเพิ่งจะปลุกพลังขึ้นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน เลเวลมากสุดคงได้แค่ 10 มันจะเป็นไปได้ยังไง.... ”
“เงียบ !” เหลียนฉิงเอ๋อตะโกนออกมาจนทำให้ทุกคนรอบ ๆ พากันเงียบไป ทว่าสายตาของพวกเขาก็ยังแสดงความไม่พอใจออกมา
เหลียนอี้หนิงกังวลและหวังว่าเธอจะไล่คนพวกนี้ออกให้หมด
เหลียนฉิงเอ๋อรีบพูดขึ้นมา “อย่าใส่ใจเลยนะ น้องชาย แค่เข้าใจผิดกันน่ะ...”
ถึงเธอจะพูดแบบนั้น แต่สายตาของเธอก็ยังแสดงความสงสัยออกมา
ในฐานะผู้ปลุกพลังที่กำลังจะเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 แล้ว เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขตแดนลับระดับยากนั้นเป็นแบบไหน ?
ยิ่งกว่านั้นนี่ก็เป็นเขตแดนลับระดับยากเลเวล 15 ด้วย
ถึงเป็นปาร์ตี้ของพวกเธอที่มีอุปกรณ์พร้อม ทว่าก็อาจจะตายด้านในกันหมด
เหตุผลก็ง่าย ๆ มันไม่มีกลยุทธ์ที่จะใช้กับเขตแดนลับที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาใหม่ มันไม่มีใครรู้ว่ามอนlเตอร์, แผนที่ และกลไกด้านในเป็นยังไง มันต้องเข้าไปทำการสำรวจเพื่อหาข้อมูลทั้งหมดก่อนที่จะทำการเคลียร์ที่นี่ได้
มันไม่มีทางที่หลินลั่วจะเคลียร์เขตแดนลับได้ด้วยการเข้าไปในครั้งแรก รึเคลียร์เขตแดนลับใหม่ด้วยตัวคนเดียว !
หลินลั่วขี้เกียจอธิบาย เขาพูดขึ้นส่ง ๆ “การสอบเข้ามหาลัยจะสอบในอีก 3 วัน ฉันหวังว่าเธอจะได้มหา’ลัยที่ตัวเองเลือกนะ”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็หันกลับและเดินออกไปโดยไม่สนใจสีหน้าแปลก ๆ ของทุกคนที่มองมาที่เขา
“หลินลั่ว !”
“หลินลั่ว !”
เหลียนอี้หนิงรีบวิ่งตามไปเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด
“หนิงเอ๋อ” เหลียนฉิงเอ๋อตะโกนออกมา “เรายังต้องเข้าไปในเขตแดนลับอยู่...”
โชคร้ายที่ทั้งสองคนเดินออกไปไกลแล้ว รึจะบอกว่าเหลียนอี้หนิงไม่สนใจที่น้าตัวเองเรียกก็ได้
“คุณหนู เราเข้าไปในเขตแดนลับเพื่อสำรวจก่อนดีมั้ย”
“ใช่ เราต้องส่งคนไปตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน”
“เฮ้อ คุณหนูเล็กนี่ก็ใสซื่อเกินไปและโดนหลอกง่าย ๆ ...”
ตอนที่พวกเขาบ่นนั้น อยู่ ๆ ก็มีคนตะโกนออกมา “ไม่ ท่าไม่ดีแล้ว !”
“เร็วเข้า ดูที่ทางเข้าเขตแดนลับสิ !”
“มิติเกิดการผันผวน ทางเข้าเขตแดนลับกำลังจะหายไป !”
“บ้าเอ้ย !”
คนกว่าสิบคนพากันตะโกนออกมาและเบิกตากว้างมองไปที่ทางเข้าเขตแดนลับที่กำลังจะหายไป
ในฐานะผู้ปลุกพลังมานานแล้ว พวกเขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
เมื่อทางเข้าเขตแดนลับหายไป มันก็หมายความว่ามีคนเคลียร์ภารกิจของเขตแดนลับไปแล้ว !
ตั้งแต่นี้ไป เขตแดนลับนี่จะหายไปตลอดกาล !
“เด็กนี่เคลียร์เขตแดนลับใหม่ได้จริง ๆ !”
“ตัวคนเดียวด้วย !”
“เป็นไปได้ยังไง...”
“เพื่อนคุณหนูเล็กเป็นใครกัน ?”
ในอีกด้าน
เหลียนอี้หนิงวิ่งไล่ตามหลินลั่วไป “หลินลั่ว ฉันขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้สนิทกับคนพวกนั้น ตระกูลฉันส่งพวกนั้นมาดูแลฉัน...”
หลินลั่วยิ้มออกมาและพูดขึ้น “เธอจะมาอธิบายกับฉันทำไม ? ฉันไม่โกรธเพราะคำเยาะเย้ยของคนแปลกหน้าหรอก”
“งั้นก็ดี...” เหลียนอี้หนิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมความกล้าถามขึ้นมา “งั้นตอนที่สอบเข้ามหา’ลัย ฉันขออยู่ทีมเดียวกับนายได้รึเปล่า ?”
ทุก ๆ ปี การสอบเข้ามหาลัยนั้นจะแบ่งการสอบเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคือการแข่งขันแบบทีม ต้องมีทีมละ 3 คนที่จะร่วมมือกันทำการทดสอบในหอฝึกฝน
ถ้าผ่านหอฝึกฝนไปได้ 10 ชั้นตามเวลาที่กำหนด งั้นก็ถือว่าสอบผ่านและมีโอกาสได้เข้ามหา’ลัยผู้ปลุกพลัง
ยิ่งขึ้นไปในหอฝึกฝนได้สูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับการยอมรับเข้ามหาลัยชั้นนำมากเท่านั้น
ส่วนที่สองคือการทดสอบแบบรายบุคคล
มันคือการแข่งขันสำหรับมหาลัย 10 อันดับแรกและ 3 โรงเรียนทหารที่จะเลือกคนที่ตัวเองต้องการ
ผู้ปลุกพลังที่เข้าร่วมจะมีการจับคู่เพื่อให้มาสู้กัน ยิ่งแสดงความสามารถออกมาดีเท่าไหร่ พวกเขาก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับการยอมรับจากมหา’ลัยชั้นนำและโรงเรียนทหารมากเท่านั้น
หลังจากที่พูดจบ เหลียนอี้หนิงก็ไม่กล้ามองหน้าหลินลั่ว เธอได้แต่ก้มหน้าและเริ่มหายใจถี่
ปากของหลินลั่วกระตุก “ทำไมถึงต้องก้มหน้าด้วย ? ไม่เคยเห็นเท้าตัวเองมาก่อนรึไง”
“ทำไมถึงเลือกฉัน ? อาชีพของฉันคือนักบวช อาชีพนักบวชที่ไม่มีความสามารถในการโจมตีและฟื้นฟูเลือดเพื่อนได้แค่นิดหน่อย ไม่เหมือนกับเธอ...”
“นักบวชแล้วทำไม ?”
“แล้วทำไมเหรอ ?”
“โอ๊ะไม่ใช่...” หลินลั่วอ้ำอึ้ง “ฉันไม่อยากร่วมทีมกับคนอื่น ฉันแค่อยากร่วมทีมกับคนที่ฉันรู้จัก....”
สุดท้ายเธอก็รวบรวมความกล้าพูดมันออกมาได้ ถ้าเธอถูกปฏิเสธ เธอคงไม่มีหน้าไปสู้หน้าหลินลั่วอีก
หลินลั่วมองไปที่เด็กสาวตรงหน้าและพูดขึ้น “ก็ได้”
“อื้อ...หือ ?” เหลียนอี้หนิงดีใจขึ้นมาทันทีและพูดขึ้น “งั้นเรากลับไปด้วยกันเลยมั้ย ? ฉันจะให้คนขับรถ...”
“ไม่ เพื่อน ๆ เธอเหมือนไม่ต้อนรับฉันเท่าไหร่”
“ไม่ใช่นะ พวกเขา...”
“ไว้เจอกันในอีก 3 วัน ฉันไม่มีทางผิดคำพูด”
“งั้นก็ได้...” หลังจากนั้นสักพักเหลียนอี้หนิงก็กลับไปหาเหลียนฉิงเอ๋อ ตอนนั้นทุกคนต่างก็มองเธอด้วยสีหน้าแปลก ๆ
เหลียนอี้หนิงหน้าแดงและคิดว่าโดนจับได้ เธอรีบพูดขึ้นมาด้วยท่าทีอาย ๆ “น้ามองอะไร ? เราจะไม่เข้าไปเขตแดนลับกันแล้วเหรอ ?”
เหลียนฉิงเอ๋อตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “ไม่มีเขตแดนลับแล้ว หนิงเอ๋อ เพื่อนหลานนี่น่าทึ่งจริง ๆ ...”
“หือ ? อะไรนะ....”