บทที่ 218 พวกเขาคงไม่รอดถึงพรุ่งนี้
เวลานี้เอง เหล่าทหารเฝ้ารักษาเมืองกลุ่มใหญ่ กำลังวิ่งปรี่แต่ไกลเพื่อมาควบคุมสถานการณ์วิวาทกันในขณะนี้
เมื่อหลินเทาเห็นเช่นนี้ ความรู้สึกดีใจอย่างไปเคยเป็นมาก่อนพลันปรากฏบนใบหน้า เขาเผยยิ้มพร้อมแสร้งเป็นผู้ถูกกระทำเรียกร้องความเห็นใจ
“พี่เฉิง ช่วยข้าด้วย!” หลินเทาร้องตะโกนหาเฉิงหลงจากระยะไกล น้ำเสียงแสร้งหวาดกลัวอย่างกังวล
นอกจากเฉิงหลงจะนำบรรดาทหารเฝ้ารักษาเมืองแล้ว เขายังพาแม่ทัพประจำกองรักษาการเมืองหลวงมาด้วย
ครั้นเฉิงหลงได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากคนผู้คุ้นเคย เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจหลังพบว่าเป็นหลินเทา ก่อนทันเปลี่ยนสีหน้าเป็นมืดมนเมื่อประสบเห็นหยางเสี่ยวเทียน
ไม่นาน เฉิงหลงพร้อมเหล่าทหารเฝ้ารักษาเมืองก็มาถึงกลุ่มคนที่กำลังวิวาทกัน
หลินเทาทำทีแทบหมดหวัง รีบปรี่เข้าหาเฉิงหลง แต่ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากกล่าว เขาก็สังเกตเห็นสายตาเฉิงหลงจ้องเขม็งยังหยางเสี่ยวเทียน
“หยางเสี่ยวเทียน เจ้ากล้าดีอย่างไรสังหารคนในเมืองหลวง!”
“อย่าคิดว่าเพราะเจ้าเป็นเจ้าตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยน แล้วเจ้าจะสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้นะ!”
“และอย่าได้คิด ว่าเพราะเจ้ามีน้องสาวผู้สูงส่ง แล้วเราจะมิกล้าลงโทษเจ้า!”
ใบหน้าหลินเทาเปลี่ยนไป ครั้นได้ยินว่าเด็กตรงหน้าตนคือหยางเสี่ยวเทียน เด็กผู้เป็นถึงเจ้าตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยนนั่น คือเขาเองหรือ!
หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองเฉิงหลงที่กำลังเดือดพล่านด้วยโทสะ เขาจึงกล่าวถามด้วยสีหน้านิ่งสงบ
“พวกเขาใคร่สังหารข้า ข้าก็แค่ปกป้องตนเอง เมืองหลวงเจ้ามีกฎห้ามมิให้คนที่กำลังประสบภัยอันตราย ปกป้องตนเองด้วยงั้นหรือ”
สีหน้าเฉิงหลงมืดลงจนตัวสั่น เขาชี้นิ้วไปยังหยางเสี่ยวเทียนพร้อมแผดเสียงถามด้วยบันดาลโทสะ
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าทำหน้าที่ป้องกันตัว ไหน! มีใครพิสูจน์ได้ว่าเจ้ากำลังทำหน้าที่ป้องกันตัว”
โดยไม่คาดคิด กลับมีเสียงร้องจากผู้นำสำนักหนึ่งตะโกนขึ้น “เราพิสูจน์ได้ ว่าคุณชายหยางเสินทำหน้าที่ป้องกันตัวเอง!”
“ใช่ ใช่ คุณชายหยางเสิน เพิ่งทำหน้าที่ป้องกันตัว!”
เหล่าวิญญาจารย์หลายคนในฝูงชนที่อยู่ไม่ไกล ก็ร้องตะโกนช่วยยืนยันเช่นกัน
สิ่งนี้ ทำหลินเทาถึงกับมีสีหน้าซีดเซียว ด้วยไม่คาดว่าจะมีผู้คนเห็นชอบกับเด็กน้อยหยางเสี่ยวเทียน ช่วยเขาขนาดนี้
ให้ตายเถอะ!
เห็นได้ชัดว่าเด็กหยางเสี่ยวเทียนนั่น เป็นคนสั่งเคลื่อนไหวก่อน อีกทั้งฝ่ายเขายังเป็นคนที่สูญเสียมากกว่าโดยที่อีกฝ่าย ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย
คนเหล่านี้ ช่วยกันโกหกเพื่อเขาได้อย่างหน้าด้านๆ ไม่รู้สึกสลดทั้งที่เขาเสียวิญญาจารย์ไปตั้งมาก
หลินเทาขบกรามแน่น สบถสาปแช่งในใจอย่างเหลืออดแต่มิอาจกล่าวโต้แย้งใดๆ ด้วยคงต้านท้านแรงกดดันจากฝูงชนคนที่พร้อมสนับสนุนหยางเสี่ยวเทียนไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้หลินเทาจะล่วงรู้ดี ว่าเฉิงหลงต้องทราบที่คนเหล่านี้กำลังโกหกหรือไม่โกหก แต่เขาก็มิอาจทำอะไรกับหยางเสี่ยวเทียนได้
เพราะหยางเสี่ยวเทียนเป็นถึงเจ้าตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ราชวงศ์เสินไห่ จะช่วยสำนักถัวหลัวจนทำให้หยางเสี่ยวเทียนต้องขุ่นเคือง
ยังไม่ต้องกล่าวถึงหยางเสี่ยวเทียน ที่มีน้องสาวจากสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์อยู่เบื้องหลังอีกคน
คงจะไม่เป็นไร หากนางเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาของสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์ แต่เพราะมันไม่ใช่อย่างนั้นด้วยตอนนี้ น้องสาวเขามีฐานะเป็นถึงสมบัติประจำสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์
เฉิงหลงเหลือบมองเหล่าวิญญาจารย์พร้อมคนจากสำนักต่างๆ ที่ร้องตะโกนช่วยเหลือหยางเสี่ยวเทียนด้วยความไม่อยากเชื่อ
“หยางเสี่ยวเทียน อย่าภูมิใจนักเลย” เขากัดฟันกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียนอย่างเย็นชา
เจ้าเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์อสูรเมื่อไร ข้าจะทำให้เจ้าภูมิใจไม่ออก นอกจากรู้สึกเพียงว่าตายดีกว่าอยู่!
ที่สุด เขาก็จากไปพร้อมกับเหล่าทหารรักษาเมือง
สำหรับหลินเทาและเหล่าวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวที่เหลือรอด ต่างนำศพของวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวผู้ถูกสังหารกลับไป ก่อนวิ่งติดตามเฉิงหลงอยู่เบื้องหลัง
“นายน้อย” หลัวชิงเดินเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนจากด้านหลังพร้อมกล่าว “ให้เราติดตามสังหารคนจากสำนักถัวหลัวหรือไม่”
“วางใจเถอะ พวกเขาคงไม่รอดถึงพรุ่งนี้” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวอย่างใจเย็น แล้วพาทุกคนออกตัวไปยังสาขารองสำนักเสินเจี้ยน
ซึ่งทันทีที่เขามาถึง หยางเสี่ยวเทียนก็ได้พบกับหลินหยง เฉินหยวนพร้อมคนอื่นๆ ที่ถึงนานแล้ว
มีศิษย์เจ็ดสิบหรือแปดสิบคนที่เป็นตัวแทนจากสำนักเสินเจี้ยน เข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักในครั้งนี้ พวกเขานำโดยหลินหยงและเฉินหยวน เพียงทั้งหมดไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับหยางเสี่ยวเทียนจึงมาถึงก่อนเวลาสองวัน
ครั้นหลินหยงพร้อมคนสำนักเสินเจี้ยนเห็นหยางเสี่ยวเทียนมาถึง พวกเขาก็รีบจัดหาที่พักให้กับ หยางเสี่ยวเทียน หยางเฉา และคนอื่นๆ
ไม่นานหลังจากนั้น หลินหยงและเฉินหยวนก็ได้ทราบข่าวเรื่องความขัดแย้งระหว่างหยางเสี่ยวเทียนกับสำนักถัวหลัวระหว่างเดินทางมาที่นี่ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะพร้อมเผยยิ้มอย่างขมขื่น
ในคืนนั้นเอง
ภายในจวนหลังใหญ่โตโอ่อ่าแห่งหนึ่ง หลินเทาและเฉิงหลงกำลังนั่งดื่มสุราระหว่างสนทนากันอย่างสนุกสนานด้วยนานๆ ทีได้มีโอกาสพบกัน
แต่ครั้นนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน หลินเทาก็สูดจมูกอย่างหงุดหงิดด้วยโทสะ “ข้าไม่คิดว่าชายอย่างหลัวชิง จะเข้าหลบภัยกับหยางเสี่ยวเทียน ส่วนเจ้าเด็กหยางเสี่ยวเทียนก็ใช้อำนาจรังแกผู้อื่นเกินไปแล้ว!”
เฉิงหลงยกสุราดื่มไปอึกใหญ่ “หึ! ก็แค่หยางเสี่ยวเทียน แล้วคนอย่างหยางเสี่ยวเทียนมีสิ่งใดเล่า เขาเพียงมีวิญญาณยุทธ์ระดับสิบเอ็ด มีพรสวรรค์ด้านกระบี่และหลอมโอสถได้ดีไม่น้อยไปกว่าคนทั่วไปเท่านั้น”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ น้ำเสียงเขาก็หนักแน่นขึ้น “ในการแข่งขันระดับสำนักครานี้ ข้าจะทำให้เขากลับออกมาไม่ได้อีก!”
“ตอนนี้ หยางเสี่ยวเทียนเพียงอาศัยวิญญาจารย์ไม่กี่คนคอยช่วยเท่านั้น เจ้าคอยดูเสีย เมื่อเขาเข้าสู่ป่าล่าสัตว์อสูรที่ไม่มีเหล่าวิญญาจารย์คอยคุ้มกะลาหัวเหมือนวันนี้แล้ว”
“ต่อให้เรียกฟ้า ฟ้าก็คงไม่ตอบ เรียกดิน ดินก็คงไม่ตอบสนอง ถึงตอนนั้น หยางเสี่ยวเทียนจะทำสิ่งใดได้ นอกจากร้องไห้จนปัสสาวะราดกางเกง”