บทที่ 217 ตัดหัวไอ้เด็กสารเลวนั่นมาให้ข้า!
เมื่อมองไปยังวิญญาจารย์ของสำนักถัวหลัวที่กำลังหัวร่อเสียงดัง หยางเสี่ยวเทียนก็กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นแข็งกร้าว
“เพียงสมุนไพรห้าแสนเหรียญทอง ข้าหาได้ต้องการมันคืนไม่ แต่สิ่งที่ข้าต้องการในตอนนี้ คือชีวิตของเจ้า”
หลังได้ฟังวาจาหยางเสี่ยวเทียนเมื่อครู่ เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของหลินเทาก็ชะงักขาด เขามองไปยังหยางเสี่ยวเทียนด้วยแววตาเย็นชา
“ไอ้เด็กเหลือขอ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใครหรือตระกูลไหนในอาณาจักรเสินไห่ แต่หากมาทำให้สำนักถัวหลัวขุ่นเคืองแล้ว ต่อให้เป็นเทพองค์ใดก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้”
“จงคุกเข่าลงแล้วโขกหัวกับพื้นกล่าวขอโทษข้าเดี๋ยวนี้ จากนั้นส่งตัวหลัวชิงและคนอื่นๆ มา ข้าอาจจะใจดีไว้ชีวิตเจ้า”
“หาไม่แล้ว ข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่เดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่หลินเทากล่าวจบ น้ำเสียงเย็นยะเยือกของหยางเสี่ยวเทียนก็แผดดังขึ้น “ฆ่า!”
สิ้นเสียง หลิวอันและอีกสี่คนพลันกระโจนเข้าหาวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวพร้อมแววตาหาได้มีปรานีแม้แต่น้อย
หลัวชิงก็โผเข้าหาแล้วง้างดาบขึ้นฟาดเข้าใส่พวกมันอย่างไม่ลังเล
เลี่ยวคุน จางจิงหรง และอีกสามคน ก็โคจรพลังยุทธ์ไปทั่วร่างอย่างรุนแรง แล้วชักกระบี่ปรี่เข้าหาเช่นกัน
ส่วนทางฝั่ง อัตและอาลี่ทันทีที่ได้ยินเสียงคำสั่ง พวกเขาก็ปลดปล่อยปราณแท้เทพสงคราม แล้วรุดหน้าหาเหล่าวิญญาจารย์จากสำนักถัวหลัว
แม้แต่เสี่ยวจินก็ไม่รั้งรอ พลันขยายร่างฟาดหางสีทองไปทางวิญญาจารย์ของสำนักถัวหลัว ด้วยพลังที่สามารถทำลายกองทัพได้นับพัน
เหล่าวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวไม่คิดเลยว่า หยางเสี่ยวเทียนจะกล้าลงมือกระทำการอุกอาจเช่นนี้ในเมืองหลวง
ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเบื้องหน้า ทางฝั่งของหลินเทาก็โต้ตอบเช่นกัน เขาชักกระบี่ออกมาฟาดเข้าใส่หลิวอันกับอีกสี่คนที่กำลังพุ่งหาตนเช่นกัน
“ฆ่าพวกมันให้หมด แล้วตัดหัวไอ้เด็กสารเลวนั่นมาให้ข้า!” หลินเทาแผดเสียงคำรามดังลั่น
สิ้นเสียงคำสั่ง เหล่าวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกมันแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม
โดยกลุ่มแรกเผชิญหน้ากับ อัต อาลี่ หลัวชิง และเลี่ยวคุน ส่วนอีกกลุ่มรุดเข้าหาหยางเสี่ยวเทียน หยางเฉาแลหวงอิ๋ง
โดยแผนของพวกเขาคือการจะเผด็จศึกให้เร็ว ต้องเริ่มจากกุดหัวผู้นำเป็นคนแรก แล้วพวกที่เหลือก็มิต่างอันใดจากหุ่นดินปั้น
แต่ทว่า ขณะที่เหล่าวิญญาจารย์สำนักถัวหลัว กำลังจะบรรลุถึงหยางเสี่ยวเทียนและอีกสองคน พวกเขาก็พลันรู้สึกหนาวเย็นขึ้นอย่างกระทันหัน
อูฉีโบกไม้เท้าใหญ่ในมือ เพียงเสี้ยวลมหายใจเหล่าวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวที่มุ่งเข้าหาหยางเสี่ยวเทียน ก็ถูกแช่เป็นก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ชั่วพริบตา
สีหน้าหลินเทาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เมื่อเห็นเหล่าวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวหลายสิบคน ถูกแช่เป็นก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ ก่อนจะทันบรรลุถึงหยางเสี่ยวเทียนเสียอีก
แม้นเขาจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งสุดในกลุ่ม แต่วิญญาจารย์จากสำนักถัวหลัวที่เขานำมาในครานี้ ความแข็งแกร่งนั้นมิได้ด้อยกว่าเขามากนัก
แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายจะจัดการกับเหล่าวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวเหล่านี้ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวได้
เพลานี้ สีหน้าเขาตื่นกลัวยิ่งนักครั้นประสบเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
เขาหันมองไปทางอูฉีที่เป็นผู้ลงมือด้วยแววตาตื่นตระหนก ก่อนจะพบว่าในมือของชายชราคนนั้นถือไม้เท้าขนาดใหญ่อยู่
ในหัวหลินเทาเริ่มนึกคิดทันที เขารู้สึกคล้ายดั่งว่าเคยได้ยินเรื่องเล่าขานของไม้เท้านี้ที่ไหนสักแห่ง
ระหว่างที่หลินเทากำลังเสียสมาธิในการต่อสู้ หลิวอันก็อาศัยจังหวะนี้แทงกระบี่เข้าใส่แขนขวาเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าจนมิอาจหยุดยั้งได้
หลินเทายกกระบี่ของตนขึ้นป้องอย่างกะทันหัน ก่อนจะรับรู้ถึงพลังอันมหาศาลที่ฟาดฟันเข้ามา
“ขั้นบรรพจารย์ยุทธ์ระดับแปด!” หลินเทามองยังหลิวอันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ชายวัยกลางคนที่เอาแต่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายนี้ แท้จริงแล้วเป็นวิญญาจารย์ขั้นบรรพจารย์ยุทธ์ระดับแปด!
ความแข็งแกร่งนั้นไม่ต้องกล่าวถึง เพราะมันเหนือกว่าหลัวชิงมากทีเดียว
“เจ้าเป็นใคร มาจากสำนักไหน” หลินเทาตะโกนถามด้วยความหวั่นใจ
ขณะยังรับการโจมตีจากหลิวอันแต่ละกระบวนท่า ความรุนแรงนั้นทำให้กระบี่ในมือเขาสั่นสะท้าน
หลังหลินเทาได้รับกระบวนท่าของหลิวอันกับอีกสี่คน เขาก็รับรู้ในทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากสำนักเดียวกัน ฝีมือแต่ละคนนั้นล้วนมิอาจดูหมิ่นได้
หลิวอันยังคงเงียบงันมิปริปากกล่าวสิ่งใด เขาพลันกระโจนขึ้นสูงแล้วร่ำกระบี่แทงใส่อีกครา ปราณกระบี่นั้นส่องแสงเป็นประกายราวกับดาวตก แรงกดดันของมันนั้นทำให้หลินเทาถึงกับหวาดกลัวในทันที
เวลานี้เอง เสียงกรีดร้องจากเหล่าวิญญาจารย์ของสำนักถัวหลัวดังขึ้น พวกมันถูกโจมตีโดยเสี่ยวจินจนร่างกระเด็นลอยห่างออกไปก่อนลงกระแทกพื้น
เมื่อร่างพวกมันลงกระแทกพื้น ก็ปรากฏว่าหน้าอกยุบลง โดยไม่รู้ว่ากระดูกทรวงอกหักไปกี่ชิ้นนอกจากสัมผัสได้เพียงว่าตนหายใจไม่ออก
สำหรับอัตและอาลี่ พวกเขาใช้หมัดทั้งสองร่วมกัน ระเบิดวิญญาจารย์สำนักถัวหลัวที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยฉื่อในพริบตาเดียว
วิญญาจารย์สำนักถัวหลัวถูกเป่าออกไป มีรูเจาะอันน่าสะพรึงกลัวสองรูปรากฏขึ้นยังหน้าอกของมัน
เห็นได้ชัดว่าเขาคงไม่รอดเช่นกัน
อัตและอาลี่ ยังอยู่ห่างจากขั้นราชันยุทธ์เพียงครึ่งก้าว แต่เมื่อทั้งสองร่วมมือกันเพื่อเอาชนะวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์ ก็ทำสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์
ครั้นหลินเทาพบว่าจำนวนคนจากสำนักถัวหลัวที่ตนนำมา ห้าสิบหรือหกสิบคนเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง สีหน้าเขาก็พลันซีดเซียวด้วยเริ่มหวั่นกลัว
ยิ่งสงครามดำเนินไป ผู้คนจากสำนักถัวหลัวก็ยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น พวกเขาถูกปลิวว่อน ถูกแทงทะลุคอด้วยกระบี่ หรือดาบฟันจนร่างถูกผ่าครึ่ง
เมื่อประสบเห็นสิ่งนี้ หัวใจหลินเทาก็ยิงจมลงเรื่อยๆ
เพียงหลังจากนั้นไม่นาน คนจากสำนักถัวหลัวก็เหลือน้อยลงกว่าครึ่งหนึ่งของห้าสิบหรือหกสิบ
ขณะหลินเทากำลังสิ้นสติด้วยภาพคนจากสำนักถัวหลัวพร้อมตนจะสิ้นราบ จู่ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือน