ตอนที่ 32 คนรุ่นก่อนปลูกต้นไม้ ชนรุ่นหลังใช้ร่มเงา
ตอนที่ 32 คนรุ่นก่อนปลูกต้นไม้ ชนรุ่นหลังใช้ร่มเงา
อาจกล่าวได้ว่าเมื่อเปรียบกับบิดาแท้ๆ ของถังซืออวิ๋นที่มักออกไปค้าขายนอกบ้าน นางคือคนที่เลี้ยงดูถังซืออวิ๋นจริงๆ ไม่ต่างจากบุตรสาวของตัวเอง
ตอนนี้ต้องยกหัวผักกาดขาวให้คนอื่น จึงยากจะอธิบายความรู้สึก
แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายเป็นท่านเซียนผู้มีพลังไร้ขอบเขต อย่างน้อยเขาก็สามารถปกป้องซืออวิ๋นได้ตลอดชีวิต นางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมา
ด้านหลังของซูอันคือเยี่ยหลีเอ๋อร์ที่ได้แต่แบะปากเพียงชั่วครู่ พี่อันรับหญิงสาวอีกคนแล้ว ไม่นานนี้เพิ่งรับฉู่อินและตอนนี้ก็มีถังซืออวิ๋น เขาเป็นคนโรคจิตจริงๆ
ไม่ได้ นางจะต้องปรับปรุงความสามารถของตน!
นางแอบให้กำลังใจตัวเอง นางจะต้องไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ตามทัน เพราะนางอยากเป็นคนพิเศษที่สุดในใจพี่อัน!
“แน่นอนว่าข้ามีวิธีให้เจ้าฝึกตน ความจริงไม่ใช่ว่าตระกูลถังไร้พรสวรรค์ในการฝึกตน แต่เป็นเพราะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นก่อนเท่านั้น” ซูอันเล่าถึงเรื่องโง่ๆ ที่บรรพบุรุษของตระกูลถังกระทำไว้
“คนผู้นั้นคงเคยเป็นศัตรูของตระกูลถังในชาติก่อน!” หลังจากได้ฟังเบื้องลึกเบื้องหลังจากซูอันแล้ว ถังซืออวิ๋นก็รู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่งว่ามีบรรพบุรุษที่สร้างอันตรายต่อคนรุ่นหลังได้อย่างไร
โศกนาฏกรรมของตระกูลถังเป็นเพราะบรรพบุรุษมีสมองเลอะเลือน
ดังคำกล่าวที่ว่า...คนรุ่นก่อนปลูกต้นไม้ ชนรุ่นหลังใช้ร่มเงา!
นางมีความคิดแบบเดียวกับซูอัน คือนางต้องการจะโปรยเถ้ากระดูกของบรรพบุรุษคนนั้น
“แล้วเจ้าอยากฝึกตนหรือไม่?” ซูอันถามอีกครั้ง
“อยากฝึกเจ้าค่ะ” ถังซืออวิ๋นพยักหน้าหงึกๆ
หลังจากครอบครัวประสบกับหายนะแล้ว นางจะไม่รู้ถึงความสำคัญของความแข็งแกร่งได้อย่างไร เพราะด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถป้องกันโศกนาฏกรรมได้
และความสามารถ...อาจทำให้คุณชายสนใจนางมากขึ้นด้วย
“คุณชายได้โปรดสอนข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ”
นางมองซูอันด้วยความวิงวอน
“ได้!”
“ข้าจะช่วยเจ้าตอนนี้เลย”
ไข่มุกหยางแท้ในมือของซูอันค่อยๆ สว่างขึ้น แต่อานุภาพของมันไม่รุนแรงเท่าตอนอยู่ในครอบครองของมังกรอสูร มันให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า
ในช่วงไม่กี่วันนี้เขาได้ขัดเกลาสมบัติวิญญาณจากเผ่ามังกรชิ้นนี้โดยสมบูรณ์แล้ว
สิ่งนี้แยกออกจากอำนาจของห่วงวัชระซึ่งมีผลในการปราบปรามสมบัติวิญญาณชนิดอื่น ซูอันจึงสามารถขัดเกลาสมบัติวิญญาณที่มังกรอสูรไม่สามารถขัดเกลาเป็นเวลาหลายเดือนได้ในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
สมบัติวิญญาณย่อมมีจิตวิญญาณ หากไม่มีวิธีการที่แข็งแกร่งและสมบัติวิญญาณไม่ยอมรับ การขัดเกลาสมบัติวิญญาณจะง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร
เช่นเดียวกับมังกรอสูรตัวนั้นที่เป็นเพียงเด็กเห่อสมบัติวิญญาณ และในความเป็นจริง ต่อให้มีเวลาเพิ่มอีกสองสามเดือน มันก็ไม่สามารถขัดเกลาสมบัติวิญญาณได้อยู่ดี
แสงสีม่วงอ่อนเข้าปกคลุมถังซืออวิ๋น บังเกิดความรู้สึกอบอุ่นห่อหุ้มนางไว้
เช่นเดียวกับการแช่น้ำพุร้อนที่ร่างกายรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย
ลึกลงไปในสายเลือด ผนึกแห่งความมืดคล้ายเกิดการส่องสว่างด้วยไข่มุกหยางแท้ มันค่อยๆ สลายหายไปเหมือนน้ำแข็งและหิมะ
เสื้อผ้าบนร่างกายของถังซืออวิ๋นก็ค่อยๆ หายไปเช่นกัน
ซูอันยังคงสงบ ขณะที่ม่านพลังเวทห่อหุ้มตัวเขาและถังซืออวิ๋นไว้โดยแยกตัวจากโลกภายนอก เขาทำแค่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของถังซืออวิ๋นอย่างใกล้ชิด
เขาซูอันเป็นคนเที่ยงตรงและอยู่เหนือกระดานเสมอ เขาไม่เคยกระทำสิ่งที่ลับๆ ล่อๆ เช่นการแอบมอง
ที่เขาจ้องมองตอนนี้เป็นเพียงการระวังอุบัติเหตุเท่านั้น
ถังซืออวิ๋นดื่มด่ำกับความอบอุ่นและความสบายจนไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และภายใต้การชำระล้างจากไข่มุกหยางแท้ กายเต๋าโดยกำเนิดที่จมอยู่ในฝุ่นผงมายาวนานของนางจึงค่อยๆ ปรากฏออกมา
ไม่จำเป็นต้องดูดซับ เพราะพลังวิญญาณจากทุกทิศทุกทางไหลมาสู่นางโดยอัตโนมัติ เหมือนกระแสน้ำที่ไหลลงสู่ทะเล
การปรับปรุงพลังในร่างกายโดยกำเนิดที่มนุษย์ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก สำหรับนางเกิดขึ้นในทันที
หากมนุษย์ที่ฝึกฝนอย่างหนักมาครึ่งชีวิตเหล่านั้นได้เห็นความเร็วนี้ย่อมสามารถตายด้วยความอิจฉาริษยาได้เลย
หลังจากนั้นพลังเวทแผ่วเบาถือกำเนิดขึ้นในตันเถียน
ถังซืออวิ๋นก้าวเข้าสู่ระดับผันวิญญาณภายในขั้นตอนเดียว สำหรับกายเต๋าโดยกำเนิดนั้นระดับผันวิญญาณเป็นเพียงก้าวแรก
ผนึกสายเลือดสลายสิ้น ไข่มุกหยางแท้กลับคืนสู่ซูอัน
ถังซืออวิ๋นลืมตาขึ้นด้วยความสบาย นางรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่แตกต่างจากร่างกายที่อ่อนแอในอดีตโดยสิ้นเชิง หัวใจของนางจึงเต็มไปด้วยความลิงโลด
ในที่สุดนางก็สามารถกลายเป็นคนมีประโยชน์ต่อคุณชายได้แล้ว
“คุณชาย...”
“อืม ไม่เลว” ซูอันแสดงความเห็นด้วยท่าทางใจเย็น
เมื่อได้ยินคำชมของซูอัน ถังซืออวิ๋นก็มีความสุขมากขึ้น แต่ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าระดับสายตาของคุณชายต่ำลง
นางก้มหน้าลงและมองร่างกายท่อนล่างของตัวเอง
“...กรี๊ด!”
รอจนม่านพลังเวทสลายไป ถังซืออวิ๋นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงแดงก่ำ
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง นางมักแต่งกายด้วยความรัดกุมและไม่เคยต้องมือชายมาก่อน นางไม่เคยเผชิญสถานการณ์เช่นนี้เลย
ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายคือคุณชาย นางคงจะฆ่าตัวตายหนีความอับอายแล้วจริงๆ
เยี่ยหลีเอ๋อร์มองทั้งสองคนสลับไปมาด้วยสายตามีเลศนัย
ผิดปกติ! ผิดปกติมาก!
ถังซืออวิ๋นผู้นี้แค่ถูกสลายผนึกแล้วเหตุใดต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาด้วย
หรือทั้งสองคนฝึกควบรวมอินหยางในนั้น?
หัวใจของนางรู้สึกถึงวิกฤตที่เพิ่มขึ้นมาก ถังซืออวิ๋นผู้นี้ไม่ธรรมดา ช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัว! นางมองไปที่ถังซืออวิ๋นด้วยสายตาระแวดระวัง
“จริงสิคุณชาย ช่วยพาป้าถังไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ?”
เมื่อเห็นป้าถังยืนเคียงข้างด้วยความขมขื่นและโล่งใจ หัวใจของถังซืออวิ๋นก็เจ็บปวดและนางถามด้วยความระมัดระวัง
ในใจของนางยึดถือป้าถังเป็นมารดาแท้ๆ เสมอ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ป้าถังช่วยพานางหลบหนีการไล่ล่าของสำนักเจิ้งชี่หลายครั้งโดยไม่คำนึงถึงสภาพร่างกาย นี่คือบุญคุณยิ่งใหญ่ที่ยากจะตอบแทนและนางทนไม่ได้หากต้องทิ้งป้าถังไว้ที่นี่ลำพัง
“เอ่อ ข้า ข้าไม่ไปหรอก” ป้าถังรีบโบกมือแล้วถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อปฏิเสธ “ข้าไม่ไปจริงๆ คุณหนูติดตามท่านเซียนไปเถอะ ข้า...”
“เรื่องเล็กน้อย ย่อมพาไปได้แน่นอน” ซูอันลูบผมของถังซืออวิ๋นเบาๆ ทำให้ถังซืออวิ๋นที่ไม่คุ้นชินต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับบุรุษตัวแข็งทื่อขึ้นมา
จากนั้นใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นและเปี่ยมสุข
“ขอบคุณคุณชาย”
คุณชายทำแบบนี้...รู้สึกอบอุ่นจังเลย! ดูเหมือนว่าเขาจะแตกต่างจากตอนสั่งทำลายคนสำนักเจิ้งชี่ไปโดยสิ้นเชิง
สรุปว่าคุณชายท่านนี้เป็นคนอย่างไรกันแน่?
ถ้าเยี่ยหลีเอ๋อร์ต้องตอบคำถามนี้ของถังซืออวิ๋น คำตอบต้องเป็นคนโรคจิตแน่นอน
“คือ...” ป้าถังมองด้วยสายตาว่างเปล่าและทำตัวไม่ถูก
“ไอหยา ป้าถังมากับข้าเถอะ ข้าชินกับอาหารฝีมือท่าน หากให้กินอาหารฝีมือคนอื่นข้าไม่คุ้นเคยจริงๆ” ถังซืออวิ๋นจงใจก้าวไปหาและกอดแขนของป้าถังพลางพูดออดอ้อน
“ข้า ข้าน้อย...ขอบคุณท่านเซียนเจ้าค่ะ” ดวงตาของป้าถังชื้นขึ้นมาและนางวางมือบนหลังมือของถังซืออวิ๋นด้วยความรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก
นางปรารถนาจะได้เห็นความงามของโลกแห่งพลังมหัศจรรย์ที่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาและทะเลได้
นางแค่กังวลว่าคำขอดังกล่าวจะทำให้ท่านเซียนขุ่นเคืองและไม่อยากให้ตัวเองส่งผลกระทบต่อถังซืออวิ๋น
หลังจากนั้นไม่นานถูเซิ่งหนานก็กลับมาที่เรือเซียน
“รายงานคุณชาย ภารกิจเสร็จสิ้น นิกายชิงกวนและสำนักเจิ้งชี่ถูกสังหารหมดแล้ว”
นางไม่มีไอสังหารจากร่างกายเลย เพราะเรื่องแบบนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับนาง
“กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าหวังว่าเจ้าจะทะลวงถึงระดับหยางบริสุทธิ์ได้ในเร็ววัน” ซูอันยกมือขึ้นและอยากจะตบไหล่ของถูเซิ่งหนาน แต่เมื่อพิจารณาถึงความสูงที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสอง เขาจึงพบว่ามันดูไม่จืดเลย
เมื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตบแขนที่แข็งกระด้างของถูเซิ่งหนานแทน
“เจ้าค่ะ”
……
บัดนี้เยี่ยเสวียนกำลังหลบหนี เขาช่างมีชีวิตที่ตรงกันข้ามกับชีวิตดุจบทกวีของซูอันโดยสิ้นเชิง