ตอนที่ 31 สีหน้าเศร้าหมองใจยิ้มเยาะ
ตอนที่ 31 สีหน้าเศร้าหมองใจยิ้มเยาะ
สำหรับวันนี้เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ให้ซูอันได้เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามเท่านั้น
แม้คำว่าวีรบุรุษช่วยสาวงามจะดูโบราณไปหน่อย แต่การที่วีรบุรุษมาปรากฏตัวต่อหน้าสาวงามผู้กำลังสิ้นหวังและใกล้ตกสู่ก้นเหว เมื่อเขาช่วยดึงนางออกจากเหวลึกได้นั้น ผลลัพธ์...เปรียบเสมือนการระเบิด!
ยิ่งไปกว่านั้นคือซูอันยังปรับระดับเหวได้อีกด้วย
ถังซืออวิ๋นคุกเข่าลงพร้อมเสียง ‘ตึก’
“ขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยล้างแค้นให้ข้าน้อย แต่ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนน้ำใจอันยิ่งใหญ่นี้…”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ คุณหนูถังกำลังทำอะไร รีบลุกขึ้นเถอะ” ก่อนที่ถังซืออวิ๋นจะพูดจบ ซูอันก็คว้าแขนของนางและช่วยนางลุกขึ้น จากนั้นพูดด้วยใบหน้าซื่อตรง “ที่ข้าช่วยเจ้าเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของบรรพบุรุษ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนจากคุณหนูถังหรอก”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ แต่ แต่ว่า...”
ถังซืออวิ๋นไม่กล้ามองหน้าซูอัน
เดิมทีนางอยากบอกว่าจะทำงานเป็นทาสหรือเป็นสาวใช้เพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ตอนนี้นางรู้สึกต้อยต่ำกว่านั้นมาก
เพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
นางมีข้อดีคือหน้าตางดงามกว่าใคร แต่รูปลักษณ์ของสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังท่านเซียนนั้นไม่ด้อยกว่านางสักเท่าไรและยังมีรัศมีของความเป็นเซียนแผ่ออกมาด้วย
แม้จะต้องเป็นวัวเป็นม้าของท่านเซียน ก็ยังมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนรีบเสนอตัว
ยิ่งกว่านั้นคือท่านเซียนร่ำรวยและรูปงามมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีพลังเวท เขาก็ยังจะเป็นเป้าหมายของผู้หญิงนับไม่ถ้วนอยู่ดี
แต่นางมีคุณสมบัติใด? มันเป็นเพียงการปีนขึ้นที่สูง แต่ใช้คำว่าตอบแทนบุญคุณมาบังหน้าเท่านั้น
ท่ามกลางความคิดที่สับสน ทันใดนั้นนางก็ถูกผลักจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองจึงเห็นป้าถังที่เดินตามมาเงียบๆ พร้อมสายตาให้กำลังใจนาง
“ป้าถัง...” นัยน์ตาของถังซืออวิ๋นตาค่อยๆ แน่วแน่ขึ้น
ในเมื่อนางไม่เหลืออะไรแล้ว เหตุใดไม่ลองดูล่ะ?
หากพลาดครั้งนี้ไป นางอาจไม่มีโอกาสพบท่านเซียนผู้นี้อีกต่อไปแล้ว
แล้วเยี่ยเสวียนผู้นั่นเล่า?
คนผู้นั้นมีดีแค่ลมปาก เป็นแค่ผู้ฝึกตนที่จมน้ำแต่ไม่เห็นหน้าในยามวิกฤต แล้วจะเทียบกับท่านเซียนที่ช่วยนางจากความเป็นความตายได้อย่างไร
นางเข้าใจหัวใจของตัวเองดีแล้ว
“ท่านเซียน ซืออวิ๋นอยากติดตามท่านเซียน คอยชงชาต้มน้ำให้ท่าน ได้โปรด ได้โปรดรับข้าน้อยไว้ด้วยเถอะเจ้าค่ะ” นางรวบรวมความกล้าที่จะเผยความคิดออกมา
ขอเพียงนางได้อยู่กับท่านเซียน นางก็เต็มใจทำทุกอย่าง
“นี่...จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้!” ซูอันดูลำบากใจ “บรรพบุรุษของเราเป็นสหายกันมาช้านาน ข้าจะรับเจ้าเป็นสาวใช้ได้อย่างไร เจ้ากำลังทำให้ข้าถูกประณาม!”
ตึก!
ถังซืออวิ๋นคุกเข่าลงอีกครั้ง แต่ซูอันซึ่งเห็นได้ชัดว่าอยู่ตรงหน้ากลับไม่ตอบสนองเลย
“หากท่านเซียนไม่ยอม ซืออวิ๋นจะคุกเข่าเช่นนี้ตลอดไปเจ้าค่ะ!”
“ซืออวิ๋น รีบลุกขึ้นเร็วเข้า” ซูอันคว้าแขนของถังซืออวิ๋นไว้ แต่คราวนี้ดูเหมือนเขาจะสูญเสียพลังและไม่สามารถดึงนางให้ลุกขึ้นได้
เพราะถังซืออวิ๋นมองซูอันด้วยความดื้อรั้น
“ข้าน้อยอยากเป็นสาวใช้ตามเจตจำนงของตัวเอง แม้แต่บรรพบุรุษก็ไม่สามารถห้ามได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือท่านเซียนช่วยล้างแค้นให้ตระกูลถัง ท่านเมตตาต่อตระกูลถังของเรามาก แม้ว่าบรรพบุรุษของข้าน้อยจะทราบเรื่อง พวกเขาต้องยิ้มรับแน่นอน!”
“นี่...เฮ้อ! เอาล่ะ ซืออวิ๋นลุกขึ้นเถอะ ข้าตกลงแล้ว” ซูอันถอนหายใจและพูดเหมือนหนักใจมาก
ทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะ
ถังซืออวิ๋นไม่ใช่แค่ตัวเอกหญิงเท่านั้น แต่ยังมีกายเต๋าโดยกำเนิดอีกด้วย
นางมีพรสวรรค์ชั้นยอด
สาเหตุที่นางไม่สามารถฝึกตนได้มาก่อน เป็นเพราะบรรพบุรุษที่โง่เขลาของตระกูลถังโง่เขลาและปิดผนึกสายเลือดของตระกูลเอาไว้ มิฉะนั้นถังซืออวิ๋นคงกลายเป็นอัญมณีล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในมหาสมุทร
ตามเส้นเรื่องเดิม
ครั้งหนึ่งตระกูลถังเคยเป็นผู้สืบทอดกายเต๋าโดยกำเนิด
แม้ว่าตระกูลถังจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวที่มีกายเต๋าโดยกำเนิด แต่คนตระกูลกายเต๋าโดยกำเนิดย่อมให้กำเนิดสายเลือดที่มีกายเต๋าโดยกำเนิดง่ายกว่า และร่างกายเช่นนี้ถือเป็นหนึ่งในร่างกายชั้นยอด
จากจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนพร้อมกัน ผู้มีกายเต๋าโดยกำเนิดจะเข้าสู่ระดับผันวิญญาณและเส้นทางแห่งการฝึกตนแทบจะไร้อุปสรรคในการทะลวงถึงระดับหยางบริสุทธิ์ และความเป็นไปได้ในการบรรลุระดับหยวนเสินก็สูงกว่าคนทั่วไปด้วย
ดังนั้นตระกูลถังจึงเคยเป็นตระกูลอันดับต้นๆ ของแคว้น
ต่อมาเนื่องจากตระกูลถังไม่มีทายาทกายเต๋าโดยกำเนิดอีกนานจึงค่อยๆ เสื่อมถอยและเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติอันชั่วร้าย ในท้ายที่สุดจึงเหลือผู้มีความสามารถเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ครอบครัวที่ตระกูลถังเคยสร้างความขุ่นเคืองจึงเริ่มดูถูกพวกเขาแทน มีแม้กระทั่งผู้ฝึกตนที่จับกุมคนจากตระกูลถังไปเพื่อศึกษาเลือด โดยหวังว่าจะค้นพบความลับของกายเต๋าโดยกำเนิด
ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยศัตรูรอบด้าน ทำให้บรรพบุรุษของตระกูลถังคนหนึ่งเกิดความคิดประหลาด เขารู้สึกว่าความเป็นกายเต๋าโดยกำเนิดนั้นคือลางร้ายและมันจะทำลายตระกูลถัง
ดังนั้นเขาจึงออกกฎห้ามฝึกตนและพาลูกหลานย้ายมายังตงโจวอันห่างไกล โดยเสียสละตัวเองใช้วิชาต้องห้ามเพื่อผนึกสายเลือดแท้จริงของตระกูลและสั่งให้คนรุ่นหลังปฏิบัติตัวเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
เรียกว่าการผนึก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคำสาป
ตามที่เห็นคือตอนนี้ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลถังที่มีกายเต๋าโดยกำเนิดเหลือเพียงถังซืออวิ๋น นางสามารถถูกรังแกโดยผู้ที่ยังไม่เข้าสู่ระดับชี้วิถีเต๋าด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีใครช่วยเหลือ เกรงว่าตระกูลถังจะสูญสิ้นแล้วจริงๆ
บรรพบุรุษตระกูลถังไม่สมควรหลบอยู่ในเงามืดและสมควรปลูกฝังคนรุ่นหลังเพื่อกลับมารุ่งโรจน์แท้ๆ
แต่เขากลับหยุดกินเพราะสำลัก ยอมสละอำนาจโดยสมัครใจและมอบอำนาจตัดสินชีวิตให้ผู้อื่น ยอมถวายชีวิตไว้ในมือของผู้อื่น ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกอะไร ถ้านั่นเป็นบรรพบุรุษของซูอัน เกรงว่าเถ้ากระดูกจะถูกซูอันขุดขึ้นมาโปรยแน่นอน
โชคดีที่บรรพบุรุษของตระกูลถังคนนี้ไม่ได้โง่โดยสิ้นเชิงและยังคงมีความหวังริบหรี่เหลือให้บ้าง
นั่นคือการผนึกสายเลือดของตระกูลถังไว้ในจี้หยก หากลูกหลานเผลอทำลายผนึกสายเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยการหยดเลือดตัวเองลงในจี้หยกก็จะได้รับมรดกเป็นวิทยายุทธของตระกูลถัง
ซึ่งจี้หยกนี้อยู่บนร่างของถังซืออวิ๋น
ส่วนวิธีสลายผนึกสายเลือดคือ หนึ่งกายหยางศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอกเยี่ยเสวียนและอีกหนึ่ง...
ไข่มุกปรากฏขึ้นในมือของซูอัน มันคือไข่มุกหยางแท้ที่แย่งมาจากเยี่ยเสวียนนั่นเอง
สิ่งที่เป็นหยางสูงสุดเช่นนี้สามารถทำลายผนึกสายเลือดได้
“ซืออวิ๋น เจ้าอยากฝึกตนหรือไม่?” เขาถาม
“เอ่อ ข้าน้อย ข้าน้อยฝึกได้หรือเจ้าคะ?” ถังซืออวิ๋นถามด้วยความไม่มั่นใจ “ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะท่านเซียน ข้าน้อยเคยลองฝึกตนมาแล้ว แต่ไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้เลย ท่านพ่อบอกว่าคนตระกูลถังไม่ได้เกิดมาพร้อมความสามารถในการฝึกตนเจ้าค่ะ”
ขณะที่นางพูดแบบนี้ก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกต่ำต้อยเหลือเกิน ใครบ้างไม่ปรารถนาที่จะกลายเป็นเซียน เพราะถึงอย่างไรมนุษย์แตกต่างจากเซียน แต่ตระกูลถังของนางเหมือนถูกสวรรค์สาปให้ไม่สามารถฝึกตนได้แม้แต่เคล็ดวิชาพื้นฐานที่สุด
“อย่าเรียกข้าว่าเซียนอีกเลย ข้าชื่อซูอัน อู่ซ่วนโหวแห่งต้าซาง จากนี้ให้เรียกข้าว่าคุณชายหรือท่านโหวก็ได้” ซูอันใช้นิ้วลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ เพื่อปัดผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งให้นาง
“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะเรียกท่านว่าคุณชายเจ้าค่ะ”
ถังซืออวิ๋นอดไม่ได้ที่จะแสดงความสุขบนใบหน้า เพราะการเปลี่ยนคำเรียกขานดูเหมือนจะทำให้นางและซูอันใกล้ชิดกันมากขึ้น
ด้านหลังของนางคือป้าถังที่ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
นางเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลถัง แม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตระกูลถัง แต่นางไม่มีลูกและเลี้ยงดูถังซืออวิ๋นมาจนเติบใหญ่