บทที่ 9 ไปด้วยกัน
หลงเสวียอิงหันหน้าไปในทิศทางต้นตอของเสียงและเห็นผู้อาวุโสหยาง ชายที่มีผมและเคราสีขาว และดูเหมือนจะอ้วนเล็กน้อย
ผู้อาวุโสหยางเป็นผู้อาวุโสที่ดูแลหอสมบัติ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับปู่ของนาง หลงมู่ แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลง ทั้งในแง่ของพลังและหน้าที่ความรับผิดชอบ
“คารวะผู้อาวุโสหยาง” นางสงบสติอารมณ์ลงและกล่าวทักทายเขาอย่างสุภาพ เมื่อเห็นนางสงบลง ผู้อาวุโสหยางก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมนางอยู่ในใจ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงโจมตีเขา?” ผู้อาวุโสหยางถามขณะมองไปที่หลงเฉิน
“ข...เขา...” หลงเสวียอิงพูดตะกุกตะกัก นางไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต่อผู้อาวุโสหยางอย่างไร นางรู้สึกเขินอาย และไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าหลงเฉินโอบกอดนาง
“เขาทำไม?” ผู้อาวุโสหยางถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมากยิ่งขึ้น
“เขาแตะเนื้อต้องตัวข้า!” ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้าและพูดมันออกมา แม้ว่านางจะกล้าพูดออกมา แต่ก็ไม่ได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
“เจ้าแน่ใจรึว่าเขาทำเช่นนั้น? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาผู้นี้เป็นใคร?” ผู้อาวุโสหยางถามด้วยสีหน้าแปลกๆ
“เรื่องที่เกิดกับคำถามว่าเขาเป็นใครมันเกี่ยวข้องอะไรกันอย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ?” หลงเสวียอิงถามด้วยสีหน้าที่ดูสับสนขณะมองไปที่ผู้อาวุโสหยาง
“เจ้าเคยได้ยินเรื่องของหลงเทียนหรือไม่?” ผู้อาวุโสหยางถาม
“ใครจะไม่เคยได้ยิน? แน่นอน ข้าเองก็ได้ยินเรื่องของเขาเช่นกัน เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้นำ และเป็นอัจฉริยะที่ล่วงหล่นของตระกูลหลงที่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปหลังจากที่ถูกนักฆ่าลอบสังหาร” หลงเสวียอิงตอบ
“ชายที่เจ้าโจมตีนั่นแหละคือเขา เขาคือหลงเทียน เจ้าควรตระหนักว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้สติปัญญาของเขาเหมือนเด็กอายุ 2 ปี แม้ว่าร่างกายของเขาจะเหมือนเด็กอายุ 12 ปีแล้วก็ตาม และข้าไม่คิดว่าเขาจะทำไปโดยเจตนา มันเป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องที่เจ้าพูดมันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด? เจ้าเองก็คิดแบบนั้นใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสหยางถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เขาคือหลงเทียน? คนที่สูญเสียสติสัมปชัญญะหลังจากถูกนักฆ่าลอบสังหาร?” นางหันไปมองเขาและเริ่มเห็นความคล้ายคลึงบางอย่าง นางเคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อน และเคยเจอเขาอยู่หลายครั้งก่อนที่จะถูกลอบสังหาร แต่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา นางไม่ได้เจอเขาเลย ดังนั้นนางเลยจำเขาไม่ได้ในตอนแรก
แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าชายตรงหน้าเป็นใคร นางรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน และตอนนี้มันก็ทำให้นางรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่เข้าไปทำร้ายเขา โดยที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์เสียก่อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนผู้กระทำเสียเอง
“ผู้อาวุโสหยาง ข้าคิดว่าท่านพูดถูก บางทีมันอาจเป็นอุบัติเหตุ ข้าขอโทษที่โจมตีเขา ถึงขั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ” นางกล่าวด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
“ข้าจะพาเขาไปที่ตำหนักของเขาเพื่อให้เขาได้พักผ่อน แล้วข้าจะเข้าไปกราบขอโทษป้าจืออี้ที่ทำร้ายหลงเทียน” หลงเสวียอิงกล่าว และคว้าแขนของหลงเฉินด้วยมือที่อ่อนนุ่มของนาง และพาเขาไปกับนาง
ผู้อาวุโสหยางมองดูพวกเขาเดินจากไปด้วยกันอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในหอสมบัติ
หลังจากที่ทั้งสามคนจากไปแล้ว โดยที่ไม่มีใครสังเหตเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ในระยะไกล และเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด คนผู้นั้นน่าจะมีอายุประมาณ 18-19 ปี เขามีผมดำยาวและมีแววตาที่มืดมนราวกับก้นเหว
เขาคือหลงชู การฝึกฝนบ่มเพาะพลังของเขาอยู่ที่ระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 8 แต่ไม่นับว่าเป็นรุ่นเยาว์เพราะเขาอายุเกิน 18 ปีแล้ว เขาเป็นบุตรชายของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหลง หลงฮัว แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเป็นอับดับสองของตระกูลหลง แต่เขาก็อ่อนแอกว่าผู้นำตระกูลหลงอย่างหลงเหรินเป็นอย่างมาก
หลงฮัวมีหน้าที่ดูแลเรื่องสำคัญของตระกูลเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เขามักจะใช้เวลาไปกับการฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ในห้อง และเขามีบุตรชายอยู่ 2 คน คนแรก คือ หลงชู ส่วนคนที่สอง ตอนนี้เขาอายุเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น
ในตอนนี้ สีหน้าของหลงชูเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อหลงเฉิน เขาชอบหลงเสวียอิงมาก นับตั้งแต่ที่เขาเห็นนางที่หอสมบัติเมื่อ 5 ปีก่อน และพยายามทำให้นางตกหลุมรักเขามาโดยตลอด แต่นางกลับไม่เคยให้ความสำคัญกับเขาเลยแม้แต่น้อย และเมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามเข้าหานาง นางก็มักจะพูดกับเขาอย่างสุภาพ แล้วพยายามรักษาระยะห่างจากเขา
แล้ววันนี้ตอนที่เขากำลังจะเข้าไปในหอทักษะเพื่อเลือกทักษะการต่อสู้อื่นๆให้ตัวเอง เขาก็เห็นหลงเสวียอิงออกมาจากหอสมบัติพอดี ทำให้เขาต้องหยุดชะงักลง และในขณะที่เขากำลังจะเข้าไปหานาง เขาก็เห็นหลงเฉินล้มใส่นาง
ภาพที่นางอยู่ในอ้อมกอดของหลงเฉินเป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้เขาอยากจะพุ่งตรงเข้าไปหาทันที และบดขยี้ชายคนนั้น แต่เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มันก็ทำให้เขาไม่กล้าลงมือ
เขาเคยเห็นหลงเฉินมาก่อน ดังนั้นเขาเลยรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหลานชายของผู้นำตระกูล หลงเหริน ถึงแม้ว่าปู่ของเขาจะแข็งแกร่ง แต่หลงเหรินก็แข็งแกร่งกว่าปู่ของเขามาก
ในตอนที่เขาเห็นหลงเสวียอิงโจมตีหลงเฉิน เขาก็แอบอธิษฐานอยู่ในใจขอให้นางฆ่าอีกฝ่ายได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็จะเข้าไปแก้ต่างให้นาง และบอกกับคนอื่นว่าเขาเห็นหลงเฉินเข้าไปลวนลามนาง ทำให้นางเผลอฆ่าหลงเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาคิดว่าหลงเหรินคงไม่มีจิตใจคับแคบ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่ามันเป็นความผิดของหลานชายเขาเองที่ลวนลามผู้อื่น
แต่เหตุการณ์ต่างๆก็ไม่เป็นไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้ ผู้อาวุโสหยางออกมาหยุดนาง และบอกนางว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทำให้หลงเฉินรอดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้
แม้จะผ่านไปได้สักพักแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวของหลงชูก็ไม่บรรเทาลง และเขาก็ตัดสินใจวางแผนกำจัดหลงเฉิน
‘ไอ้สารเลวนั่นกล้ามาแตะต้องเสวียอิงของข้า’ หลงชูคิดขณะกัดฟัน
ขณะเดียวกันแผนการชั่วร้ายก็เกิดขึ้นในใจของเขา ซึ่งแผนดังกล่าวจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ส่วนหลงเฉินไม่มีทางรู้เรื่องนี้ เขากำลังเดินกับหลงเสวียอิงอย่างมีความสุข นางกำลังจับมือเขาขณะพาเขากลับไปที่ตำหนักของตัวเอง ตอนนี้หลงเฉินกำลังเพลิดเพลินกับความนุ่มนวลมือของนาง ซึ่งหลายคนที่เห็นพวกเขาสองคนระหว่างทางต่างก็พากันอิจฉาหลงเทียน
‘ไอ้สารเลวนั่น! ทำไมมันถึงโชคดีขนาดนั้นถึงได้จับมือของน้องเสวียอิง?’ หลายคนคิดและรู้สึกอิจฉา
ขณะที่หลงเสวียอิงกำลังเข้าไปในลานบ้านของหลงเฉิน นางก็หยุดฝีเท้าลงเมื่อสังเกตเห็นแม่ของเขาอยู่ในตำหนัก นางเลยตัดสินใจพาเขาไปที่นั่นก่อนเพื่อชี้แจงความเข้าใจผิด และกราบขอโทษที่ทำร้ายบุตรชายของนาง
นางเคาะประตูสองสามครั้ง เมื่อประตูเปิดออกก็มีสาวงามคนหนึ่งเดินออกมา นางคือซือหม่าจืออี้ ซึ่งทำให้หลงเฉินประหลาดใจอีกครั้ง
‘ทุกครั้งที่ข้าเห็นนาง นางดูเหมือนจะสวยขึ้นทุกครั้ง’ หลงเฉินคิดอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะชมว่านางสวย แต่ก็ไม่มีความคิดสกปรกอยู่ในใจของเขา
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเศร้าเมื่อนึกถึงพ่อของเขา แม้ว่าหลงจุนจะเป็นพ่อของหลงเทียนไม่ใช่พ่อของเขาก็ตาม แต่เขาก็ยังรู้สึกเศร้าอยู่ดี เพราะตอนนี้เขากำลังแบ่งปันความทรงจำของหลงเทียนอยู่ ซึ่งอาจรวมถึงความรู้สึกบางอย่างด้วย