บทที่ 5 เดินเล่น
หลังจากที่ลุกขึ้นจากเตียง หลงเทียนก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า มันมีเสื้อผ้าหรูหราหลายชุดอยู่ข้างใน ซึ่งมีรูปลักษณ์แตกต่างกันไปตามโอกาสต่างๆ หลงเทียนเลือกชุดและหยิบมาสวมใส่ แต่ขณะที่เขาแต่งตัว เขาก็ตัดสินใจสวมชุดคลุมสีทองเหมือนกับที่หลงเหรินมักสวมใส่อยู่ประจำ นั่นคือเสื้อคลุมที่มีมังกรปักอยู่บนเสื้อ
หลังจากที่เขาเตรียมตัวพร้อมแล้ว หลงเฉินก็มองดูตัวเองในกระจก และยอมรับว่าตัวเองเหมือนองค์ชายจักรวรรดิอย่างแน่นอน แล้วไม่แปลกใจเลยถ้าคนอื่นจะอิจฉามาก
“ถ้าชีวิตที่แล้วของข้าหล่อเหลาเหมือนข้าในตอนนี้มันจะน่าทึ่งขนาดไหน” หลงเฉินคิดพรางหัวเราะ
เขามีผมที่ตรงยาว ริมฝีปากบาง ดวงตาสีทอง และมีรอยยิ้มที่สวยงาม ประกอบกับเสื้อผ้าที่หรูหราและรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังหลงใหลตัวเอง
หลังจากที่ชื่นชมรูปร่างหน้าตาของตัวเองอย่างเนิ่นนาน หลงเฉินก็ตัดสินใจที่จะออกไป เขาเปิดประตูและก้าวเดินออกไป และมีสายลมอันสดชื่นต้อนรับเขา ด้านนอกเขาเห็นสวนขนาดใหญ่และงดงาม แม้จะเป็นสวนของเขาเอง แต่มันก็ยังดูงดงามมากอยู่ดี
ถึงแม้ว่าเหล่าคนรับใช้จะไม่ได้ให้ความเคารพต่อหลงเทียน แต่พวกเขาก็ยังดูแลสวนของเขาเป็นอย่างดี นั่นเป็นเพราะมันเป็นสถานที่ที่แม่ของหลงเทียนมักจะเดินผ่านเป็นประจำเมื่อนางไปที่ห้องของหลงเทียน
พวกเขาจะปฏิบัติต่อหลงเทียนยังไงก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่มันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที ถ้าแม่ของเขาหรือคนในตระกูลรับรู้เรื่องนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องรักษาทัศนียภาพเพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่าพวกเขายังให้ความเคารพต่อหลงเทียนอยู่
หลงเทียนเดินผ่านสวน และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์และกลิ่นหอมอันสดชื่นของดอกไม้ แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนดังออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า มีเจ้าโง่ตัวหนึ่งชอบออกไปเดินเล่นอย่างโง่เขลา ทำไมพวกเราต้องดูแลสวนของคนโง่เขลาแบบนั้นด้วย” หลงเทียนหันไปมองต้นตอของเสียงและเห็นคนรับใช้ที่กำลังทำงานอยู่ในสวน
‘มันกล้าพูดแบบนั้นเพราะไม่รู้สินะว่าข้าไม่ใช่หลงเทียน และข้าก็เข้าใจที่มันพูด’ หลงเฉินคิด
‘ยังไงก็ตาม ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน ข้าอยากจะเห็นทัศนคติของคนอื่นที่มีต่อข้าก่อน แล้วข้าจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะจัดการกับคนเหล่านั้นอย่างไรในอนาคต’ หลงเฉินคิดขณะที่เขาเดินผ่านสวน
เขาเดินเข้าไปใกล้ลาน ‘แม่ของเขา’ แต่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไป ประตูก็เปิดออก และมีสาวงามคนหนึ่งเดินออกมา นางมีผมสีดำยาวเงา ดวงตาสีดำ และมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ นางเป็นแม่ของหลงเทียน ซือหม่าจืออี้
แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่า แม่ของเขาอายุประมาณ 40 ปี แต่นางกลับดูเหมือนอายุไม่ถึง 25 ปี นั่นอาจเป็นเพราะนางเองก็ฝึกฝนวรยุทธเช่นกัน เนื่องจากสตรีที่ฝึกฝนวรยุทธจะสามารถรักษาความเยาว์วัยได้นาน ยิ่งระดับบ่มเพาะพลังสูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเยาว์วัยขึ้นเท่านั้น
“เจ้ากำลังจะไปไหน เทียนเอ๋อ? เจ้าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกอย่างนั้นหรือ?” ขณะที่หลงเฉินจมอยู่ในความคิด ‘แม่ของเขา’ จู่ๆก็ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
หลงเฉินมองไปที่นาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับนาง หรือว่าเขาควรจะเดินต่อและไม่สนใจคำถามของนางดี?
‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้านางรู้ว่าข้าหายป่วยแล้ว? หรือแย่กว่านั้นถ้าลูกว่าข้าไม่ใช่ลูกของนางล่ะ?’ หลงเฉินคิด
ท้ายที่สุด หลงเฉินก็ตัดสินใจไม่พูดอะไร เมื่อถึงเวลาเขาจะทำให้ทั้งตระกูลต้องตกตะลึง แล้วแม่ของเขาก็จะรับรู้ได้เองว่าเขากลับมาแล้ว
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ นางก็เดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
เมื่อนางยืนอยู่ตรงหน้าเขา นางก็คุกเข่านั่งลงกับพื้น แล้ววางมือลงบนแก้มของเขาและพูดด้วยความอ่อนโยนว่า
“เจ้าดูน่าทึ่งมาก เทียนเอ๋อ เจ้าเหมือนกับบุตรแห่งสวรรค์ไม่มีผิด หลิงช่างเป็นเด็กสาวที่โชคดียิ่งนัก เอาล่ะ ไปเถอะ แม่จะไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาเล่นแล้ว” นางจูบแก้มของเขาขณะที่พูด
หลงเฉินหันหลังกลับและเดินจากไป
“ใครคือ ‘หลิง’ ที่นางพูดถึง ในความทรงจำของข้า ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” หลงเฉินพึมพำกับตัวเองขณะเดิน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปล่อยวางความคิดนั้น และมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง
มีสนามฝึกซ้อมขนาดใหญ่ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลง มันมีความยาวแต่ละด้านหลายร้อยเมตร สนามฝึกซ้อมได้รับการขยายให้กว้างขวางพอที่จะให้ลูกหลานของตระกูลหลงทุกคนสามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้ได้อย่างอิสระในที่แห่งนี้ และยังมีเวทีประลองที่คนในตระกูลสามารถประชันฝีมือกันเองได้
แต่ว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ทำร้ายคู่ต่อสู้ได้ เพราะยังไงเสียพวกเขาก็เป็นคนตระกูลเดียวกัน สถานที่แห่งนี้มีไว้เพียงแค่แลกเปลี่ยนวรยุทธกันเท่านั้น หากตั้งใจทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจะถูกลงโทษตามกฎของตระกูล หากเป็นเพียงอุบัติเหตุก็สามารถยอมรับได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
หลงเฉินรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นสถานที่แห่งนี้ และคนจำนวนมากที่อยู่ที่นี่ แม้ว่าเขาจะเคยเห็นจากในความทรงจำของหลงเทียนมาก่อนแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นประสบการณ์ที่น่าตกตะลึงอยู่ดีเมื่อเห็นด้วยตาตัวเอง ที่นี่มีเด็กมากกว่าร้อยคนกำลังฝึกฝนการเคลื่อนไหวอยู่สนามซ้อม
ที่นี่เขาเห็นแต่เด็กที่อายุน้อยกว่าเขา เขารู้ว่าผู้ใหญ่จะฝึกฝนที่อื่น เพราะพลังของพวกเขาอาจทำให้เด็กที่อยู่ที่นี่ได้รับบาดเจ็บ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในสนามฝึกซ้อมถึงมีแต่เด็กอายุระหว่าง 7-15 ปี เท่านั้นที่ฝึกฝนอยู่ที่นี่
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลง ผู้ที่เป็นบุตรของผู้อาวุโสใหญ่ แต่ก็มีลูกพี่ลูกน้องหลายคนของเขาอยู่ที่นี่ และเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคน คนส่วนใหญ่ที่ฝึกฝนอยู่ที่นี่จะอยู่ต่ำกว่าระดับหลอมกายาขั้น 9 ซึ่งอ่อนกว่าหลงเฉิน แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่อยู่ระดับหลอมกายาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกับตัวเขา
เขาเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังฝึกฝนอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า และประหลาดใจกับทักษะต่อสู้ของเด็กคนนั้น เขาสามารถควบคุมพลังปราณในอากาศได้และเค้นมันออกมาจากร่างกายเพื่อโจมตีอีกฝ่าย การโจมตีของเขามันดูแปลกประหลาด ราวกับการโจมตีของเขานั้นมีชีวิต หลงเฉินรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เด็กคนนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทะลวงผ่านระดับก่อจิตวิญญาณ
เขาจำได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกชายของลุงสี่ หลงอัน และมีอายุ 12 ปี เท่ากับหลงเทียน แต่ตอนนี้เขากลับทะลวงผ่านระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 1 แล้ว ซึ่งก่อนที่หลงเทียนจะถูกลอบสังหาร เด็กคนนี้เป็นเหมือนกับมดเมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเทียน แต่ตอนนี้เขากลับแข็งแกร่งกว่าเขาแล้ว
หลงเฉินค่อยๆเดินไปหาเขา