ตอนที่แล้วบทที่ 40 นักบำเพ็ญเซียนวิถีมารแห่งเมืองฉาวหยิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 ถ้ำมาร

บทที่ 41 ภารกิจผจญภัย: กำจัดเหล่ามาร


"ฉู่อี้..."

ชื่อของศิษย์ผู้นี้ ลู่ผิงคุ้นเคยอย่างยิ่ง

สาเหตุที่ฉู่อี้ออกจากเขาไปผจญภัย ก็เป็นเพราะตอนแรกลู่ผิงใช้ระบบ [ผจญภัย] กำหนดให้ฉู่อี้ลงจากเขาไปผจญภัยนั่นเอง

ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ในที่สุดฉู่อี้ก็ส่งข่าวกลับมาจากการผจญภัย

เพียงแต่ ก่อนจะนำอะไรกลับมาให้นิกาย กลับพบร่องรอยพวกนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารเสียก่อน แถมยังถูกพวกนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารทำร้ายอีก...

เปิดดูรายละเอียดข้อความแจ้งเตือน พอลู่ผิงมองแวบเดียว ก็เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว

ทั้งเรื่องค่อนข้างง่ายๆ

สรุปแบบย่อๆคือ เมื่อหลายวันก่อน ฉู่อี้เดินทางมาถึงเมืองฉาวหยิน ในขณะที่ลงจอดพักในเมือง เขาพบว่ามีนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารมาฆ่าผู้คนในเมือง หลอมสร้างอาวุธวิถีมาร

ในฐานะศิษย์นิกายชิงซาน ตัวฉู่อี้เองมีความเที่ยงธรรมสูง อีกทั้งยังเป็นคนอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเห็นความอยุติธรรม

ครั้นพบนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารมาก่อกวน เขาย่อมอดกลั้นไม่ไหว

เมื่อิดกลั้นไม่ไหว การต่อสู้กับนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารก็เกิดขึ้น

ฉู่อี้ต่อสู้ด้วยวิชากับนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารหนึ่งคน สุดท้ายแม้จะทำร้ายนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารได้ แต่ก็ไม่อาจฆ่าอีกฝ่ายได้สำเร็จ ปล่อยให้นักบำเพ็ญเซียนวิถีมารหนีซ่อนตัวรักษาบาดแผลในเมืองฉาวหยิน ชั่วคราวนี้ไม่กล้าโผล่หน้ามาอีก

ส่วนตัวฉู่อี้เองก็ได้รับบาดเจ็บเพราะพลังวิเศษยังไม่กล้าแข็งพอ ตอนนี้กำลังรักษาตัวเช่นกัน

เขากังวลว่าพอนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารฟื้นตัว จะกลับมาเผยโฉมก่อกวนอีก ตนเองไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน จึงเกิดความคิดขอความช่วยเหลือจากนิกาย

เรื่องก็เป็นอย่างนี้

หลังจากที่ลู่ผิงเข้าใจสาเหตุและที่มาที่ไปแล้ว ระบบก็แสดงข้อความอีกข้อความหนึ่ง

[เปิดใช้งานภารกิจผจญภัยแล้ว]

[ภารกิจผจญภัย: กรุณากำจัดนักบำเพ็ญเซียนวิถีมาร x1 ในเมืองฉาวหยิน ปกป้องความสงบสุขของผู้คนในเมืองฉาวหยิน]

[รางวัลภารกิจ: ค่าชื่อเสียง 192, ดาบเพลิงกล่องไม้ x1]

ลู่ผิงชะงักเล็กน้อย

ระบบ [ผจญภัย] นี่ยังสามารถเปิดใช้งานภารกิจผจญภัยได้ด้วยหรือ

การใช้งานแบบนี้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย

มองดูภารกิจผจญภัยที่ต้องปฏิบัติ ลู่ผิงหรี่ตาเล็กน้อย

"พวกนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารทำชั่วมากมาย ควรรีบกำจัดโดยเร็ว"

ยามนี้พอเห็นคำว่านักบำเพ็ญเซียนวิถีมาร ลู่ผิงก็นึกถึงเหตุหายนะของอำเภอหลูซานที่ลู่หยวนซานเคยเล่าให้ฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในเหตุหายนะครั้งนั้น นิกายชิงซานเกือบจะถูกทำลายด้วยน้ำมือพวกนักบำเพ็ญเซียนวิถีมาร

นักบำเพ็ญเซียนวิถีมารทั้งปวงในใต้หล้าสมควรถูกฆ่าให้สิ้น

ไม่ว่าระบบจะประกาศภารกิจผจญภัยนี้หรือไม่ นักบำเพ็ญเซียนวิถีมารแห่งเมืองฉาวหยินจำเป็นต้องกำจัดอยู่แล้ว

ถึงแม้ระบบไม่ได้ระบุถึงขั้นบำเพ็ญของนักบำเพ็ญเซียนวิถีมาร ว่าจะจัดการยากหรือไม่ แต่จากขั้นบำเพ็ญของฉู่อี้ก็พอจะประมาณได้คร่าวๆ

ฉู่อี้อยู่ในขั้นฝึกปราณชั้น 5 กำลังจะทะลุไปสู่ขั้นฝึกปราณชั้น 6 สามารถต่อสู้กับนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารจนทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ แสดงว่าพลังของนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารต้องอยู่ในขั้นต่ำกว่าสร้างฐานแน่ๆ

ตอนนี้ก็บาดเจ็บเช่นกัน พลังต่อสู้จะลดลงไม่น้อย

การกำจัดนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารเป็นเรื่องที่แข่งกับเวลา หากให้โอกาสพวกมันได้รักษาตัวเพียงพอ ต่อไปออกจากที่หลบซ่อนมาบูชาเลือดผู้คนหลอมสร้างอาวุธวิถีมาร ตอนนั้นจะจัดการได้ยากกว่านี้อีก

ลู่ผิงจึงติดต่อสื่อสารกับลู่หยวนซานทันที เล่าเรื่องที่นักบำเพ็ญเซียนวิถีมารปรากฏตัวในเมืองฉาวหยินให้ลูกชายคนโตฟัง

ได้ยินว่าศิษย์ของนิกายไปต่อกรนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารในเมืองฉาวหยิน ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังกำจัดนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารไม่สำเร็จ แต่ลู่หยวนซานก็ยังชมในใจว่า ฉู่อี้เป็นหนุ่มน้อยที่ดี

"เรื่องนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารในเมืองฉาวหยิน ตอนนี้จัดการทันทีเลย"

ลู่ผิงสั่ง "พยายามออกเดินทางภายในวันนี้"

เมืองฉาวหยินตั้งอยู่ในอำเภอหลูซาน อยู่ห่างจากนิกายชิงซานสองร้อยกว่าลี้ทางทิศตะวันออก จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แล้ว มันอยู่ใกล้กับอำเภอกว้างเต๋อ

รอบๆอำเภอกว้างเต๋อพันลี้ มีเมืองทั้งหมด 16 เมือง

เมืองฉาวหยินเป็นเมืองขนาดค่อนข้างเล็ก มีประชากรประมาณ 3,000 คน ดำรงชีพด้วยการทำนา เพาะเลี้ยงสัตว์ และทำประมง

ประชากรหลายพันคน ในสายตานักบำเพ็ญเซียนวิถีมารก็มีความน่าสนใจมากเช่นกัน สามารถฆ่าปุถุชนเหล่านี้เพื่อบำเพ็ญวิชามารได้ หลอมสร้างอาวุธวิถีมาร ช่วยยกระดับพลังได้อย่างรวดเร็ว

หากพูดให้ใหญ่โต นครใหญ่ที่มีประชากรหลายสิบล้าน หรือแม้แต่ร้อยล้านคน พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นเช่นนี้ มักเป็นเป้าหมายการจ้องจับของจอมมารขั้นแก่นทองคำ

แต่ว่านครใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคนขึ้นไป มักมีนิกายท้องถิ่นขนาดใหญ่ปกป้องอยู่ สามารถรับประกันความปลอดภัยของประชาชนทั้งเมือง

ส่วนเมืองเล็กๆอย่างเมืองฉาวหยิน และยังอยู่ใกล้อำเภอกว้างเต๋อซึ่งเป็นเขตการปกครองของนิกายชิงซาน ตอนนี้ยังไม่มีนิกายใดเต็มใจรับช่วงปกป้อง

เพียงแต่นิกายชิงซานที่ยึดถือคุณธรรมมนุษยธรรม ในฐานะนิกายท้องถิ่นจึงจะยอมยื่นมือออกไปช่วยปกป้องหนึ่งสองเมืองเท่านั้น

ได้รับคำสั่งจากลู่ผิงแล้ว ลู่หยวนซานไม่กล้าบิดพลิ้ว จึงรีบเรียกลู่ฉางเฟิงและลู่จือเวยมา เล่าเรื่องนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารให้ทั้งสองฟัง รวมถึงปรึกษากันถึงแผนการลงมือ ว่าจะส่งใครไป

"นักบำเพ็ญเซียนวิถีมารได้ปรากฏตัวในเมืองฉาวหยินแล้ว หากครั้งนี้ไม่รีบลงมือฆ่าเสีย เมื่อถึงเวลาที่พวกมันสร้างอาวุธวิถีมารสำเร็จ เกรงว่าในอนาคตจะกลายเป็นภัยร้ายแรง อาจจะส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของอำเภอกว้างเต๋อด้วย"

ลู่หยวนซานเอ่ยถึงความกังวลของตน

เมืองฉาวหยินห่างจากอำเภอกว้างเต๋อมากแค่ไหนกันเชียว

ถึงแม้จะห่างกว่าสองร้อยลี้ สำหรับปุถุชนแล้วนับเป็นระยะทางที่ไกลมาก การเดินทางไปกลับต้องใช้เรือและรถ เสียเวลาเสียแรงมาก

แต่ระยะทางแค่นี้สำหรับนักบำเพ็ญเซียน ก็แค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น

สำหรับนักบำเพ็ญเซียนขั้นสูง ระยะทางแค่นี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีก

ลู่หยวนซานไม่กล้ารับประกันว่า หากปล่อยนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารหนีไป พวกมันจะไม่แอบเข้าไปในอำเภอกว้างเต๋อที่อยู่ใกล้เคียง และสร้างความชั่วร้ายต่อในอำเภอกว้างเต๋อ

ดังนั้นการฆ่าล้างพวกมันทันทีจึงเป็นสิ่งที่นิกายชิงซานต้องทำในเวลานี้

ไม่ใช่แค่นิกายชิงซาน แม้แต่ตระกูลเซียนและนิกายอื่นๆ เมื่อพบร่องรอยของนักบำเพ็ญเซียนวิถีมาร ก็จะลงมือในทันทีเช่นกัน เพื่อกำจัดภัยร้ายจากพวกมารให้เร็วที่สุด

เมื่อ 13 ปีก่อน เหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งใหญ่ของเหล่ามารในอำเภอหลูซาน ได้ฝังลึกอยู่ในกระดูกของชาวบ้านและนักบำเพ็ญเซียนในอำเภอหลูซาน จนกลัวกันไปหมด

เคยถูกงูกัดทั้งที ถึงสิบปีก็ยังกลัวเชือก นักบำเพ็ญเซียนวิถีมารนั้นน่ากลัวยิ่งกว่างูเป็นไหนๆ

ไม่มีใครหวังให้มีนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารโผล่มาทำลายอำเภอและมณฑลอีก ไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมเหมือนในอดีตซ้ำรอย

"ท่านพี่ ข้าขอไปเองเถอะ!"

ลู่ฉางเฟิงอาสาสมัครด้วยตนเอง "ข้าจะต้องฆ่าเจ้านักบำเพ็ญเซียนวิถีมารตัวร้ายนี่ให้ได้!"

พอนึกถึงเรื่องที่นิกายชิงซานเคยถูกนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารบุกเข้ามาทำลายประตูนิกาย จนคนทั้งนิกายพ่ายแพ้ราบคาบ เสียงร่ำไห้ดังทั่ว ลู่ฉางเฟิงก็หน้าตาโกรธแค้นยิ่งนัก

สำหรับพวกนักบำเพ็ญเซียนวิถีมาร เขาอยากจะกินเลือดกินเนื้อพวกมันเลยทีเดียว ตอนนี้ได้ยินว่ามีนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารก่อกวน เขาก็คิดจะฆ่าทันที

ทางด้านข้าง ยังมีอีกคนกำลังยืนมองฟังอยู่ คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แน่นอนว่าเป็นลู่ผิงในสภาพร่างจิตวิญญาณ

เรื่องที่นิกายจะไปกำจัดนักบำเพ็ญเซียนวิถีมาร เขาควรจะไปดูสักหน่อย

ตอนนี้ลู่ฉางเฟิงจะไปด้วยตนเอง ลู่ผิงพอมีความกังวลอยู่ เขาจะต้องไปด้วยแน่นอน

"หยวนซาน จัดศิษย์ที่พลังพอใช้ไปกับฉางเฟิงด้วย เพื่อความปลอดภัยของการเดินทางครั้งนี้"

นอกจากจะไปด้วยแล้ว เขายังไม่ลืมที่จะสื่อสารกับลู่หยวนซาน สั่งไว้ประโยคหนึ่ง

ได้ยินเสียงสื่อสารจากลู่ผิง ที่ชัดเจนว่ากำลังสังเกตการณ์เรื่องนี้อยู่ ลู่หยวนซานไม่ได้คิดว่าลู่ผิงจะอยู่ในหอประชุมนิกายหรือไม่ รู้เรื่องการสนทนาภายในหอได้อย่างไร เพียงแต่พยักหน้ารับอย่างเงียบๆ

"เจ้ารออีกสักครู่ การกำจัดมารเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย ข้าจะจัดการส่งศิษย์ไปอีกสองสามคนติดตามเจ้าไป เพื่อช่วยเหลือกันและกัน"

ลู่หยวนซานเอ่ยโดยไม่ได้บอกว่านี่เป็นคำสั่งของเซียนพ่อ

"ท่านพี่ แบบนี้คงไม่จำเป็นแล้วมั้ง"

ลู่ฉางเฟิงปฏิเสธด้วยสัญชาตญาณ "คาดว่านักบำเพ็ญเซียนวิถีมารตนนั้นคงไม่แข็งแกร่งมากนัก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก ข้าไปคนเดียวก็เพียงพอ"

ถ้าศิษย์ระดับฝึกปราณชั้น 5 อย่างฉู่อี้ยังทำร้ายมันได้ งั้นนักบำเพ็ญเซียนวิถีมารแห่งเมืองฉาวหยินก็แค่ระดับฝึกปราณชั้น 6 ถึง 7 เท่านั้น ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าที่อยู่ในขั้นฝึกปราณชั้น 8

ส่งศิษย์ไปด้วยเพื่อความปลอดภัย ตัวเขาเองไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้นหรอก

ลู่ฉางเฟิงคิดในใจเช่นนั้น

มองดูลู่ฉางเฟิงประมาทศัตรูเถอะ ถ้าเจ้าไม่ใช่ลูกข้า ข้าจะเสียเวลามาสนใจที่ไหนว่าเจ้าจะไปกี่คน!

เห็นลู่ฉางเฟิงปฏิเสธ ลู่ผิงก็ได้แต่จ้องมองอย่างไม่พอใจ

ลู่หยวนซานไม่กล้าขัดคำสั่งของลู่ผิง ท่าทีแน่วแน่มาก

"เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ ไม่ต้องพูดอะไรอีก ฉางเฟิง เจ้าไปเตรียมตัวก่อน เดี๋ยวข้าจัดการส่งศิษย์ไปสมทบกับเจ้า"

ได้ยินดังนั้น ลู่ฉางเฟิงก็ไม่ปฏิเสธอีก

เขาอดกลั้นไม่ไหว หลังจากร้องบอกลู่หยวนซาน ก็ลุกหนีออกจากหอ เดินตรงไปยังด้านนอก

ลู่หยวนซานและลู่จือเวยมองหน้ากัน ก็ลุกออกไปเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด