ตอนที่แล้วบทที่ 3 เป็นหรือตาย?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 เดินเล่น

บทที่ 4 มังกรก็คือมังกร


“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เทียนเอ๋อ ปู่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเจ้าอีกต่อไป กลับบ้านกันเถอะ แม่ของเจ้า กำลังรอรอเจ้าอยู่เป็นแน่” หลงเหรินกล่าวพร้อมรอยยิ้มให้กับหลงเทียน อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องตกใจ เพราะเขาไม่ได้รับการตอบกลับ

เขามองไปที่ดวงตาของหลงเทียน และเห็นเพียงแค่เงาสะท้อนของตัวเองเท่านั้น ดวงตาของหลงเทียนนั้นดูไร้ชีวิตชีวา และมีสีหน้าไร้อารมณ์ และนอนนิ่งไม่ขยับ

“เทียนเอ๋อ??? เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? พูดอะไรสักอย่าง...” หลงเหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่น่าเศร้าที่เขาไม่ได้รับคำตอบจากหลงเทียนแม้แต่น้อย มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาเห็นคือดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองกลับมาที่เขา

“เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ บางทีเจ้าอาจจะเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนกันดีกว่า”

หลังจากพูดจบ หลงเหรินก็บินมุ่งหน้ากลับไปที่ตระกูลหลง ขณะอุ้มหลงเทียนไว้ในอ้อมแขน

หลงเหรินถึงคฤหาสน์ตระกูลหลงพร้อมกับหลงเทียนในอ้อมแขน และตรงไปที่ตำหนักของหลงเทียน ซึ่งตำหนักของเขานั้นงดงามและใหญ่โตมาก นั่นเป็นเพราะเขาเป็นนายน้อยอัจฉริยะแห่งตระกูลหลง

ด้านนอกปกคลุมไปด้วยสวนอันงดงาม มีดอกไม้หลากหลายสีสัน ซึ่งหลงเทียนชอบมองดูดอกไม้เหล่านี้ทุกครั้งที่เขาเดินออกมาจากห้องของตัวเอง และมีข้ารับใช้หลายคนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสวนของเขา และพวกเขาเหล่านั้นก็ทำหน้าที่นี้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขารู้ว่านายน้อยของพวกเขานั้นชอบสวนเหล่านี้มากแค่ไหน

“พ่อตา เกิดอะไรขึ้นกับเทียนเอ๋อ? ทำไมท่านอุ้มเขาแบบนั้น?” ขณะที่เห็นหลงเหรินเดินเข้ามาในลานบ้าน เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของซือหม่าจืออี้ก็ดังขึ้น นางเป็นแม่ของหลงเทียน และเป็นลูกสะใภ้ของหลงเหริน

นอกจากนี้ นางยังมีสถานะอื่นอีก นางมาจากตระกูลซือหม่า และเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลซือหม่า ซึ่งทำให้นางมีสถานะสูง แม้แต่ในตระกูลของนางเองก็ตาม ถึงแม้ว่าตระกูลของนางจะไม่แข็งแกร่งเท่า 3 ตระกูลใหญ่อย่าง ตระกูลหลง กู่ และฉิน แต่ก็ถือว่าเป็น 1 ใน 5 ของอาณาจักร

“จืออี้... มีใครบางคนสุ่มโจมตีและลอบสังหารเทียนเอ๋อ ขอบคุณสวรรค์ที่เขายังมีชีวิตอยู่” หลงเหรินพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

จืออี้วิ่งไปหาหลงเทียนทันที และนำร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาออกจากอ้อมแขนของปู่มาสู่อ้อมแขนของนาง

“เทียนเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรไหม? พูดอะไรสักอย่างสิ นี่แม่เอง ได้โปรดพูดอะไรสักอย่าง!” จืออี้กล่าวและเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางเมื่อมองลูกชายของตัวเอง นางยังคงพูดคุยกับเขาไม่หยุด และพยายามให้เขาพูดอะไรออกมาบ้าง แต่กลับไร้การตอบรับ

“ให้เทียนเอ๋อได้พักผ่อนก่อนเถอะ เขาต้องการพักผ่อน แล้วข้าจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าทีหลัง” หลงเหรินกล่าว จากนั้นจืออี้ก็รู้สึกตัว นางพาหลงเทียนเข้าไปในห้อง และวางเขาลงบนเตียง แล้วห่มผ้าห่มสีทองให้เขา หลังจากมองไปที่บุตรชายของนางอยู่ชั่วครู่ พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า นางก็เดินออกไปจากห้อง

นางเดินตรงไปหาหลงเหรินทันที

“ใครเป็นคนทำเทียนเอ๋อ?” นางถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

“น่าเศร้า ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร มิฉะนั้นข้าจะสังหารพวกมันทั้งหมด แม้แต่คนที่เกี่ยวข้องกับพวกมัน และจะทำให้พวกมันปรารถนาไม่กล้าเกิดมาบนโลกนี้อีก!” หลงเหรินกล่าวขณะมองตรงไปที่ห้องของเทียนเอ๋อ

จากนั้น เขาก็ได้อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด เมื่อเขารู้ว่าหลงเทียนตกอยู่ในอันตราย เขาก็รีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันทีเพื่อช่วยหลงเทียน จืออี้รู้สึกตกใจมาก เมื่อได้ยินว่าลูกของนางตายไปได้สักพัก หยดน้ำตายังคงไหลออกมาจากดวงตาของนาง ขณะที่นางกำลังจินตนาการถึงสิ่งที่ลูกชายของตัวเองต้องเผชิญ

หลงเหรินได้ส่งคนไปรับหมอหลวง หมอหลวงที่เขาเชิญมาเป็นหมอที่เก่งกาจที่สุดในอาณาจักร เขารักษาแต่สมาชิกของตระกูลจักรพรรดิและสามตระกูลใหญ่ ชื่อของเขาคือหมอจาง

หลังจากที่หมอจางมาถึง เขาก็เข้าไปตรวจดูอาการของหลงเทียน หลังจากที่เขาตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็เดินออกมาและพูดว่า “ข้าคิดว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับอาการของหลงเทียน ร่างกายของเขาสมบูรณ์แข็งแกร่งดี นอกจากมีบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”

หมอจางหยุดพูดครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า

“ข้าไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือทำไม แต่หลงเทียนได้สูญเสียสติสัมปชัญญะทั้งหมดไปแล้ว” เขาตระหนักได้ทันทีว่าเขาพูดอะไรผิดไปและรีบแก้ไขคำพูดของตัวเอง

“ข้าหมายถึง เขาเริ่มตอบสนองช้า เขาไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ เหมือนกับกำลังพูดกับเด็กอายุ 2 ปี ที่ถามอะไรไปก็จะไม่ได้รับคำตอบใดๆเลย”

“มีทางรักษาหรือไม่?” หลงเหรินถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้าไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือไม่ บางทีหากปล่อยให้เขาพักผ่อนสัก 2-3 วันอาการอาจดีขึ้น หรือไม่แน่ก็อาจไม่สามารถรักษาได้ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ ข้าไม่อาจพูดได้เต็มปากมากนัก เพราะข้าเองก็ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้มาก่อน ถึงอย่างนั้นข้าก็ขอภาวนาให้เขาหายโดยเร็ว”

“ข้าคงต้องขอตัวก่อน” หมอจางกล่าว

“ข้าจะไปส่งท่าน” หลงเหรินกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น และส่งหมอจาง

-------------------------------------------------

ขณะที่หลงเทียนเห็นความทรงจำเหล่านี้ เขาเองก็รู้สึกโศกเศร้าเช่นกัน เมื่อนึกถึงเรื่องที่เด็ก 8 ปีต้องเผชิญหน้า และสิ่งที่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวเป็นพิเศษคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะทั้งหมดไปและกลายเป็นคนไร้ค่า และไม่ลืมว่าคนในตระกูลปฏิบัติต่อเขาอย่างไร

ลูกพี่ลูกน้องของเขา รังแกเขาอยู่ตลอดเวลา พวกเขาทำได้เพียงอิจฉาในพรสวรรค์ของเขาเท่านั้น เพราะไม่สามารถแย่งชิงมันมาได้ แต่ตอนนี้เขาได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถทำในสิ่งที่ใจปรารถนาได้

พวกเขามักจะพาเขาออกไปโดยอ้างว่าจะพาไปเดินเล่นและรังแกเขา พวกเขาจะให้เขานั่งลงกับพื้นและคุกเข่าลง แล้วใช้เขาเป็นโต๊ะหรือเก้าอี้ บางครั้งก็จะเตะเขาจากด้านหลังให้เขาล้มลงและได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อถูกถามถึงบาดแผลพวกนั้น พวกเขาก็จะแก้ตัวว่า เขาล้มลงไปเองขณะกำลังกลับบ้าน ซึ่งตอนนั้นเองเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้จะถูกรังแกอยู่ก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

แม้แต่เหล่าคนรับใช้เองก็หยุดแสดงความเคารพต่อเขา และปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นขี้ข้าและพวกเขาเป็นเจ้านาย

นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นใน 4 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เขาอายุ 12 ปีแล้ว แม้ว่าระดับบ่มเพาะพลังของเขายังคงอยู่ที่ระดับหลอมกายาขั้นสูงสุด แต่นั่นไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไรอีกต่อไป ตอนนี้เขาไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น คนรุ่นเดียวกับเขาหลายคนต่างก็บรรลุระดับหลอมกายาขั้นสูงสุดในตอนที่อายุ 12 ปี

แม้แต่ในตระกูลของเขาเอง ก็มีคนบรรลุถึง 5 คน นอกจากนี้ยังมีบางคนทะลวงผ่านระดับหลอมกายาเข้าสู่ระดับก่อจิตวิญญาณ และเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล นั่นคือบุตรชายของลุงของเขา เขาอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น แต่ก็บรรลุระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 3 แล้ว

“ฮ่าๆ ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ถึงเวลาที่จะทวงเอาทุกอย่างกลับมา ข้าจะแสดงให้พวกเขาได้เห็นว่ามังกรเหนือกว่าหมาป่าไม่ว่าจะบาดเจ็บแค่ไหนก็ตาม แต่ก่อนอื่นข้าต้องประเมินสถานการณ์เสียก่อน ก่อนที่จะให้คนอื่นรู้ว่าข้าหายดีแล้ว และดูว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู” หลงเทียนยิ้มขณะลุกจากเตียง และพร้อมที่จะเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ในโลกใบนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด