ตอนที่แล้วบทที่ 26 ฟื้นฟูแหล่งเพาะปลูก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28 ประทับตราวิญญาณ

บทที่ 27 ผงเห็ดศักดิ์สิทธิ์


ฟังดูเหมือนว่าอังเกอร์กำลังมองหาพื้นที่ปลูกพืชที่เหมาะสม อายส์เคจึงอาสาพาไปในทันที

ที่นี่เป็นหนึ่งในเจ็ดพื้นที่ปลูกพืชใต้ดิน ไม่ได้ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง จึงไม่สามารถยกให้อังเกอร์ได้ แต่เมื่อผ่านพื้นที่ปลูกพืชนี้ไปแล้ว ก็จะพบหลุมขนาดใหญ่ยักษ์อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งข้างในรกร้างว่างเปล่า

อายส์เคอธิบายว่า "หลุมยักษ์นี้เป็นหลุมที่สภาพภูมิประเทศดีที่สุดในบรรดาพื้นที่ปลูกพืชของเรา มีพื้นที่กว้าง สภาพพื้นราบเรียบ อยู่ใกล้ผิวดินมากกว่า แสงแดดส่องถึงได้ดี ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดคือไม่มีแหล่งน้ำ และยังมีลมแห่งชีวิตรั่วไหลลงมาถึงพื้นดินได้บ้าง จึงทำให้มีบางพื้นที่ที่ปลูกอะไรไม่ขึ้น"

น้ำเสียงของอายส์เคแฝงไปด้วยความเสียดาย ไม่ว่าสภาพภูมิประเทศจะดีแค่ไหน ดินจะอุดมสมบูรณ์แค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์ เพียงแค่ 'ไม่มีแหล่งน้ำ' ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก

แม้ว่าจะสามารถขนน้ำมาจากที่อื่นได้ แต่ก็ต้องใช้แรงงานมากเกินไป ผลผลิตที่ปลูกได้อาจไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูแรงงานที่ใช้ไป

ในทางกลับกัน ลมแห่งชีวิตนั้นแก้ไขได้ง่ายกว่า เพียงแค่สร้างสิ่งกีดขวางการไหลของอากาศ เปลี่ยนเส้นทางการไหลไปยังทิศทางอื่น ไม่ให้ลมพัดลงมาถึงพื้นดินก็พอ เรื่องกลศาสตร์ของไหลแบบนี้ดูเหมือนลึกซึ้ง แต่แค่จอมเวทธาตุลมธรรมดาก็แก้ไขได้

หลังจากอธิบายจบ อายส์เคก็เตรียมพาอังเกอร์ไปยังหลุมยักษ์อีกแห่ง แม้ว่าสภาพภูมิประเทศจะไม่ดีเท่า แต่อย่างน้อยก็มีน้ำไหลและเพียงพอสำหรับให้น้ำพืชผล

แต่ในทันที อังเกอร์หันไปหาฟิลินว่า "ที่นี่ราคาเท่าไหร่"

"หืม? ที่นี่ใช้ได้เหรอ? แต่มันไม่มีน้ำนะ" ฟิลินพูดด้วยความประหลาดใจ แต่เขาก็หาเหตุผลได้ในทันที "จริงสิ ด้วยความสามารถของท่าน มีน้ำไหลหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องจ่ายหรอก ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงที่ดินรกร้าง ขอเพียงแค่ผลผลิตที่ท่านปลูกแบ่งขายให้พวกเราบ้างก็พอ"

ใครก็ตามที่สามารถเปลี่ยนแปลงพื้นที่รกร้างได้ ก็จะได้ครอบครองพื้นที่นั้น เมืองใต้ดินยังส่งเสริมให้ทุกคนไปฟื้นฟูที่ดินรกร้างเสียอีก เพราะเพียงแค่มีที่ดินรกร้างเพิ่มขึ้นสักไร่นึงที่สามารถใช้ปลูกพืชผลได้ เมืองใต้ดินก็จะได้ผลผลิตเพิ่มอีกส่วนนึง

แต่น่าเสียดายที่คนที่มีความสามารถในการฟื้นฟูพื้นที่รกร้างและปลูกพืชได้มีไม่มาก สุดท้ายเมืองใต้ดินเองก็ยังต้องคอยช่วยเหลือ โดยเฉพาะฟิลินที่มีแรงงานจากโครงกระดูกและศพมากมาย ช่วยแก้ไขจุดบกพร่องของสภาพพื้นที่และผลผลิตต่อไร่ได้

หากใครสามารถปลูกพืชได้ ก็เท่ากับช่วยแบ่งเบาภาระของฟิลินไปได้ แม้สุดท้ายจะต้องใช้เงินซื้อ แต่อย่างน้อยก็ยังมีที่ให้ซื้อ เพราะตอนนี้ถึงแม้มีเงินก็ไม่มีที่ไหนขายอาหารเลย

แค่อังเกอร์ยินดีปลูก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้ที่ดินเขาฟรีๆ ฟิลินยังยินดีอุดหนุนผลผลิตของ

ไม่ต้องเสียเงินเหรอ? อังเกอร์เอียงศีรษะด้วความสงสัย เขาเป็นแค่โครงกระดูกตัวเล็กๆ ที่ปลูกผักเท่านั้น ไม่มีความคิดเรื่องเงินทองอะไร ฟิลินเคยสั่งสอนแนวคิดเรื่องการแลกเปลี่ยนมูลค่าเท่าเทียมกันให้เขา แต่ตอนนี้กลับไม่ต้องจ่ายเงิน?

ไม่ต้องจ่ายก็ไม่ต้องจ่ายแล้วกัน ขอแค่มีที่ให้ปลูกผักก็พอ

กลับมาที่วิหาร ขณะที่เขาเดินเข้ามายังวิหารก็พบกับพวกสาวๆที่กำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าประตูมองและมองตาปริบๆมาที่เขา ในวิหารก็ไม่มีที่ต้อนรับแขก แม้แต่เก้าอี้ยังไม่มีสักตัว

"นายท่าน นี่คือแอนนา ผู้สืบทอดตำแหน่งลำดับที่สองของเมืองแฮนวินเทอร์ที่ดูแลงานต่างๆ ของเมืองอยู่ในตอนนี้ และนี่คืออาจารย์ของนาง ชื่อหลาน" ลิซ่าแนะนำ

อังเกอร์เอียงศีรษะด้วยความงุนงง ไม่ใช่ว่าเจ้าไปเมืองน้ำแข็งเพื่อแลกเปลี่ยนคริสตัลเวทหรอกเหรอ? ทำไมถึงพาอสูรน้ำแข็งและมนุษย์กลับมาด้วยล่ะ แล้วคริสตัลเวทล่ะ?

"เรื่องมีอยู่ว่าเช่นนี้นายท่าน แอนนาอยากจะทำธุรกิจใหญ่กับท่าน ตัวข้าเองตัดสินใจไม่ได้ จึงพาพวกเขามาหารือกับท่านโดยตรงแทน" ลิซ่าอธิบาย

ธุรกิจอะไร? ไม่เข้าใจ ไม่คุย อังเกอร์ส่ายศีรษะ และเดินเข้าวิหารไปตามลำพัง ทิ้งให้สามสาวยืนอึ้งอยู่ที่เดิม

เมื่ออังเกอร์กลับมา เทวทูตน้อยก็กางปีกบินมาหา จนกระทั่งเชือกตึง มันจึงยกแขนขึ้นให้อังเกอร์ดูบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้เมื่อครู่

ช่วงนี้การต่อสู้ระหว่างมันกับซอมบี้ตัวน้อยกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว การที่อังเกอร์รักษามันก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน อังเกอร์เลี้ยวไปหามัน ใช้เวทบำบัดรักษาบาดแผลที่แขนให้

เทวทูตน้อยก็ยกขาขึ้นมาอีก เผยให้เห็นแผลที่หัวเข่า

อังเกอร์จึงต้องใช้เวทบำบัดอีกครั้ง แต่ก่อนที่ฝ่ามือจะแตะที่หัวเข่า เขากลับปัดไปโดนกระโปรงของเทวทูตน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทันทีที่แสงศักดิ์สิทธิ์ปัดผ่านรอยเปื้อนบนกระโปรงสีขาว รอยเปื้อนนั้นก็สลายหายไป เผยให้เห็นสีขาวบริสุทธิ์เดิมของกระโปรง เกิดเป็นรอยขาวสะอาดบนกระโปรงที่สกปรก

อังเกอร์เกิดความสงสัยจึงปล่อยเวทบำบัดออกมาอีกครั้ง ไปที่ตัวกระโปรงโดยตรง ผลปรากฎว่าเป็นเวทบำบัดจริงๆ รอยเปื้อนบนกระโปรงหายไปในทันทีที่แสงศักดิ์สิทธิ์ผ่าน ที่แท้นี่คือวิธีใช้เวทบำบัดที่ถูกต้อง

ตามรอยเปื้อนทั้งหมดบนชุดกระโปรงยาวสีขาวของเทวทูตน้อยถูกอังเกอร์ใช้เวทบำบัดจนสะอาดหมดจด จากนั้นเขาก็เห็นรอยเปื้อนบนใบหน้าและเส้นผมของมัน ด้วยความเป็นคนขี้รำคาญ จึงจัดการทำความสะอาดต่อจนกว่าจะไม่เห็นสิ่งสกปรกใดๆ

สามสาวที่อยู่นอกวิหารต่างมองหน้ากัน แอนนาพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ฉากนี้ช่างเกินจริงมาก โครงกระดูกหนึ่งตนกำลังชำระล้างสิ่งสกปรกบนตัวเทวทูตนักรบ ไม่ไหวแล้ว ฉันต้องวาดภาพนี้เอาไว้ นี่มันเป็นภาพวาดอมตะชัดๆ"

อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกัน เรื่องนี้ช่างเกินจริงๆ แค่ภาพโครงกระดูกและเทวทูตอยู่ในฉากเดียวกันอย่างกลมกลืนก็ว่าเกินจริงแล้ว ยิ่งใช้เวทบำบัดยิ่งน่าเหลือเชื่อ และบนตัวเทวทูตยังมีสิ่งสกปรกอีกต่างหาก

"ท่านอังเกอร์หมายความว่ายังไงกันนะ พวกเรายังไม่ทันได้พูดเงื่อนไขอะไรเลย เขาก็เดินหนีไปซะแล้ว หรือว่าเขาไม่อยากคุยกับพวกเราเหรอ" หลานถามด้วยความกังวล

ลิซ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างลังเล "เป็นเพราะข้าคิดไม่รอบคอบ หากไม่ใช่เพราะความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อเขา ตามสถานะแล้วข้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปหารือกับเขาด้วยซ้ำ เจตจำนงของเขาก็คือพระดำรัสของเทพเจ้า"

หลานพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลิซ่า ในความรับรู้ของพวกเขานั้นอังเกอร์อาจจะเป็นร่างอวตารของราชันผู้ไม่ตายก็เป็นได้

ราชันผู้ไม่ตายคืออะไรกัน? นั่นคือสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าเทพเจ้าเสียอีก ตามตำนานแล้ว ทั้งเทพเจ้าที่ถูกผนึกโดยราชันผู้ไม่ตาย (มังกรทองสัมฤทธิ์: นั่นก็คือข้าล่ะนะ) หรือถูกฆ่าตาย ก็มีมากกว่าหนึ่งหรือสององค์ พวกนางทั้งหลายกลับบังอาจไปเจรจาธุรกิจกับราชันผู้ไม่ตายเนี่ยนะ?

แอนนารู้สึกถูกทำให้ตกใจเล็กน้อย เธอแลบลิ้นออกมาอย่างรู้สึกผิด

"เอาล่ะ งั้นตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ" พวกนางไม่มีสิทธิ์ไปเจรจากับอังเกอร์ แต่ถ้าไม่มีผงเห็ดศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก แผนการที่พวกนางตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้จะเอาไปพูดที่ไหนได้

"ตอนนี้ก็แลกไปก่อน ใช้ราคาที่เธอสามารถหาได้มาแลกเปลี่ยน ถ้าปริมาณความต้องการมาก นายท่านก็อาจจะขยายกำลังการผลิต เจ้าลองดูฟิลินสิ ตอนนี้แลกเปลี่ยนอาหารเป็นจำนวนมาก นายท่านจึงวางแผนจะฟื้นฟูที่ดินเพาะปลูกใหม่ไงล่ะ" ลิซ่ากล่าว

ต้องบอกว่าการคิดเอาเองนี่แย่ที่สุดแล้ว จริงๆ แล้วอังเกอร์แค่ไม่เข้าใจว่าการทำธุรกิจคืออะไร เขาเลยไม่อยากคุยต่างหาก แต่พวกนางกลับคิดไปเองว่าเขารังเกียจพวกนาง แล้วยังคิดอีกว่าแบบนั้นถึงจะสมเหตุสมผล

"งั้นเราควรตั้งราคาเท่าไหร่ดีล่ะ? ก่อนหน้านี้ราคาของลัทธิแสงสว่างคือหนึ่งปอนด์ผงเห็ดศักดิ์สิทธิ์แลกยี่สิบคริสตัลเวท งั้นเราลองตั้งราคาเป็นสามสิบคริสตัลเวทดูไหม ดูซิว่าท่านจะตกลงมั้ย?"

ลิซ่าเอาข้อเสนอนี้คุยกับอังเกอร์ ซึ่งอังเกอร์ก็พยักหน้าตกลงด้วยความงุนงง สาเหตุที่เขางงเพราะลิซ่าเคยบอกไปแล้วว่าราคาปกติคือยี่สิบคริสตัลเวทต่อหนึ่งปอนด์ แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นสามสิบคริสตัลเวทไปเสียแล้วล่ะ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด