บทที่ 25 ทำลายหุ่นยนต์ของเขา
บทที่ 25 ทำลายหุ่นยนต์ของเขา
"จะว่ายังไงดี ก็พอที่จะเรียกพวกเขาว่าผู้กลายพันธุ์ได้ แต่คนพวกนี้หลงใหลที่จะเป็นผู้กลายพันธุ์จนเกินไป วิธีวิวัฒนาการพันธุกรรมของมนุษย์เราตอนนี้ยังคงยึดเอามนุษย์เป็นหลัก แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ก็คือพวกที่ล้มเหลวในการปรับปรุงพันธุกรรมแต่นั่นก็เป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่คิด"
"แต่จากข้อมูลบางอย่าง ความคิดของคนส่วนใหญ่ก็ถูกต้อง เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ได้นำยีนจากสิ่งมีชีวิตที่ปนเปื้อนมาใช้บางส่วน บุคลิกจึงใกล้เคียงสัตว์ป่ามากกว่ามนุษย์ สิ่งที่ได้ยินมาคงมาจากคนที่เล่นเกม มีเกมหนึ่งที่พูดถึงมนุษย์กลายพันธุ์แบบนี้ ในโลกความจริงมนุษย์กลายพันธุ์มีอยู่จริง แต่น้อยมาก พอถูกพบเข้าก็จะถูกกำจัดทันที" หลิวจื้อเจี๋ยเอ่ยขึ้น หยางป๋อเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว จึงจำเป็นต้องบอกเรื่องพวกนี้บ้าง
"โอ้ ขอบคุณเจ้านาย งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"
"กลับไปเถอะ ครั้งนี้มีคนสำคัญมาหลายคน ไม่มีใครอยากให้คนที่ใส่ชิปมาบริการหรอก" หลิวจื้อเจี๋ยกล่าว
หยางป๋ออยากรู้มากว่าการฝึกจำลองครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เขาจึงรีบกลับไปอย่างตื่นเต้น
พอกลับมาถึงก็รู้ว่ามันเป็นมาตรฐานการให้บริการของพนักงานเท่านั้น เช่น ห้ามสบตากับใครโดยตรง ห้ามเปิดเผยเส้นทางของลูกค้า ห้ามขอลายเซ็น และไม่จำเป็นต้องพูดอะไร
ตอนเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินจะต้องทำอย่างไร ร้องบอกแจ้งเตือนอย่างไร ใช้มาตรการอะไร
เช่น ถ้ามีคนบุกรุกเข้ามาในพื้นที่รักษาความปลอดภัย ต้องตะโกนเตือน: "ท่านครับ นี่เป็นพื้นที่หวงห้าม กรุณาออกไปครับ”
ถ้าอีกฝ่ายไม่หยุด ก็ให้ตะโกนเตือนครั้งที่สองทันที แล้วกดเปิดเครื่องเตือนภัยส่วนตัว หลังจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรอีก
เพียงแค่มองดูคนที่บุกรุกโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษระดับสูงตีจนยับเยิน ก่อนจะถูกนำตัวออกไป
ร้องตะโกนเตือนแค่สองครั้ง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปทำอะไรอีก เพราะคนอย่างหยางป๋อไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย ถ้าเข้าไปยุ่งจะสร้างปัญหาให้บริษัท ส่วนถ้าเจอคนใช้อาวุธ ก็วิ่งหนีไปก่อน เพราะเมื่อเจออันตรายที่สู้ไม่ได้ การหนีเอาตัวรอดคือสิ่งสำคัญที่สุด
ส่วนการให้บริการคนสำคัญ เช่น ทำความสะอาดที่พักของพวกเขา ก็ห้ามสบตากับใคร แค่ก้มหน้า และทำหน้าที่ของตัวเองไป ต่อให้มีคนมาตีกันก็ไม่ต้องสนใจ เพราะไม่ได้อยู่ในขอบเขตงานของบริษัท
แค่นั้นแหละ การฝึกของหยางป๋อใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็จำขั้นตอนได้หมดแล้ว แต่ไม่มีการสอบ
เพราะหมวกเสมือนจริงเป็นของบริษัท หยางป๋อเดาว่าหลิวจื้อเจี๋ยน่าจะมองเห็นได้ว่าเขาสอบผ่านหรือเปล่า งั้นทำไมฉันไม่โดดงานแบบโต้งๆ ไปเลย
หยางป๋อหาซอฟต์แวร์ฝึกการต่อสู้มาเล่นแบบเสียเงินบนอินเทอร์เน็ต เพราะถ้าจ่ายเงินก็เท่ากับมีสัญญา ความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหลก็น้อยลง บริษัทใหญ่ที่ทำซอฟต์แวร์ก็อย่างที่หลิวจื้อเจี๋ยว่า จะไม่ขายข้อมูลของคนธรรมดาๆ ให้คนอื่นหรอก
แน่นอนว่าตอนที่หยางป๋อเล่นเกมหุ่นยนต์และฝึกการต่อสู้นี้ เขาใช้เครื่องฉายภาพเสมือนและอุปกรณ์ช่วยส่วนตัว ไม่ได้ใช้หมวกเสมือนจริงของบริษัท เพราะข้างในนั้นมีแค่ซอฟต์แวร์ฝึกสองโปรแกรมเท่านั้น ถือเป็นของส่วนตัวภายในบริษัท
ไม่ว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตไหน ต่างบอกว่าความเป็นส่วนตัวสำคัญ แต่มีแต่บริษัทใหญ่เท่านั้นที่จะไม่ข้ามเส้นนี้ไปง่ายๆ เพราะความเสี่ยงมันสูงเกินไป
ส่วนบริษัทเล็กๆ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่สำหรับพวกเขาก็แค่การล้มละลาย จะทำไมล่ะ?
หยางป๋อฝึกการหลบหลีกก่อน ระดับความยากจะปรับอัตโนมัติ ลูกบอลจะมาจากทุกมุมในห้อง การฝึกหลบหลีกก็เริ่มต้น
แรกๆ หยางป๋อรู้สึกแปลก ลูกบอลพวกนี้ในสายตาเขาดูเหมือนจะเคลื่อนที่ช้ามาก หลบได้อย่างง่ายดาย 1, 2, 3, 4, 5
หยางป๋อเข้าใจบางอย่าง นี่คือความสามารถการมองเห็นแบบไดนามิก
ทุก 1 นาที ความเข้มข้นการฝึกจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ หลังจาก 10 นาทีผ่านไป
มีลูกบอลทุกที่ในขอบเขตการมองเห็นแล้ว แถมความเร็วก็ไม่เท่ากันอีกต่างหาก ถ้าความเร็วของลูกบอลเท่ากันหมด จะคำนวณระยะของลูกบอลง่ายมาก แต่บางลูกเร็วขึ้น บางลูกช้าลง นี่ทำให้หยางป๋อรู้สึกลำบาก สมองต้องทำงานหนักมาก
18 นาที! หยางป๋อถูกโจมตีอย่างรุนแรงและการฝึกครั้งแรกจบลง
หยางป๋อเช็ดเหงื่อ นับตั้งแต่มาโลกนี้ยังไม่เคยเหงื่อท่วมขนาดนี้มาก่อน
ชาร์จแบตเตอรี่สักหน่อยให้ตื่นตัวขึ้นมาแล้วก็ฝึกต่อ คราวนี้ฝึกโหมดโจมตี
ห้องเดิม มีหุ่นจำลองหนึ่งตัว หุ่นนี้สามารถหลบได้ ตอนแรกความเร็วจะช้า แล้วค่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
หยางป๋อเลือกใช้หมัดในโลกไฮเทคนี้ หากคุณกล้าที่จะหยิบอาวุธและแสดงพลังของคุณ โดรนตำรวจจะใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีในการยิงคุณจนพลุน ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร แม้ว่าจะไม่ผิด พอถือของที่โดรนตำรวจตัดสินว่าเป็นการกระทำอันตราย ก็ต้องโดนยิงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ส่วนที่สามก็คือการต่อสู้กับหุ่นจำลองหนึ่งตัว หุ่นนี้เร็วมาก หยางป๋อตอนแรกได้แต่ป้องกัน หลังๆ ก็ค่อยโต้กลับได้ แล้วก็เพิ่มเป็นสองตัว
การฝึกต่อสู้ตามที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์บอก ไม่มีท่วงท่า ไม่มีกลเม็ด ฝึกปฏิกิริยาสัญชาตญาณเท่านั้น
หยางป๋อก็ไม่รู้ว่าการฝึกนี้จะมีประโยชน์หรือไม่ในสังคมที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบนี้ แต่การเตรียมพร้อมก็ไม่เสียหายอะไร
ส่วนการเล่นเกมโลกแห่งหุ่นยนต์ หยางป๋อเล่นได้แค่วันละ 2 ชั่วโมง เพราะเสียตังค์เยอะเกินไป
"ไปที่ทะเลสาบที่ฉันไปเมื่อวานไม่ได้แล้ว งั้นต่อไปควรไปที่ไหนดี" หยางป๋อเข้าไปในเกมโลกแห่งหุ่นยนต์ตอนบ่ายหลังกินข้าวเย็นเสร็จ
เมื่อวานฉันเพิ่งฆ่าคนไปสองสามคน วันนี้หยางป๋อไม่กล้าไปแน่ เขาดูข้อมูลที่ฝ่ายบริการลูกค้าให้มาอย่างละเอียด พบว่าห่างออกไปราว 500 กิโลมีสัตว์ประหลาดระดับ D ตัวหนึ่ง หยางป๋อตัดสินใจไปดูให้เห็นกับตา
สัตว์ประหลาดระดับ D ตัวนี้เป็นหนูตัวใหญ่ตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในรอยแยกของหินใกล้ๆ เทือกเขา มีมือใหม่หลายคนพยายามไปล้อมจับ แต่น่าเสียดายที่หนูตัวนี้ไม่รู้มีพลังอะไร หนีรอดทุกครั้ง และรอยแยกของหินก็ลึกแคบ หุ่นยนต์เข้าไปไม่ได้
สิ่งที่หยางป๋อไม่รู้คือ ตอนที่เขาเพิ่งออกจากฐานได้ไม่ถึง 100 กิโลเมตร ก็มีคนจับตามองแล้ว
เพราะหุ่นยนต์รุ่นลิเบอเรเตอร์ในฐานมีจำนวนน้อยมาก และคนอื่นๆ ก็มีการปรับแต่งแล้ว ติดตั้งเจ็ทแพ็คที่แรงกว่า ดาบเลเซอร์ที่ทรงพลังกว่า ฯลฯ
หยางป๋อเดินทางไปพลางศึกษาแผนที่ไปพลาง เขาไปที่พื้นที่ของหนูประหลาดระดับ D แค่ไปดูเฉยๆ เป้าหมายหลักจริงๆ คือค้างคาวในถ้ำแถวนั้น ข้อมูลบอกว่ามีจำนวนไม่น้อย
จะเสี่ยงไปล่าสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งทำไม ซ่อมหุ่นยนต์ไม่ต้องเสียตังค์หรือไง
สิ่งที่หยางป๋อไม่รู้คือ ตอนที่เขาเพิ่งออกจากฐานได้ไม่ถึง 100 กิโลเมตร ก็มีคนจับตามองเขาแล้ว
"ราชา สั่งการได้เลย" ในพื้นที่ใต้ดินราชาเสือมองหุ่นยนต์ของหยางป๋อที่อยู่ไกลออกไป ลูกน้องทุกคนร้องบอก
"เสี่ยวหลงหนี่ว์(ค้างคาวเลือด) ฉันจะปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของนาย พาคนของนายไประเบิดหุ่นยนต์ของไอ้เวรนั่นซะ ต่อไปถ้าไอ้เวรนี่กล้าโผล่หัวออกมาอีก ก็ให้ทำลายหุ่นมันทุกครั้ง ถ้าหุ่นของถูกมันทำลายทำลายไปเรื่อยๆ มันก็จะล้มละลาย ถ้ามันล้มละลายเมื่อไหร่ เราก็จะสืบหาตัวจริงมันได้จากคำตัดสินของศาล แล้วข้าจะไปกินมันเอง" ราชาหน้าเสือกัดฟันกรอด โดนหุ่นยนต์ลิเบอเรเตอร์ธรรมดาทำให้สูญเสียหนักขนาดนี้ มันเจ็บใจสุดๆ
(จบบท)