บทที่ 215 พวกครอบครัวสวรรค์ประทาน
ครั้นไฉ่ห่าว หลัวจวิ้นเผิงพร้อมศิษย์คนอื่นจากสำนักยวินฮุยเห็นหยางเสี่ยวเทียน สีหน้าพวกเขาทุกคนก็ดูแปลกแตกต่างกันไป ทั้งยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ปรากฏว่าคือเจ้าตำหนักหยางจริงๆ” ไฉ่ห่าวเปลี่ยนสีหน้าประหลาดใจ ก่อนส่งยิ้มให้หยางเสี่ยวเทียนจากระยะไกล
“เจ้าตำหนักหยาง วีรบุรุษหนุ่มตัวน้อย หลังการแข่งขันหลอมโอสถระดับนักปรุงโอสถหนึ่งดาวข้าชื่นชมในพรสวรรค์เจ้าตำหนักหยางมาก” เขากล่าวขณะรอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้า
รอยยิ้มที่ไฉ่ห่าวแสดงให้หยางเสี่ยวเทียนเห็น ดูบริสุทธิ์ใจแลเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเพราะชื่นชมสรรเสริญ
หยางเสี่ยวเทียนกล่าวว่า “ที่แท้ก็เจ้าสำนักไฉ่นี่เอง”
จากนั้น ไฉ่ห่าวก็หันตวาดเสียงดังใส่บรรดาศิษย์สำนักยวินฮุยที่อยู่เบื้องหลังเขา “พวกเจ้ายังไม่คำนับเจ้าตำหนักหยางอีก”
“คำนับท่านเจ้าตำหนักหยาง!” เติ้งอี้ชุนและศิษย์เขา ตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความมิเต็มใจนัก
ไฉ่ห่าวรีบหันส่งยิ้มแก้ขัดเขินให้หยางเสี่ยวเทียนแล้วกล่าวอย่างสุภาพ “เจ้าตำหนักหยาง กำลังจะเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักใช่หรือไม่ กลุ่มสำนักยวินฮุยเราก็จะไปที่นั่นเพื่อร่วมแข่งขันเช่นกัน ไฉนเราไม่ร่วมเดินทางไปด้วยกันเลยล่ะ ท่านว่าอย่างไร”
หยางเสี่ยวเทียนกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านเจ้าสำนักไฉ่ช่างมีน้ำใจ แต่ข้าไม่ขอรบกวน เพราะเส้นทางที่เราเลือกเดินต่างกัน จึงมิสามารถร่วมทางไปด้วยกันได้”
หลังกล่าวเช่นนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็จากไปพร้อมกับขบวนเดินทางของตน
ขณะที่เสี่ยวจินควบม้าผ่านไฉ่ห่าว เขาก็เหลือบมองไฉ่ห่าว แล้วเลียลูกกวาดอันใหญ่เสียงดัง
แผลบ! แผลบ!
ไฉ่ห่าวมองไปยังขบวนเดินทางของหยางเสี่ยวเทียนที่กำลังเคลื่อนผ่านไปขณะนี้ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มค่อยๆ จางหาย
เขาไม่คิดเลยว่า หยางเสี่ยวเทียนจะกล้าปฏิเสธคำเชื้อเชิญจากเจ้าสำนักยวินฮุยผู้สง่างามเช่นเขาอย่างไรไมตรีเยี่ยงนี้ มันราวกับว่าเขาถูกน้ำเย็นสาดใส่ทันทีหลังกล่าวเชิญ
ทั้งเรื่องนี้ ยังเกิดขึ้นต่อหน้าศิษย์ทุกคนของสำนักยวินฮุย พานให้ใบหน้าเขาดูน่าเกลียดยิ่งนัก
หลัวจวิ้นเผิงเห็นท่าทีของเจ้าสำนักตน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ เริ่มหยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จักสำเนียกตน ทั้งที่เมื่อหกเดือนก่อนยังเป็นเพียงคนไร้ค่าแท้ๆ”
เขากล่าวเช่นนั้นก็เพราะ หกเดือนก่อนหน้า หยางเสี่ยวเทียนยังเป็นเพียงแค่ศิษย์ปีหนึ่งธรรมดา ที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรในสำนักเสินเจี้ยน
เติ้งอี้ชุนมองตามยังทิศทางที่ขบวนของหยางเสี่ยวเทียนจากไป ด้วยอารมณ์หลากหลายบนใบหน้า
“เป็นเรื่องปกติที่เขาจะหยิ่งผยอง” ไฉ่ห่าวกล่าวขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันน่าอึดอัด
พร้อมกล่าวเสริมอีกว่า “ผู้ใดก็ตามที่มีพรสวรรค์ด้านกระบี่และมีทักษะหลอมโอสถที่น่าทึ่งเช่นนี้ ย่อมสามารถหยิ่งผยองเป็นธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีน้องสาวผู้แข็งแกร่งซึ่งพรสวรรค์นั้นสูงกว่าเขาเสียอีก”
“หึ… วิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่” ไฉ่ห่าวกล่าวพลางทอดถอนใจเหยียด
“ข้าได้ยินว่าองค์จักรพรรดิหมายแต่งตั้งให้บิดาเขาเป็นอัครมหาเสนาบดีและมารดาเป็นยอดฟูเหรินอันดับหนึ่ง”
บรรดาศักดิ์ของอาณาจักร ได้แก่ อัครมหาเสนาบดี มหาเสนาบดี เสนาบดี ผู้ตรวจการหัวเมือง เจ้าเมือง และขุนนาง
อัครมหาเสนาบดีเป็นผู้สูงสุดในบรรดาตำแหน่งขุนนางทั้งหมด และยอดฟูเหรินเป็นตำแหน่งสูงสุดของบรรดาพระสนมขององค์จักรพรรดิ
“อัครมหาเสนาบดี! ยอดฟูเหริน!” เติ้งอี้ชุนและคนอื่นๆ ต่างอุทานด้วยความประหลาดใจ
หลายตระกูลที่ต่อสู้เพื่ออาณาจักรเสินไห่มาทั้งชีวิต สร้างคุณงามความดีมากมาย แต่จะไฉนพวกเขากลับมิได้รับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี และยอดฟูเหรินเช่นนี้ได้
“นี่มันยุติธรรมงั้นหรือ” เติ้งอี้ชุนรู้สึกไม่พอใจในความอยุติธรรมนี้
ปีที่แล้ว ผู้นำตระกูลเขาได้เอ่ยขอตำแหน่งเจ้าเมืองเล็กๆ แต่องค์จักรพรรดิกลับตรัสว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องนี้ในภายหลัง
“ในยุทธภพนี้ไม่มีสิ่งใดแบ่งว่าถูกหรือผิด” ไฉ่ห่าวเหลือบมองยังเติ้งอี้ชุนที่มีสีหน้าไม่พอใจ แล้วกล่าวว่า “มีเพียงแค่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม”
“คำว่าไม่เหมาะสม มีไว้ใช้สำหรับผู้อ่อนแอเท่านั้น” เขากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “ใครอยากให้ครอบครัวหยางเฉามีบุตรสาวที่มีวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่กัน”
“พวกครอบครัวสวรรค์ประทาน” เขากล่าวเย้ยพร้อมส่ายศีรษะ
ความไม่เหมาะสมนั้น มันมีไว้เพียงสำหรับผู้อ่อนแอ แม้นเขาจะเข้าใจความหมายนี้อย่างลึกซึ้ง แต่กระนั้น ใบหน้าของเติ้งอี้ชุนก็ยังเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ
ไฉ่ห่าวแผดเสียงกังวานต่อบรรดาศิษย์สำนักยวินฮุย “หากพวกเจ้าอยากเป็นขุนนางชั้นสูงผู้มีอนาคตไกล พวกเจ้าต้องทุ่มสุดตัวในการแข่งระดับสำนักครั้งนี้”
“โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ป่าล่าสัตว์อสูร ต่อให้มันเป็นเทพ พวกเจ้าก็ต้องเข้าเผชิญหน้าสังหารอย่าได้หวั่น หรือต่อให้มันเป็นปีศาจ พวกเจ้าก็ต้องกลายเป็นผู้สังหารปีศาจเท่านั้น!”
ประโยคนี้หมายถึงบางอย่าง ที่ศิษย์สำนักยวินฮุยล้วนเข้าใจถึงความมั่นหมายของมันดี โดยเฉพาะเติ้งอี้ชุน ผู้เผยแสยะยิ้มด้วยยินดียิ่ง
และไม่ว่าท่านเจ้าสำนักไฉ่ห่าวจะมีคำสั่งเช่นไร เขาก็มีความคิดที่จะกำจัดเสี้ยนหนาม ผู้เคยทำเขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย
“อีกประการ รางวัลสำหรับอันดับหนึ่งในการแข่งขันระดับสำนักนี้ จะได้รับหินวิญญาณจำนวนมาก คัมภีร์เคล็ดวิชาลับ สมบัติหายากและโอสถอีกมาก รวมถึงตำแหน่งเจ้าเมือง!” ไฉ่ห่าวกล่าวปลุกใจอีกครั้ง
จบประโยคจากไฉ่ห่าว ดวงตาเติ้งอี้ชุนพร้อมศิษย์คนอื่นๆ ต่างลุกวาวด้วยความตื่นเต้น
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านกำลังจะบอกว่าอันดับหนึ่งในการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้ ผู้ชนะจะได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองด้วยงั้นหรือ!” เติ้งอี้ชุนกล่าวอย่างมีความหวัง