ตอนที่แล้วบทที่ 182 ฝึกดาบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 184 แม่นม

บทที่ 183 ชีวิตประจำวัน


ตั้งแต่ฉินชิงรบเร้าเหลียงอี้ให้เขาอนุญาตให้ตนไปฝึกดาบที่สนามฝึกซ้อมทางเหนือของวังหลวงได้แล้วเมื่อวานนี้ ฉินชิงก็วางแผนที่จะกลับไปฝึกเองที่นั่นทุกวัน

วันนี้ตอนบ่ายฉินชิงวางแผนที่จะไปฝึกทักษะดาบลั่วอิงที่สนามฝึกซ้อมทางเหนือของวังหลวงหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว

ขณะที่ฉินชิงคิดจะกินข้าว หลานเย่ในตำหนักใหญ่นางกำนัลข้างกายฮองเฮาก็มาที่ตำหนักจงชุ่ยแล้วรายงานฉินชิงว่า

“ชูเจาอี๋เหนียงเหนียง เหนียงเหนียงของพวกเราเชิญท่านไปที่ตำหนักคุนหนิง บอกว่าเรื่องเมื่อวันก่อนมีความคืบหน้าแล้ว ขอให้ท่านไปที่ตำหนักคุนหนิงในยามเซินเพคะ”

“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของฮองเฮา เช่นนั้นก็กลับไปทูลฮองเฮาว่าข้าจะไปตรงตามเวลาแน่นอน”

“เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”

ในเมื่อฮองเฮาขอให้ตนเดินทางไปที่ตำหนักคุนหนิง ก็คงไปที่สนามฝึกซ้อมไม่ได้ ฉินชิงคิดไปคิดมาจึงใช้เวลาที่รอมาวาดรูปดีกว่า ซึ่งตนเองเหมือนไม่ได้วาดรูปมานานแล้ว

เมื่อก่อนระดับการวาดภาพของตัวเองค่อนข้างแย่ แต่เมื่อเหลียงอี้ควบคุมอย่างเข้มงวด และยังตรวจสอบทุกวัน ตั้งแต่ระดับการวาดภาพของฉินชิงเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว เหลียงอี้ทำให้นางได้รู้แจ้งแล้ว

ไม่ต้องส่งการบ้าน ฉินชิงจึงไม่มีความรู้สึกกระตือรือร้น ดังนั้นจึงเริ่มวาดรูปน้อยลง สำหรับเรื่องการวาดภาพ แม้ว่าฉินชิงจะวาดไปมากขนาดนั้น แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น

และด้วยเหตุนี้ ฉินชิงก็พบว่าตนวาดภาพมานานมาก นึกถึงวรยุทธ์ของตนที่ถ้าไม่ฝึกฝนสักพัก ระดับก็จะลดลง

เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ ทักษะการวาดภาพ แม้ว่าฉินชิงจะไม่ค่อยชอบนัก แต่อย่างน้อยก็ฝึกฝนมานานขนาดนี้แล้ว นางก็ไม่อยากให้การฝึกฝนของตัวเองเสียเปล่า

ดังนั้นฉินชิงจึงคิดจะหาเวลาฝึกทักษะการวาดภาพทุกๆ สองสามวันตามพื้นฐานของการฝึกวรยุทธ์ ถ้าวันหนึ่งเหลียงอี้อยากตรวจสอบทักษะการวาดภาพของตนขึ้นมา แล้วกลายเป็นว่านางทำออกมาไม่ได้ แบบนั้นก็คงไม่ดีแล้ว

เมื่อฉินชิงคิดได้เช่นนั้น จู่ ๆ ก็พบว่าตัวเองมีทักษะมากมายที่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้มานานแล้ว

กู่เจิงสิ่งที่ตัวเองถนัดก็ไม่ได้เล่นมานานแล้ว เจิงของนางคงฝุ่นเกาะไปนานแล้ว

ฉินชิงคิดเช่นนี้ ถ้าเกิดหยินผิงรู้ต้องพูดกับฉินชิงว่า

“กู่เจิงของเหนียงเหนียง บ่าวดูแลให้เป็นอย่างดี ห่อด้วยผ้าไหมแล้วเก็บไว้ในกล่อง จะมีฝุ่นได้อย่างไรเพคะ”

แต่ถึงอย่างนั้นหยินผิงก็ไม่ใช่พยาธิตัวกลมในท้องของฉินชิง นางไม่มีทางรู้ว่าฉินชิงคิดอะไร ตอนนี้อีกฝ่ายยังเตรียมอาหารเที่ยงของฉินชิงอยู่ข้างนอกอยู่เลย

ฉินชิงคิดว่าตนไม่ควรปล่อยให้กู่เจิงของตัวเองต้องมีฝุ่นเกาะ พยายามใช้มันให้สมกับราคาจะดีกว่า จึงคิดว่าตนควรจะบรรเลงสักสองสามเพลงเพื่อกล่อมเกลาความรู้สึก

หลังจากคิดได้แบบนี้แล้ว ฉินชิงจึงคิดจะฝึกวรยุทธ์ในตอนเช้า หลังจากตนตื่นนอนเก้าโมง ล้างหน้าบ้วนปากกินข้าวเสร็จตอนสิบโมงจากนั้นก็ไปที่สนามฝึกซ้อมทางเหนือของวังหลวง

จากนั้นก็กลับมากินอาหารเที่ยงที่ตำหนัก งีบสักพัก หลังจากตื่นค่อยฝึกวาดภาพ จากนั้นตอนเย็นค่อยดีดกู่เจิงสักสองสามเพลง

หลังจากฉินชิงจัดแจงเสร็จแล้วก็พบว่าเวลาหนึ่งวันของตนถูกจัดตารางจนแน่นไปหมด ไม่มีเวลาว่างมากนัก ถ้าเกิดทำตามตารางกิจกรรมนี้ทุกวัน ฉินชิงคงทรมานแย่

ตนหลุดพ้นจากชีวิตการเป็นนักเรียนมานานแล้ว รับไม่ได้ รับไม่ได้ เอาภาพวาดกับฝึกกู่เจิงออกไปดีกว่า ทำวันเว้นวัน ถ้าทำทุกวันคงได้พักตอนบ่ายหรือไม่ก็ตอนเย็น

ส่วนการฝึกฝนจะขาดไปไม่ได้ ฉินชิงต้องจัดตารางฝึกวรยุทธ์ทุกเช้า นอกจากว่าตนจะไม่อยากขยับจริงๆ ถึงจะหยุดได้หนึ่งวัน จากนั้นก็พักผ่อนให้เต็มที่

หลังจากฉินชิงกำหนดแผนการเสร็จแล้วก็สบายใจแล้ว หากไม่มีเรื่องด่วนอะไร ฉินชิงก็คิดจะทำตาแผนการนี้

ฉินชิงเอามือกุมหัว เพิ่งจะคิดเสร็จก็ได้กลิ่นหอมของกับข้าว ฉินชิงที่ได้กลิ่นก็รู้ว่าต้องเป็นหมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริกของโปรดของตน

ดังนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะอาหาร นั่งลงมือนางกำนัลยกอาหารมาวางบนโต๊ะทีละจาน

อาหารเที่ยงยังคงอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยเนื้อไก่เนื้อเป็ดเนื้อปลาเนื้อหมู

เนื้อไก่คือไก่นึ่งเก๋อสุ่ย

เนื้อเป็ดคือเป็ดเหอเถา

เนื้อปลาคือปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหู

เนื้อหมูคือหมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริก

ฉินชิงมองอาหารหกเจ็ดจานตรงหน้าตน ความอยากอาหารก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย เดิมทีเมื่อวานนี้ก็ฝึกฝนไปไม่น้อยและหิวมาก หลังจากกินเสร็จเมื่อวานนี้ก็เหมือนกับการเปิดกล่องปีศาจดึงความหิวโหยที่ถูกปิดกั้นออกมาจากตัวฉินชิง

ฉินชิงรู้สึกว่าความอยากอาหารของตนนั้นค่อนข้างดีมาก อาหารเช้าในวันนี้ก็กินไปเยอะมาก คิดไม่ถึงว่าอาหารเที่ยงก็ยังอยากกินไม่หยุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนมองอาหารที่ครบเครื่อง ฉินชิงก็รู้สึกว่าพ่อครัวในห้องครัวเล็กฝีมือพัฒนาดีขึ้นมาก ในใจก็รู้สึกดีใจ เรียกหยินผิงเข้ามาแล้วพูดว่า

"อาหารช่วงนี้ไม่เลวเลย ให้รางวัลหน่อยแล้วกัน"

"เพคะเหนียงเหนียง บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้"

หลังจากฉินชิงมอบรางวัลเสร็จแล้ว คนในครัวก็ดูมีความสุขเป็นพิเศษ การได้รับเงินรางวัลก็อีกเรื่อง การได้รับการยอมรับจากเจ้านายของตัวเองก็อีกเรื่อง แต่อย่างหลังน่ายินดีมากกว่าอย่างแรก

คนในครัวทางนี้ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนฉินชิงก็กินอาหารอย่างเงียบๆ

ความสามารถในการกินข้าวคนเดียว ฉินชิงคุ้นชินกับมันมาหลายสิบกว่าปีในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังกินแล้วมีความสุขมากด้วย

ไก่นึ่งเก๋อสุ่ยชามตรงหน้านี้ใช้ไก่ชิงอวิ๋นซึ่งเป็นไก่ที่เนื้อน้อยกว่าไก่ทั่วไป เนื้อสัมผัสจะเป็นเส้นใยเหนียวนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไปและไม่เหนียวจนเกินไป เหมาะมาทำไก่นึ่งมากกว่า

วิธีการทำอาหารจานนี้ง่ายมาก แค่คว้านเครื่องในไก่ออกมา แล้วใส่ส่วนผสม วัตถุดิบเช่น เห็ดหอม กุ้งแห้งลงไป จากนั้นก็ใส่ลงในหม้อนึ่ง นึ่งในกำลังไฟอ่อนๆ ค่อยๆ นึ่งไปเรื่อยๆ

แต่ตามด้วยความชำนาญของพ่อครัวที่มีต่อวัตถุดิบในการทำ การเลือกสายพันธุ์ไก่ และเวลาในการนึ่งจำเป็นต้องปรับตามแตกต่างเล็กน้อย

เพราะในเนื้อไก่ก็มีน้ำมันจากไขมันสัตว์มันจะไหลออกมาตอนที่โดนความร้อน เนื้อไก่ตัวนี้ รสชาติมันแต่ไม่เลี่ยน มีกลิ่นหอมและอร่อย

ฉินชิงคิดว่าเนื้อไก่แบบนี้อร่อยมาก เปื่อยนุ่มและอร่อยดี

ต่อไปก็คือเนื้อเป็ด เป็ดเหอเถา วิธีการทำก็คล้ายกับไก่นึ่งเหอสุ่ย

ส่วนเป็ดเหอเถา จะต้องใส่เหอเถา (วอลนัท) และแห้วบดมารวมกันจากนั้นก็เติมน้ำและคนให้เข้ากันจากนั้นก็ราดลงบนเนื้อเป็ด แล้วนำลงไปทอดในน้ำมัน หลังจากสะเด็ดน้ำมันออกแล้วก็ใช้มีดมาหั่นเป็นเส้นยาว นำมาจัดลงในจาน บริเวณรอบๆ ก็โรยผักที่คลุกน้ำมันตามใจชอบ

ทั้งจานมีกลิ่นที่หอมมาก เนื้อเป็ดก็กรอบ ด้านในนั้นต้องกัดเบาๆ ถึงจะขาด

ส่วนปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหู ฉินชิงก็กินมาหลายครั้งแล้ว นอกจากปลาที่ใช้ต้องเป็นปลาเฉาซึ่งเป็นปลาที่มีก้างค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเคี้ยวอย่างระมัดระวังแล้ว ฉินชิงก็รู้สึกว่าอาหารจานนี้ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เลย

สีของเนื้อปลาเป็นสีแดงมันวาว เวลากินเข้าไปแล้วเนื้อปลาจะนุ่มเป็นพิเศษ น้ำปรุงเปรี้ยวหวานทำให้ปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหูมีรสชาติเปรี้ยวหวานอร่อยเป็นพิเศษ เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด