ตอนที่แล้วตอนที่ 37 ความยากจนมันน่ากลัวกว่าผีนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 ลางร้าย

ตอนที่ 38 ตุ๊กตา


"มีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกที่น่ากลัวกว่าผี" เกาหมิงหยิบธนบัตรสามใบออกมา "เป็นไปได้ไหมที่คุณจะพาเราไปดูห้องของคุณในภายหลัง"

ผู้หญิงคนนั้นซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในช่วงวัยกลางคนเหลือบมองเงินที่เกาหมิงเสนอให้ชั่วครู่ จากนั้นดวงตาของเธอก็กะพริบไปทางหยานฮัว เผยให้เห็นร่องรอยของความลังเล ก่อนตอบด้วยท่าทีเขินอาย "แน่นอน แต่ห้องของฉันค่อนข้างคับแคบเล็กน้อย"

"คุณสองคนรออยู่ที่นี่ก่อน" เกาหมิงขอให้หยานฮัวและจูเหมียวเซียวรออยู่ที่นี่

ในขณะเดียวกันเกาหมิงสังเกตเห็นถุงห่อบะหมี่เกี๊ยวบนโต๊ะของหญิงวัยกลางคน ไม่มีใครแตะต้องอาหารบนโต๊ะ เขาจึงเรียกพนักงานเสิร์ฟ "ขอบะหมี่อีกสองชามที่โต๊ะนี้"

อย่างไรก็ตามหญิงวัยกลางคนนั้นรีบปฏิเสธข้อเสนอด้วยการโบกมือ "ไม่จําเป็นสําหรับเรื่องนั้นจริงๆ" เธอโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า "นี่ไม่ใช่สำหรับครอบครับฉัน ฉันแค่มาซื้อให้คนอื่นเฉยๆ"

เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนกราน เกาหมิงจึงตัดสินใจที่จะไม่ผลักดันเรื่องนี้ต่อ ไม่นานหลังจากที่ซวนเหวินมาถึง พวกเขาก็ออกเดินทางไปยังที่พักของเธอ

หญิงวัยกลางคนอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนและแนะนำตัวเอง "พวกเธอเรียกฉันว่าพี่เฟยก็ได้" เธอเดินนำพร้อมกับอธิบาย "อพาร์ทเมนท์ซือสุ่ยประกอบด้วยอาคารทั้งหมดสี่หลัง ประกอบได้ด้วยอาคารเอ บี ซีและดี ส่วนฉันอาศัยอยู่ที่อาคารบี" จากนั้นเธอก็เริ่มบ่นถึงการเปลี่ยนแปลงเมื่อไม่นานนี้ "เมื่อก่อนเคยมีทางเดินเชื่อมกันระหว่างอาคาร แต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว"

เกาหมิงถามด้วยความสงสัย "ทำไม?"

"ตอนนี้อาคารเอถูกปิดตายแล้ว" เธออธิบาย น้ําเสียงของเธอแต่งแต้มด้วยความหงุดหงิดและไม่เชื่อผสมกัน ขณะที่เธอพูดก็เขย่าลูกเบาๆ พยายามปลอบประโลม "ผู้อยู่อาศัยที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็ย้ายออกเช่นกัน" เธอเย้ยหยันความคิดเรื่องการมีอยู่ของเรื่องเหนือธรรมชาติ "คนพวกนั้นบ้ากันไปหมดแล้ว! ผีเผอมีที่ไหนกัน สร้างเรื่องทั้งนั้น! เสียดายห้องดีๆถูกๆทั้งนั้นแทนที่จะเปิดช่วยเหลือคนจน ถึงจะเป็นห้องผีสิง แต่ก็ยังดีกว่านอนอยู่ข้างถนนนั่นแหละ"

"อาคารเอว่างเปล่า?" จากข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไป๋เสี่ยว ความผิดปกติเริ่มต้นจากครอบครัวหนึ่งในอาคารเอ

ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าพลางจับถุงที่บรรจุบะหมี่เกี๊ยว "ไม่มีผู้เช่าเหลืออยู่ในอาคารเออยู่แล้ว แต่ไม่นานมานี้มีเจ้าหน้าที่แปลกๆมาที่อาคารบี ขอให้พวกเรารีบย้ายออกไป" เสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล "เห้อ.. ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตกันลำบากพออยู่แล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรอีกก็ไม่รู้"

ถนนไปยังอพาร์ทเมนท์ทรุดโทรมเป็นหลุมเป็นบ่อ ทุกคนต่างสำรวจเส้นทางอย่างระมัดระวังพยายามหลีกเลี่ยงอาคารเอ ไม่นานก็มาถึงที่หมาย

เกาหมิงยืนอยู่หน้าอาคารบี โดยไม่ต้องเข้าไป เพียงแค่ยืนอยู่นอกอาคาร ก็รู้ถึงความไม่สบายตัวราวกับถูกปกคลุมไปด้วยเงาที่มองไม่เห็น ไม่พอยังสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิรอบตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ว่านหยูซึ่งตามหลังดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างเช่นกัน เขายกมือขึ้นคว้าแขนเสื้อของเกาหมิงและซวนเหวินไว้ เท้าของเขาแข็งค้างแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เต็มใจที่จะไปต่อ

อพาร์ตเมนต์เก้าชั้นด้านหน้า ผนังถูกทาด้วยสีเหลืองอ่อน ครั้งหนึ่งอาจเคยเป็นศูนย์กลางของเสียงหัวเราะและความมีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตามสีเหลืองที่เคยสดใสกลับถูกบดบังภายใต้ชั้นของสิ่งสกปรกหนา ห้องทุกห้องได้รับการเสริมด้วยตะแกรงรักษาความปลอดภัยที่ดูเก่าและเป็นสนิม

ด้วยลักษณะในปัจจุบัน เมื่อมองขึ้นไปที่อาคารก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกถึงการกดขี่อย่างสุดจะพรรณนา เพียงแค่ยืนอยู่นอกอาคารก็ทําให้หายใจลําบาก นับประสาอะไรกับการที่ต้องอาศัยอยู่ข้างในตลอดเวลา

"ทําไมพวกคุณไม่เข้ามาล่ะ" หญิงวัยกลางยืนอยู่ภายในอาคาร ดูเหมือนเธอจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานแล้ว "เดินระวังล่ะ มีเศษกระจกแตกอยู่ตามทางเดิน"

อพาร์ทเมนท์ถูกสร้างขึ้นในเขตตะวันออกเมื่อหลายสิบปีก่อนเพื่อรองรับคนงานจํานวนมาก มีทางเดินแคบยาวในแต่ละชั้นขนาบข้างด้วยที่อยู่อาศัยทั้งสองด้าน สภาพความเป็นอยู่คับแคบ โดยห้องเดี่ยวมักแบ่งใช้กันหลายครอบครัวโดยใช้ฉากกั้นไม้และตาข่ายเหล็ก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบว่ามีครอบครัวมากถึงสามครอบครัวแชร์ห้องเดียวกัน

อาคารแห่งนี้เป็นแหล่งหลอมรวมของคนงานจากภูมิภาคต่างๆไว้ ซึ่งแต่ละคนมีแนวทางการใช้ชีวิตและภาษาถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ด้วยความหลากหลายนี้เอง ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดข้อพิพาทและการปะทะกัน

'ต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ ไม่นานก็คงป่วย' เกาหมิงเดินไปจนสุดทางเดินและผลักหน้าต่างซึ่งสามารถมองเห็นอาคารที่อยู่ติดกันได้

นิ่งเงียบและน่าขนลุก

ขณะที่เขากําลังจะหันหลังกลับ หางสายตาของเกาหมิงก็เห็นอะไรบางอย่าง

เกาหมิงหันหันขวับกลับไปมองทันที

มีคนสี่คนยืนเรียงแถวอยู่ในอาคารฝั่งตรงข้าม มองมาทางเกาหมิงด้วยสีหน้าเดียวกัน เสื้อผ้าของพวกเขาไม่สอดคล้องกับแฟชั่นสมัยใหม่อย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของผู้เฒ่าคนหนึ่งดูเหมือนจะมีเลือดไหลซึมออกมา

"นั่นคืออาคารเอ" หญิงวัยกลางหลบเสื้อผ้าที่แขวนไปมาเหนือศรีษะก่อนเดินเข้ามา "เมื่อก่อนอาคารเอและบีเชื่อมถึงกัน คนสามารถเดินไปมาระหว่างตึกได้ แต่ตอนนี้... เห้อ" เธอถอนหายใจออกมา

เธอชี้ไปที่กําแพงคอนกรีตตรงหัวมุม "ตรงนั้นเคยเป็นทางเชื่อม แต่ถูกปิดไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เปิดแค่ชั้นห้าและเก้าเท่านั้น แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนกลับถูกไอ้พวกตำรวจพวกนั้นปิดไปอีก!"

"ชั้นห้าและเก้า..." เกาหมิงพึมพำ เมื่อมองกลับไปที่อาคารเออีกครั้ง คนสี่คนหายไปแล้ว

"เธอควรยืนให้ห่างไว้ดีกว่านะ ฉันได้ยินมาจากคนเฒ่าคนแก่ในตึก มีฆาตกรซ่อนศพไว้ตรงนั้น บางทีตรงที่เธอสัมผัสอยู่ตอนนี้ อาจจะมีใบหน้าของศพถูกโบกฝังไว้" เธอโบกมือให้เกาหมิงเดินต่อ "มีทางบันไดขึ้นลงสุดอาคารทั้งซ้ายและขวาในแต่ละชั้น ส่วนลิฟต์เสียมาหลายปีแล้ว ตอนกลางคืนเธอไม่ควรใช้บันได้ฝั่งซ้าย ผู้เช่าหลายคนขี้เกียจเกินไปที่จะใช้ห้องน้ำสาธารณะ เลยใช้ทางขึ้นลงฝั่งนั้นเป็นห้องน้ำในตอนกลางคืน"

เมื่อไปถึงชั้นห้าของอาคาร ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจทําเสียงฝีเท้าหนักๆสะท้อนผ่านโถงทางเดิน ราวกับว่าเธอกําลังส่งสัญญาณบางอย่างให้ใครบางคนรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว

เธอวางลูกของเธอลงอย่างระมัดระวัง ควานหากุญแจอยู่พักหนึ่ง ก่อนไขประตูสีแดงสดตรงหน้า

"ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ" เธอกล่าวพลางเชิญเกาหมิงเข้ามา

เมื่อเกาหมิงก้าวเข้าไปในอพาร์ตเมนต์เล็กๆขนาดสามสิบตารางเมตร เห็นได้ชัดว่าเหตุใดผู้หญิงคนนั้นจึงไม่เต็มใจนักที่จะให้หยานฮัวมากับพวกเขา ทุกๆส่วนของห้องเต็มด้วยข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก

เกาหมิงรู้สึกทึ่งเล็กน้อยกับกองรองเท้าของเด็กและผู้ใหญ่ที่ถูกวางซ้อนกันเป็นหอคอยเล็กๆ ตู้ที่ไร้ประตูถูกอัดแน่นด้วยของต่างๆ ทั้งหม้อหุงข้าว สมุดงาน กระเป๋านักเรียนและของเบ็ดเตล็ดมากมายที่ห่อด้วยถุงพลาสติกของซูเปอร์มาร์เก็ต

ตรงข้ามตู้เสื้อผ้าเป็นเตียงเหล็กสองชั้น ปลายล่างอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าและด้านบนประดับด้วยผ้านวม ผ้าของพวกเขาเต็มไปด้วยคราบสีน้ำตาลอมเหลือง

ช่องว่างระหว่างเตียงเหล็กกับตู้แคบมากจนเกาหมิงต้องหันด้านข้างเพื่อเข้าไป ตุ๊กตายัดไส้ขนาดใหญ่ถูกซุกไว้ที่มุมเตียงและมุมตู้

เด็กสองคนซึ่งดูเหมือนจะอายุประมาณสี่หรือห้าขวบโผล่หัวออกมาจากชั้นสองอย่างเขินอาย เมื่อสังเกตเห็นแม่ของพวกเขา ดูเหมือนพวกเขาไม่แน่ใจว่าจะลงมาหรือไม่

"หยุดเล่น เรามีแขกอยู่ที่บ้าน" หญิงวัยกลางคนเทบะหมี่เกี๊ยวลงในชาม แต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้กินเองหรือให้เด็กๆกิน เพียงแค่วางชามไว้บนเก้าอี้ตรงกลางห้อง

เด็กๆมองบะหมี่เกี๊ยวด้วยความหิว แต่ไม่กล้าพูด

"นั่งได้ตามใจชอบเลย" หลังจากหญิงวัยกลางคนพูดจบเธอก็เดินไปอีกห้องหนึ่ง

ห้องด้านนอกมีจุดประสงค์สองประการเพื่อเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและนอน แต่สภาพในฉากกั้นด้านในนั้นน่าหดหู่ยิ่งกว่า ห้องน้ำอยู่ในตําแหน่งที่น่าตกใจใกล้กับเตาครัวและอ่างล้างจาน

น้ํามันปรุงอาหารและขวดเครื่องปรุงรสเคลือบสิ่งสกปรกถูกเก็บไว้บนชั้นวางเดียวกับแชมพูราคาถูกและขวดน้ำยาซักผ้าขวดใหญ่ ท่อระบายน้ำที่พื้นอุดตันไปด้วยผมสีเหลือง ใบผักที่เน่าเปื่อยและไขมันที่คั่งค้าง

"ที่นี่ไม่มีที่ให้นั่งใช่ไหม?" เกาหมิงขยับตัวช้าๆก้าวเข้าไปด้านใน หญิงวัยกลางคนเตะของเล่นของเด็กบนพื้นออก เคลียร์พื้นที่ให้ว่าง

"ถ้าเธอมองดูอาพาร์ตเมนต์ทั่วเขตตะวันออกทั้งหมด ยกเว้นห้องจากอาคารเอแล้ว ไม่มีห้องไหนที่คุ้มค่าไปกว่าของฉันแน่นอน"

"ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นปัญหา" เกาหมิงตอบโดยสังเกตเห็นว่านหยู เขาเริ่มทําตัวแปลกๆ ร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย "คุณบอกว่านี่คือห้องผีสิง เคยเกิดอะไรขึ้นที่นี่?"

หญิงวัยกลางคนไม่กังวลว่าจะทําให้ลูกๆของเธอกลัวและพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง "ชายคนหนึ่งแขวนคอตัวเองที่นี่พร้อมกับลูกสองคนของเขา"

การเปิดเผยนี้ทําให้แม้แต่เกาหมิงยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ผู้หญิงคนนั้นและเด็กสองคนบนเตียงกลับไม่ตอบสนองแต่อย่างใด

"หลายห้องบนอพาร์ตเมนต์ มีประวัติทั้งนั้น แต่ก็คงยังได้รับความนิยมอยู่ดีเพราะราคาที่ถูก" หญิงวัยกลางคนตั้งทฤษฎีของตัวเอง "แต่เธอรู้ไหมว่าการอยู่ติดกับห้องผีสิงนั้นแย่ยิ่งกว่า จริงๆสถานที่เหล่านั้นมีราคาที่สูงกว่าเพราะไม่เคยมีประวัติ แต่ถ้าห้องข้างๆมีผีจริง ก็จะโดนหลอกหลอนไปด้วย แถมราคาเช่ายังแพงกว่าอีก"

ขณะที่เธอพูด เกาหมิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในท่าทางของเธอ ดวงตาของเธอพุ่งไปทางซ้ายและมุมปากของเธอกระตุกขึ้นเล็กน้อย ความสนใจของเขาถูกดึงดูดไปที่ตุ๊กตาผ้าที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง เมื่อสังเกตการแสดงออกทางสีหน้าของเธออย่างใกล้ชิด เกาหมิงรู้สึกว่าเธอกําลังปกปิดอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ว่าเธอไม่กลัวความตาย แต่เธอรู้ว่าผีจะไม่ทําร้ายเธอ

"ไป... กลับ..." ว่านหยูที่ไม่ค่อยพูด ดึงเสื้อผ้าของเกาหมิงและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพาเกาหมิงออกไป

ปฏิกิริยาของซวนเหวินก็แปลกไปเล็กน้อย เธอตบไหล่ของเกาหมิง ก่อนเดินไปที่ทางออกโดยไม่พูดอะไร รอยยิ้มปกติของเธอหายไปอย่างเห็นได้ชัดแทนที่ด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง

เมื่อเห็นถึงปฏิกิริยะของทั้งคู่เกาหมิงรีบเดินออกจากห้องในทันที

"หืมพวกคุณจะไปกันแล้ว? คุณจ่ายเงินไปแล้วทําไมไม่อยู่ต่ออีกสักพักล่ะ" หญิงวัยกลางคนถาม น้ําเสียงของเธอแต่งแต้มด้วยความประหลาดใจ เธอยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู ใช้ร่างกายของเธอบังส่วนที่ยังเปิดอยู่ไว้

"ผมจะไปดูที่อื่นก่อน" เกาหมิงตอบอย่างสุภาพแสดงความตั้งใจที่จะจากไป ขณะที่เขาละสายตาจากหญิงคนนั้น หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นตุ๊กตาตัวใหญ่ที่เคลื่อนตัวข้ามพื้นสกปรกด้านหลังหญิงวัยกลางคนอย่างน่าขนลุก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด