ตอนที่ 360
ตอนที่ 360
ร่างเล็ก ๆ ในจิตวิญญาณหลับตาลงเล็กน้อยแล้วนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงส่วนท้องของเต๋าซุน
มันเป็นร่างเปลือยเปล่าและไม่มีการแสดงออกบนสีหน้าใดๆ
ในขณะนี้ ขณะที่เต๋าซุนก้าวเข้าสู่ระดับ 7 โลกแก่นชีวิตของเขาก็ขยายขึ้นอย่างเห็นได้ด้วยตา
พื้นที่โลกแก่นชีวิตเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นบนบกหรือในมหาสมุทร พวกมันล้วนแต่กำลังขยายออกอย่างไม่รู้จบ พร้อมกับมีเสียง "ครืนนน" ดังก้องไปทั่วเปลือกโลก
เส้นขอบฟ้าผสานกับมหาสมุทร
โกลาหลและสัตว์อสูรหลายตัวที่อยู่อาณาเขตสัตว์อสูรก็จ้องมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงบ
นี่คือปรากฏการณ์การเข้าสู่ระดับ 7
แน่นอนว่าสำหรับเต๋าซุนนั้นยังเหลือก้าวที่สำคัญอยู่อีก
นั่นก็คือการหลอมรวมร่างเก้าอาราม
การก่อตัวของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาเป็นอย่างมาก และเขาก็ได้ทะลวงไปสู่จุดสูงสุดของระดับ 7 ทันที
แต่ขณะนี้วิญญาณของเขานั้นยังคงเปราะบางอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับวิญญานศักดิ์สิทธิ์
เขากลืนลูกปัดของร่างเก้าอารามลงท้องไปทันที
เมื่อลูกปัดร่างนักรบเข้าสู่ช่องท้อง มันก็ลอยขนานกับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
เต๋าซุนพยายามเชื่อมโยงทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ
พลังแห่งการกำเนิดโคจรทั่วร่างกายของเขาเหมือนกับสายน้ำที่ไหลผ่านสะพานเล็ก ๆ
และค่อยๆหลอมรวมร่างเก้าอารามเข้ากับวิญญานศักดิ์สิทธิ์ทีละน้อย
หลังจากเวลาผ่านไปนาน เงาร่างเล็กในตัวเขาก็เริ่มสั่นเบาๆ
เงาร่างเล็กตอนนี้ก็เต็มไปด้วยพลังแห่งการกำเนิด
ทันใดนั้น ดวงตาที่ปิดอยู่ของร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดออก และมีแสงแวบวับผ่านดวงตาของมัน
เงานี้มองดูร่างเก้าอารามที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นมันก็อ้าปากและพยายามกลืนลูกปัดร่างเก้าอารามเข้าไป
ในขณะนี้ ร่างเงาวิญญาณก็เปล่งประกายแสงสีทองออกมา และท้องของเขาดูเหมือนจะเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าของร่างเงาวิญญาณบิดเบี้ยว และมันก็ล้มลงและกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด
เต๋าซุนใช้พลังแห่งการกำเนิดและต้นไม้แห่งชีวิตอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นยังคงมีประสิทธิภาพมากในการรักษาเยียวยาจิตวิญญาณ
ร่างเงาวิญญาณที่แต่เดิมปรากฏรอยแตกร้าวมากมายและดูเหมือนจะแตกสลายก็เริ่มฟื้นคืนกลับมาเชื่อมต่อกันเหมือนเดิม
ในขณะนี้ ภายใต้การรักษาเต็มรูปแบบของเต๋าซุน ร่างเงาวิญญาณก็ค่อยๆดูดซับพลังของร่างเก้าอารามอย่างต่อเนื่อง
อย่างช้าๆ มันก็เริ่มปรับตัวเข้ากับการดำรงอยู่ของร่างเก้าอาราม
อันที่จริง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้กินเวลาเป็นอย่างมากในโลกภายนอก
หลังจากผ่านไปนาน ร่างเงาวิญญาณก็ค่อยๆลุกขึ้น นั่งขัดสมาธิอีกครั้ง และกลับสู่ท่วงท่าเดิม
เพียงแต่ว่ารูปลักษร์ของมันในขณะนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนหน้านี้เป็นอย่างยิ่ง
มันสวมชุดเกราะเก้าสี
ชุดเกราะประกอบไปด้วยอารามทั้งเก้า และแต่อารามก็ได้รับการปกป้องโดยพลังของสัตว์อสูร
ตอนนี้ร่างเงาวิญญาณนั้นดูงดงามเป็นอย่างมากและส่องประกายแสงเก้าสีเจิดจ้าออกมา และม่านแสงเก้าสีที่คมชัดก็ปรากฏขึ้นรอบมันอย่างชัดเจน
หากวิญญาณของเต๋าซุนถูกโจมตีในอนาคต ม่านแสงทั้งเก้าสีนี้ก็จะช่วยปกป้องวิญญาณของเขาจากการโจมตีเหล่านั้นก่อน
ผู้ฝึกตนทั่วไปนั้นไม่อาจทำลายร่างนักรบนี้ได้แม้แต่อารามเดียว
และร่างเก้าอารามนี้ก็ไม่เพียงแต่มีไว้เพื่อปกป้องวิญญาณเท่านั้น แต่มันยังเสริมสร้างการโจมตีทางวิญญาณให้เข้ากับในทุกๆด้านด้วย
-
เต๋าซุนค่อยๆลืมตาขึ้น
ในขณะนี้ ถ้ำที่เขาอยู่นั้นเริ่มมีใยแมงมุมปรากฏแล้ว และถ้ำก็ชื้นและมืด
ว่ากันว่าการก้าวเดินบนเส้นทางแห่งการฝึกตนนั้นยาวนานเหมือนกับไม่มีสิ้นสุด
และตอนนี้เขาก็ใช้เวลาถึงสองเดือนในการก้าวเข้าสู่ระดับ 7 และหลอมรวมเข้ากับร่างเก้าอาราม
เขาโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ครอบครองต้นไม้แห่งชีวิต
มันทำให้เต๋าซุนไม่หวาดกลัวที่จะบาดเจ็บแม้แต่น้อย และมันก็ทำให้เขาสามารถใช้ร่างกายของตนได้อย่างเกินขีดกำจัด
ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงขึ้น มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยที่ใครบางคนจะต้องใช้เวลาที่ยาวนานเป็นอย่างยิ่งจนอาจจะเกือบร้อยปีหรือพันปี
เต๋าซุนก็ออกมาจากถ้ำ
แต่โลกด้านนอกหาได้มีแสงแดดอย่างที่เขาคิดไม่ เขาเห็นเพียงแค่หิมะที่ตกหนักเท่านั้น
หิมะตกหนักกำลังพัดอยู่บนท้องฟ้าและผืนดิน
ใบไม้เหี่ยวเฉาท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงที่เหลืองอร่ามในที่สุดก็จากไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับการก้าวผ่านระดับการบ่มเพาะของเขา
เขาเดินบนดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ และร่างของเขาก็ค่อยๆหายไปท่ามกลางสายลมและหิมะ
รอยเท้าลึกปรากฏให้เห็นชัดเจนอยู่ครู่หนึ่งและไม่นานมันก็หายไปพร้อมกับร่างนั้น
-
สมมติว่าแผนที่ของทวีปตะวันออกวางอยู่ตรงหน้าเจ้า
และถูกกำหนดให้มีภูเขากับแม่น้ำอันงดงาม
นิกายจักรพรรดิทั้งหกก็อาจถือเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่
แต่ถ้าจะบอกว่านิกายจักรพรรดิทั้งหกเป็นผู้ปกครองพื้นที่หลักของทวีปตะวันออกทั้งหมดหรือไม่นั่น ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่
พื้นที่หลักของทวีปตะวันออกนั้นกว้างใหญ่และไร้ขอบเขต แม้ว่านิกายจักรพรรดิทั้งหกจะเป็นผู้ปกครองดินแดนส่วนใหญ่
แต่ก็ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ปกครองด้วยตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ต้องห้าม สถานที่อันตราย สถานที่ห่างไกล หรือสถานที่พิเศษ
เมืองมังกรเป็นสถานที่เช่นนั้น
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปตะวันออกไกล
ทางเหนือ ใกล้กับท้องฟ้าและทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่เเป็นเส้นแบ่งของทวีป
ปลายด้านหนึ่งของเมืองมังกรคือทวีปตะวันออก และทางทิศเหนือก็มีทะเลนภาไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อข้ามเส้นขอบแดนนี้ไปก็จะเป็นทวีปอีกทวีป
ทวีปเหนือ!
ทะเลนภาไม่มีที่สิ้นสุดแบ่งแยกห้าทวีปออกจากกัน และล้อมรอบทวีปกลางไว้
การเดินทางจากทวีปตะวันออกไปยังทวีปทางเหนือนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
เจ้าสามารถนั่งเรือข้ามทะเลนภาไม่มีสิ้นสุดไปที่นั่นได้
เมืองมังกรนั้นไม่ได้อยู่ใต้กองกำลังใด
พูดง่ายๆก็คือพวกเขาคือกองกำลังอิสระ
แต่ก็ถือว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังและเก่าแก่
ในมหาสงครามแห่งยุคเมื่อล้านปีก่อน จักรพรรดิเจิ้นหวู่ต้องการสร้างยุคของจักรพรรดิ
และในตอนนั้นเอง แม่ทัพของจักรพรรดิเจิ้นหวู่ก็ได้สังหารเผ่าพันธุ์มังกรไปจนเกือบหมดสิ้น
ว่ากันว่าในวันนั้นเลือดไหลนองเหมือนกับแม่น้ำ และเลือดของมังกรที่ไหลรวมกันก็ไม่ต่างอะไรจากทะเลเลือดอันกว้างใหญ่
นั่นเป็นการประกาศถึงการล่มสลายของเผ่ามังกร
ในความเป็นจริง ช่วงเวลานั้นก็ยังมีมนุษย์ที่เต็มใจที่จะเป็นผู้ติดตามของสัตว์อสูรอยู่เช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว พลังของสัตว์อสูรในยุครกร้างก็หยั่งรากลึกลงไปในหัวใจของผู้คน
สำหรับคนเหล่านี้มันคงยากเกินไปที่มนุษย์จะสร้างยุคสมัยใหม่ได้
เมื่อจักรพรรดิเจิ้นหวู่จัดการกับสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบ ก็มีหลายคนที่ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องดี
ในบรรดาคนกลุ่มนี้ เมืองมังกรเป็นตัวแทนที่ออกหน้ามากที่สุด
พวกเขาสร้างเมืองมังกรและใช้มังกรเป็นตราสัญลักษณ์
พวกเขาเต็มใจที่จะเป็นทาสของมังกรจากรุ่นสู่รุ่น
อาจมีประโยชน์เพียงอย่างเดียวในการทำเช่นนี้ นั่นก็คือการได้รับโลหิตของมังกรที่มังกรมอบให้ด้วยตนเอง
และในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นนักรบเลือดมังกร
-
นักรบเลือดมังกรเป็นเผ่าพันธุ์ย่อยอีกประเภทหนึ่งที่มีร่างของมนุษย์แต่ทว่าเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายของพวกเขานั้นคือเลือดของมังกร
เผ่าพันธุ์ใดที่มีสายเลือดของต่างเผ่าพันธุ์หลอมรวมอยู่ในร่าง พวกเขามักจะไม่อาจก้าวเดินไปได้ไกลนักในเส้นทางการฝึกตน
เพราะหากพวกเขาต้องการที่จะก้าวให้สูงขึ้น พวกเขาก็จำเป็นต้องชำระล้างเลือดในร่างของตัวเอง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมืองมังกรไม่ได้สนใจเรื่องทางโลกเลย และพวกเขาก็มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเผ่าพันธุ์ของตนอย่างเงียบๆอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งของทวีปเท่านั้น
หลายๆคนเองก็ไม่ได้สนใจเมืองมังกรมากนัก
ตัวตนที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณเหล่านี้แม้จะพบความพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วนตั้งแต่ยุครกร้างจนถึงปัจจุบัน แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่อาจกำจัดพวกเขาได้ และพวกเขาก็อยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้อย่างน่าประหลาดใจ
พิธีอันยิ่งใหญ่ที่บ้านตระกูลปู่ของเขากำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว
ตามข้อมูลที่เต๋าซุนได้รู้มา พิธีนี้ดูเหมือนจะเป็นพิธีฉลองวันเกิด
ฉลองวันเกิดครบ 1,000 ปีของท่านปู่
ถึงตอนนั้น คาดว่าผู้คนจากทั่วทั้งทวีปทางตอนเหนือคงจะต้องไปเข้าร่วมอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรไปร่วมงานดีหรือไม่
ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอท่านปู่ของเขาก็คือตอนที่เขาเกิดได้ไม่นาน
ความจำของเขาเลือนลางเป็นอย่างมาก
เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขานั้นได้สัญญากับนักดาบอมตะเจียงหยุนไว้แล้วว่าจะนำมรดกของอีกฝ่ายไปคืนสู่ตระกูลให้
ครั้งนี้เขาก็แค่แวะมาทำตามคำสัญญานี้ให้เสร็จเท่านั้น
เมื่อถึงเวลาที่ทำตามสัญญาแล้ว เขาก็จะออกตามหาลิงจิตวิญญาณมิติเพื่อเดินทางไปยังถ้ำปีศาจโบราณอันเกี่ยวข้องกับจอมมาร
การดำรงอยู่ของจอมมารนี้เป็นสิ่งที่เต๋าซุนกังวลและคิดเกี่ยวกับมันเสมอมา