ตอนที่ 30 เปลี่ยนนิสัยของตัวเอกหญิง
ตอนที่ 30 เปลี่ยนนิสัยของตัวเอกหญิง
“มนุษย์หญิงถังซืออวิ๋นคารวะท่านเซียน ที่นี่คือเขตปกครองเชอเสวียน อำเภอเหมียนหยางเจ้าค่ะ”
ถังซืออวิ๋นผู้ซึ่งหลับตารอความตายด้วยความแน่วแน่ บัดนี้นัยน์ตาของนางทอประกายด้วยความหวังอีกครั้ง
ต่อหน้าท่านเซียนมีเพียงความชอบธรรมเท่านั้น
หากนางได้รับความช่วยเหลือจากท่านเซียน...
หม่าซานจากสำนักเจิ้งชี่แอบคิดว่าหากถังซืออวิ๋นขอความช่วยเหลือจากท่านเซียนจะต้องไม่ดีแน่ๆ เขาจึงรีบพูดว่า “ข้าน้อยหม่าซานลูกศิษย์ของสำนักเจิ้งชี่คารวะท่านเซียน เจ้าสำนักเจิ้งชี่ของเรามีความสัมพันธ์อันดีกับเซียนซือแห่งนิกายชิงกวน ท่านเซียนประสงค์เรียกใช้งานพวกข้าน้อยหรือไม่”
“นิกายชิงกวน?” ซูอันแสดงสีหน้างุนงง
ถูเซิ่งหนานซึ่งอยู่ด้านหลังหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาแล้วเปิดดูเงียบๆ
“เรียนคุณชาย นิกายชิงกวนเป็นนิกายระดับต่ำในตงโจว ในนิกายมีผู้ฝึกตนระดับจื่อฝู่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเจ้าค่ะ”
ก่อนออกเดินทาง ถูเซิ่งหนานได้เตรียมการล่วงหน้าโดยซื้อหนังสือ ‘หนึ่งร้อยลำดับนิกายของตงโจว’ เล่มเล็กๆ นี้
เมื่อได้ยินว่าผู้อุปถัมภ์ของเจ้าสำนักเจิ้งชี่ยังได้รับการปฏิบัติด้วยความดูแคลนเช่นนี้ ลูกศิษย์ของสำนักเจิ้งชี่จึงอดจะก้มศีรษะลงไม่ได้
ถังซืออวิ๋นยิ่งรู้สึกสั่นสะท้าน เพราะนิกายชิงกวนเป็นนิกายเซียนที่โดดเด่นในเขตปกครองเชอเสวียน แต่ไม่คาดคิดว่ายังไม่มีค่าให้เอ่ยถึงสำหรับคุณชายท่านนี้
หม่าซานกัดฟันพูดต่อ “ท่านเซียนผู้สูงส่ง แม้ว่าสำนักเจิ้งชี่ของเราไม่มีค่าให้เอ่ยถึง แต่มีกำลังคนอยู่ทั่วอำเภอเหมียนหยาง หากท่านเซียนต้องการใช้งาน พวกข้าน้อยพร้อมสู้ถวายชีวิตให้ท่านเซียนขอรับ!”
“เช่นนั้นหรือ บังเอิญจริงๆ นะ ข้ากำลังตามหาทายาทตระกูลถัง ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาย้ายมาอยู่ที่เขตปกครองเชอเสวียน แล้วพวกเจ้าคนสำนักเจิ้งชี่ทราบหรือไม่ว่ามีตระกูลถังอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ซูอันเอ่ยถาม
ทายาทตระกูลถัง?!
นัยน์ตาของหม่าซานมืดลง เพราะในอำเภอเหมียนหยางมีคนใช้แซ่ถังจำนวนไม่น้อย ทว่าตระกูลถังที่ย้ายมาจากต่างถิ่นมีแค่ตระกูลถังซึ่งถูกทำลายโดยสำนักเจิ้งชี่ของเขาเมื่อไม่นานมานี้
ท่านเซียนผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลถังอย่างนั้นหรือ?
ในสมองของศิษย์สำนักเจิ้งชี่มีแต่ความอื้ออึง ดูเหมือนว่าพวกเขาจบเห่แล้ว!
“ขอบังอาจถามท่านเซียนว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลถังอย่างไรเจ้าคะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของถังซืออวิ๋นสว่างวาบและนางมีความกล้าที่จะถาม
“บรรพบุรุษของข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้อาวุโสของตระกูลถัง ข้าเองเคยได้รับความช่วยเหลือจากบรรพบุรุษของตระกูลถัง ครั้งนี้ข้ามีโอกาสเดินทางมายังตงโจว จึงอยากเป็นตัวแทนบรรพบุรุษมาเยี่ยมเยียน”
ซูอันตอบด้วยท่าทางสบายๆ
บรรพบุรุษโดยตรงของเขาได้ล่วงลับไปนานแล้ว เขาจึงพูดสิ่งใดก็ได้ตามต้องการ เพราะบรรพบุรุษคงไม่ปีนขึ้นจากหลุมมาหักล้างเขากระมัง
ชัดเจนแจ่มแจ้ง!
หม่าซานรู้สึกราวกับถูกทุบด้วยค้อนหนักหน่วงและทรุดตัวลงกับพื้นโดยตรง
“ท่านเซียน ข้าน้อยเป็นทายาทตระกูลถังเจ้าค่ะ!” ถังซืออวิ๋นกัดฟันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจยอมรับตัวตน
ไม่ว่าคำพูดของท่านเซียนจะเป็นจริงหรือไม่ ถึงอย่างไรสถานการณ์ไม่มีวันเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว
ยิ่งกว่านั้นนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีอันใดคู่ควรให้ท่านเซียนใช้เล่ห์เหลี่ยมใส่
“มนุษย์หญิงถังซืออวิ๋น บิดาชื่อถังเจิ้นเซวียน บ้านเกิดคือโยวโจวเจ้าค่ะ” ถังซืออวิ๋นอธิบายแล้วพูดว่า “เนื่องจากท่านเซียนมีความสัมพันธ์อันดีกับบรรพบุรุษของซืออวิ๋น ดังนั้นซืออวิ๋นจึงขอร้องท่านเซียนได้โปรดล้างแค้นให้ตระกูลถังของข้าน้อยด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำขอร้องของถังซืออวิ๋นเกี่ยวกับการแก้แค้นให้ตระกูลถัง ใบหน้าของหม่าซานและศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักเจิ้งชี่พลันซีดเผือด และพวกเขารีบตะโกนว่า
“ท่านเซียนโปรดเมตตา! ท่านเซียนโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
ใบหน้าของซูอันดูน่าเกลียดและเขาทอดถอนใจพลางเอ่ย “โยวโจวดูเหมือนจะถูกต้อง แต่ไม่นึกเลยว่าอีกหลายร้อยปีต่อมา ทายาทของตระกูลถังจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้”
“เฮ้อ มันเป็นความผิดของข้าด้วย หากข้ามาถึงเร็วกว่านี้สักสองสามวัน เรื่องคงไม่กลายเป็นเช่นนี้” เขาพูดด้วยท่าทางค่อนข้างสำนึกผิด
ถูเซิ่งหนานยกมือเกาหัวด้วยความสงสัย บรรพบุรุษของคุณชายเป็นสหายกับตระกูลถังจริงหรือ?”
ถังซืออวิ๋นได้ยินแล้วส่ายหัวทันที “เรื่องนี้จะตำหนิท่านเซียนได้อย่างไร เพียงแต่ความแค้นในการทำลายครอบครัวนั้นไม่สามารถปล่อยวางได้ ซืออวิ๋นจึงวิงวอนด้วยความไร้ยางอาย ขอให้ท่านเซียนช่วยล้างแค้นให้กับตระกูลถังของข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ!”
นางคุกเข่าโดยหันหน้าไปทางซูอันแล้วโขกศีรษะคำนับกับพื้นโดยแรง
“ย่อมได้” ซูอันถอนหายใจอีกครั้งและมองถังซืออวิ๋นด้วยความเสียใจ “เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง เซิ่งหนาน ข้าฝากเรื่องนี้ไว้กับเจ้า จงไปทำลายสำนักเจิ้งชี่ทันที หากจำเป็นจริงๆ ก็สามารถระดมกำลังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้ร่วมมือได้”
“ยังมีนิกายชิงกวนนั่นอีก...ให้พวกเขาร่วมมือ ส่งทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสำนักเจิ้งชี่ให้เรา”
“น้อมรับคำสั่ง!” ถูเซิ่งหนานตอบกลับและถามอีกครั้งว่า “ถ้านิกายชิงกวนไม่ยอมส่งคนออกมาล่ะเจ้าคะ?”
“ก็หมายความว่าพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวข้อง” ซูอันพูดด้วยความไม่แยแส
ถังซืออวิ๋นรู้สึกสบายใจที่ได้ยินบทสรุปเช่นนี้ เพราะบัดนี้นางไม่ใช่คุณหนูใหญ่ผู้มีจิตใจดีและใจบุญของตระกูลถังอีกต่อไป
“ส่วนพวกเจ้าที่เหลือ...” ซูอันกวาดสายตามองพวกหม่าซาน
“สำนักเจิ้งชี่ข่มเหงคนดี ประพฤติตัวชั่วช้า! ข้าน้อยหม่าซานมีอุดมการณ์ขัดแย้งกับพวกเขา! ก่อนหน้านี้ไม่มีทางเลือกจึงถูกบังคับให้กระทำชั่วขอรับ” หม่าซานรีบเปลี่ยนสีเป็นคนดีมีคุณธรรมแล้วพูดด้วยความนอบน้อมว่า “หวังว่าท่านเซียนจะไว้ชีวิตและให้ข้าน้อยร่วมต่อสู้กับสำนักเจิ้งชี่ด้วยชีวิตขอรับ!”
ลูกศิษย์ที่มีรอยแผลเป็นตื่นตกใจกับความไร้ยางอายของหม่าซาน!
เขาไม่รู้เลยว่าไอ้เด็กคนนี้มีพรสวรรค์โคตรๆ เลย
‘เย่อหยิ่งได้ ปล่อยวางให้เป็น! ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนผู้นี้สามารถเอาชีวิตรอดจากเส้นเรื่องเดิมและกลายเป็นน้องชายของเยี่ยเสวียน!’ ซูอันแอบคิดในใจ
คนผู้นี้ไร้ยางอายกว่าเขาเสียอีก
“ไม่เลว!”
ซูอันชื่นชม
ทันใดนั้นมีแสงวาบขึ้นมาและศีรษะหนึ่งหล่นลงพื้น ดวงตาของศีรษะที่ร่วงหล่นยังเต็มไปด้วยความสุข แต่แล้วก็ค่อยๆ กลายเป็นความสับสน
อยู่ระดับใด กล้าดีอย่างไรมาเสนอตัวเป็นพวกเดียวกัน!
ซูอันไม่เหมือนเยี่ยเสวียนที่อยากจะรับน้องชาย โดยเฉพาะคนประเภทนี้ที่ดูน่าสังเวชทั้งภายในภายนอก แค่มองก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว
“แม่นางซืออวิ๋น คนที่เหลือจะทิ้งให้เจ้าจัดการแล้วกัน”
ถังซืออวิ๋นหยิบกริชออกมาโดยไม่พูดสักคำและเดินไปหาคนเหล่านั้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น ตอนนี้ศิษย์ที่เหลือของสำนักเจิ้งชี่ถูกซูอันควบคุมไว้แล้ว แม้แต่นิ้วมือยังขยับไม่ได้ จึงไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย พวกเขาทำได้เพียงมองถังซืออวิ๋นด้วยสายตาวิงวอน
หวังว่าสาวน้อยจิตใจดีคนนี้จะไว้ชีวิตพวกเขาได้
หนึ่งคมมีด สองคมมีด!
โลหิตกระเซ็นใส่เสื้อผ้าของถังซืออวิ๋น ทำให้แขนเสื้อของนางอาบด้วยสีแดงฉาน
มีเพียงความรู้สึกยามที่มีดแทงทะลุเนื้อของศัตรูเท่านั้นถึงจะทำให้นางรู้ว่าไม่ได้ฝันไป นางได้รับความช่วยเหลือจากท่านเซียนและหลุดพ้นจากการถูกไล่ล่าจริงๆ
หลังจากแทงไปนานกว่าชั่วยาม ในที่สุดถังซืออวิ๋นก็ได้ระบายความเกลียดชังและความแค้นเสร็จสิ้น
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าแก้แค้นให้พวกท่านแล้ว!”
นางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาแดงก่ำแต่ปากยิ้ม
ดูเหมือนว่าทั้งร่างของนางจะมีการเปลี่ยนแปลง ความไร้เดียงสาและความเมตตาในอดีตถูกชะล้างออกจนสิ้น
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของถังซืออวิ๋น ซูอันก็ยิ้มเช่นกัน
ถังซืออวิ๋นที่เป็นเช่นนี้คือสิ่งที่เขาต้องการ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจงใจเลื่อนการมาถึงออกไปสองสามวัน
ตามเส้นเรื่องเดิมคือบทบาทนี้ควรเป็นของเยี่ยเสวียน เพราะหลังจากที่ตระกูลถังถูกทำลาย ถังซืออวิ๋นถูกตามล่า แต่เยี่ยเสวียนปรากฏตัวทันเวลาและช่วยชีวิตนางไว้
แม้ว่าถังซืออวิ๋นจะประสบกับความหายนะทางครอบครัวก็ตาม แต่นางยังคงมีจิตใจเมตตาและเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น
ทว่าตอนนี้เยี่ยเสวียนได้รับการจัดการโดยซูอันและเขายังคงหลบหนีการไล่ล่า ยิ่งไปกว่านั้นเขาถูกกดดันโดยพวกหมายเลขห้าจนหลบหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามกับอำเภอเหมียนหยาง เขาจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องทางนี้
จากนั้นซูอันสั่งให้คนของหน่วยบุปผามรณะแอบคุ้มครองถังซืออวิ๋น ในเวลาเดียวกันก็สร้างความบังเอิญทุกรูปแบบจนนางหนีไม่พ้น
ทำให้นางตกอยู่ในสภาพที่เหมือนจะถูกจับได้ แต่ความจริงแล้วไม่มีทางจับนางได้
ในช่วงเวลานี้ทั่วทั้งอำเภอเหมียนหยาง แม้แต่ผู้ที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากถังซืออวิ๋นนั้นไม่มีใครกล้ารุกรานสำนักเจิ้งชี่ และยังมีหมาป่าตาขาวอีกหลายตัวคอยรายงานความเคลื่อนไหวของนางต่อสำนักเจิ้งชี่ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอำเภอเหมียนหยางด้วย
ถังซืออวิ๋นถูกรายล้อมด้วยอันตรายหลายครั้ง ต้องเผชิญอันตรายนานัปการ
แน่นอนว่านางไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ เพราะหน่วยบุปผามรณะคอยปกป้องนางไว้อย่างดี