Chapter 19 แก้ไขปัญหาทะเบียนบ้าน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจี้หยวนหยวนจะพูดออกไปตอนนี้ หลี่ซูก็คงจะไม่เชื่อเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกในครอบครัวของหลี่ซู่ทั้งหมดยังอยู่ในเมือง S มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะไปที่เมือง B
จี้หยวนหยวนถอนหายใจ มันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้มันค่อยๆเป็นไป
ไม่กี่วันต่อมา ทุกอย่างก็เข้าสู่ความสงบ
จี้เจียนกั๋ว ไม่ได้มาเล่นแง่อะไรอีกต่อไปแล้ว หลี่ซู่มักจะออกไปช่วยคุณตาคุณยายทำงานในทุ่งนาเมื่อเธอมีเวลาว่าง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา หลี่โหย่งก็กลับมา
ในช่วงที่ผ่านมา เขาไปดูบ้านมาสองสามหลัง และวันนี้เขาวางแผนที่จะพาหลี่ซู่กับเด็กๆไปที่นั่น
หลี่โหย่ง มีจักรยานคันหนึ่ง หลี่ซู่จึงไปยืมอีกคันจากเพื่อนบ้าน ทั้งสองคนพาเด็กน้อยทั้งสามไปที่เมือง
ที่อยู่อาศัยที่หลี่โหย่งไปดูมานั้นดีทั้งหมด ทุกหลังล้วนอยู่ในเขตการศึกษาใกล้โรงเรียน อีกทั้งการคมนาคมและการใช้ชีวิตก็ดูจะสะดวกสบายมากขึ้น หลี่โหย่งพาพวกเขาเข้ามาดูทีละหลัง
ราคาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้โดยพื้นฐานแล้วอยู่ระหว่าง 500 ถึง 600 หยวนต่อตารางเมตร
พวกเขามองไปที่ที่อยู่อาศัยขนาดประมาณ 90 ตารางเมตร ในยุคนี้แนวคิดเรื่องพื้นที่สาธารณะยังไม่แพร่หลาย จำนวนตารางเมตรคือจำนวนตารางเมตรที่แท้จริง
ที่อยู่อาศัยขนาด 90 ตารางเมตรก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาทั้งสี่คน
มันมีทั้งหมด 3 ห้องนอน แม้ว่าแต่ละห้องจะดูเล็กไปหน่อย แต่ก็เพียงพอแล้ว
“นี่คือที่สุดท้ายแล้ว ฉันสำรวจบริเวณรอบๆนี้มากว่าหนึ่งสัปดาห์จึงได้รู้ว่าย่านนี้อยู่ไม่ไกลจากมณฑลนับว่าไม่เลวเลย พวกมันอยู่ใกล้กับโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น พวกเขาสามารถไปโรงเรียนเองได้ เมื่อถึงเวลานั้น ฉันก็จะหางานให้คุณเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร คุณสามารถมีรายได้สองถึงสามร้อยต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว” หลี่โหย่งกล่าว เขาคิดถึงเรื่องในวันข้างหน้ามาก
หลี่ซู่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างและมองดูทิวทัศน์ที่คึกคักด้านนอก ครู่หนึ่งเธอก็ชะงักไปเล็กน้อย
การหย่าร้างนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วใช่มั้ย ?
ตราบใดที่พวกเขาซื้อที่อยู่อาศัย พวกเขาก็จะสามารถตั้งถิ่นฐานในเมืองได้
และถ้าพวกเขาไม่ได้หย่ากัน พวกเขาทั้งสี่คนก็จะยังคงอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้น
“ที่นี่ค่ะ แม่” จู่ๆ จี้หยวนหยวนก็พูดขึ้น “หนูชอบที่นี่”
เธอจำได้ไม่ค่อยชัดว่าศูนย์กลางของทั้งมณฑลได้ขยับมาทางด้านนี้ ราคาที่อยู่อาศัยที่นี่จึงสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทั้งมณฑล และที่สำคัญที่สุด เธอกำลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง
ที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับตลาดผักที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลมาก เธอสามารถใช้พื้นที่ในมิติพิเศษของเธอสำหรับปลูกผักแล้วปล่อยให้หลี่ซูนำมันไปขายได้
ในพื้นที่นั้นไม่จำเป็นต้องรดน้ำหรือใส่ปุ๋ย เธอเพียงแค่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์และเก็บเกี่ยวเอาไปขายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่ต้องกังวลว่าผักจะเน่าเสียเลย
ไม่มีค่าใช้จ่ายแม้แต่การดูแลหรือค่าความเสียหาย พวกเราจะจ่ายเพียงแค่ค่าธรรมเนียมแผงขายของเท่านั้น การทำธุรกรรมครั้งนี้มันคุ้มค่า
เมื่อเห็นว่าลูกของเธอชอบที่นี่ หลี่ซู่จึงพูดโดยไม่ลังเลใด ๆ “ตกลง ฉันเลือกที่นี่นะ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย ดังนั้นฉันยังอยากให้คุณช่วยฉันดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป”
จริงๆแล้วมีขั้นตอนน้อยมากในการซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเงินเต็มจำนวน หลี่โหย่งใช้เวลาเพียงวันเดียวในการชำระหนี้
98 ตารางเมตร 500 หยวนต่อตารางเมตร หลี่โหย่ง ใช้คอนเนคชั่นบางอย่างจึงได้ราคาถูกลง 100 หยวนต่อตารางเมตร เมื่อบวกค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ดต่างๆ เงิน 50,000 หยวนที่ตระกูลฉินมอบให้ก็เพียงพอแล้ว
ผนังและพื้นยังสภาพดีอยู่ พวกเขาเพียงแค่ต้องติดตั้งโถส้วมและอ่างล้างหน้า และซื้อเฟอร์นิเจอร์บางส่วนเท่านั้น เพียงเท่านี้พวกเขาก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้ทันที
เงิน 5,000 หยวนที่ จี้เจียนกั๋ว มอบให้นั้นมีประโยชน์มาก
หลี่โหย่งและพี่ๆน้องๆของเขาอยู่รอบๆ ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยภายในสามวัน
เมื่อพบว่ามีอากาศแจ่มใส หลี่โหย่ง จึงพาพี่ๆน้องๆของเขา มาช่วยพี่สาวและลูกๆของเธอย้ายข้าวของออกไป
หลังจากย้ายออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว หลี่ซู่ก็รู้สึกโล่งใจ
นั่นคือบ้านสำหรับใช้เป็นเรือนหอของหลี่เล่ย ไว้ให้พวกเขาได้อยู่อาศัย แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ บ้านหลังนี้ดูเรียบง่าย ไม่มีของใช้มากนัก แต่นี่ก็คือบ้านในอนาคตของพวกเขา
พวกเขาทั้งสี่คนย้ายออกไปยังที่อยู่ใหม่ที่แสนเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
ที่แห่งนี้มีห้องนอนสามห้อง ทุกห้องหันหน้าไปทางทิศใต้
ห้องนอนใหญ่ที่สุดห้องหนึ่งถูกมอบให้กับเด็กชายสองคน
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งคู่ต้องอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าได้ห้องนอนที่ใหญ่
ส่วนที่เหลืออีกสองห้อง ห้องกลางมอบให้จี้หยวนหยวน และห้องถัดไปมอบให้หลี่ซู
หลี่โหย่งเป็นคนมีน้ำใจมาก เขาจัดเตรียมให้แม้แต่พวกหม้อและกระทะ
หลังจากที่ย้ายออกมาแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องทะเบียนบ้านของหลี่ซูและลูกทั้งสองคน
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องง่าย หลังจากที่ จี้เจียนกั๋วและหลี่ซู่แต่งงานกัน ทะเบียนบ้านของหลี่ซู่ยังไม่ย้ายออก แต่ยังคงอยู่ที่บ้านแม่ของเธอ
จี้หยวนหยวนเกิดโดยไม่ได้วางแผนครอบครัวและไม่เคยลงทะเบียนเลย ;ในยุคนี้การวางแผนครอบครัวเป็นเรื่องเข้มงวดเร่งด่วนมาก หากพบว่ามีการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ จี้เจียนกั๋วก็จะตกงาน
ดังนั้นสมุดทะเบียนบ้านของ จี้เจียนกั๋ว จึงมีเพียงเขาและลูกชายสองคนเท่านั้น ตอนนี้ ตราบใดที่ จี้เจียนกั๋ว ตกลง ทะเบียนบ้านของลูกชายทั้งสองก็สามารถโอนย้ายได้ทันที
หลี่โหย่งพาหลี่ซู่ตรงไปที่หน่วยของ จี้เจียนกั๋ว เขาไม่ได้ทำให้จี้เจียนกั๋วหวาดกลัวมากนัก หลังจากที่เขาบอกถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนแล้ว จี้เจียงกั๋วก็ตอบตกลงทันที
ทะเบียนบ้านของลูกทั้งสองคนโอนออกไปเร็วมาก ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสุข
หลี่ซู่มีความสุขที่จะไม่เหลือความสัมพันธ์ใด ๆกับแม่สามีและจี้เจียนกั๋ว เจ้าคนทุเรศคนนี้อีกต่อไป
สิ่งที่ทำให้ จี้เจียนกั๋ว มีความสุขก็คือ การที่ทะเบียนบ้านของเจ้าสองวายร้ายย้ายออกไปจากบ้านเขาแล้ว ถ้าอย่างนั้น หลี่ซู่ก็จะไม่มีข้ออ้างใดใดที่จะขอค่าเล่าเรียนจากเขาในอนาคตใช่ไหม
นอกจากนี้ยังมี เสิ่นเหมย เธอไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขามานานแล้วเพราะเรื่องลูกสองคน
ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังไปได้ดีแล้ว พวกเขาก็แค่ลูกชายสองคน เมื่อใดก็ตามที่เขาและเสิ่นเหมย แต่งงานกัน ไม่ใช่ว่าพวกเราจะมีลูกด้วยกันไม่ได้สักหน่อย
ดังนั้นการพบกันในครั้งนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น ยินดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เมื่อมองดูท่าทางกระดิกหางของจี้เจียนกั๋วแล้ว หลี่โหย่งก็สาปส่งคนงี่เง่าผู้นี้ในใจ
หลังจากโอนทะเบียนบ้านแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของฉินเสี่ยวหมิ่น เด็กทั้งสามก็เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาได้สำเร็จ
ใช่แล้ว จี้หยวนหยวนก็อายุได้หกขวบเช่นกันในปีนี้ และกำลังจะเข้าโรงเรียนประถม
เนื่องจากปัญหาทะเบียนบ้าน จี้หยวนหยวนไม่ได้เข้าเรียนระดับชั้นอนุบาล เธอต้องตรงเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หลี่ซู่จึงรู้สึกกังวลว่าเธอจะไม่คุ้นเคยกับการไปเรียน ดังนั้นคืนก่อนที่จะต้องไปโรงเรียน เธอจึงพร่ำสอนให้ลูกเธอเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง อีกทั้งยังสอนพินอินและตัวอักษรภาษาอังกฤษสองสามตัวให้เธออีกด้วย
จากนั้น เธอก็พบความประหลาดใจ นี่หยวนหยวนของเราเป็นอัจฉริยะหรือเปล่า? เธอไม่เคยไปโรงเรียนด้วยซ้ำ แต่จริงๆแล้วเธอรู้พินอินและตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งหมด
จี้หยวนหยวนฝืนยิ้มแข็งๆ โดยคิดในใจว่า มันง่ายซะยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก
แม้ว่าการเรียนในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอจะไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็ยังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่เหมาะกับเธอ
เดิมทีเธอไม่ต้องการเปิดเผย 'พรสวรรค์' ของเธอเร็วนัก แต่เธอไม่มีทางเลือกเนื่องจาก หลี่ซู่จู้จี้จุกจิกกับเธอเกินไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลี่ซู่ค้นพบ'พรสวรรค์' ของจี้หยวนหยวน เธอก็ค่อนข้างไม่พอใจและเริ่มสอนคำศัพท์ง่ายๆ
จี้หยวนหยวนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอตัดสินใจบอกความลับที่น่าตกตะลึงแก่หลี่ซู่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
เธอลุกขึ้นจากเตียงแล้วล็อคประตู หลี่ซู่จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ เธอจับมือของ หลี่ซู่แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "แม่คะ ได้โปรดหลับตาลงและไม่ต้องคิดอะไรเลยนะคะ"
แม้ว่า หลี่ซู่จะไม่รู้ว่า จี้หยวนหยวนกำลังทำอะไรอยู่ แต่เธอก็ยังคงหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง และทำจิตใจให้ปลอดโปร่งจากความคิดที่กวนใจทั้งหมด
ในชั่วพริบตา อุณหภูมิโดยรอบก็สูงขึ้น และบรรยากาศก็เงียบสงบ เสียงเล่นต่อสู้กันของจี้ซีซวนและจี้ซีอังก็ไม่ได้ยินอีกต่อไป
หลี่ซูตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเธอนึกถึงคำพูดของจี้หยวนหยวน เธอไม่กล้าลืมตาขึ้น เธอกลับถามว่า “หยวนหยวน ลูกกำลังทำอะไรอยู่”
จากนั้นจี้หยวนหยวนจึงพูดว่า “แม่คะ ลืมตาขึ้นสิ”
เมื่อ หลี่ซู่ลืมตาขึ้น เธอก็ช็อคกับทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที
“นี่ เราอยู่ที่ไหน? ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” หลี่ซูถามอย่างตื่นตระหนกขณะที่เธอกอดจี้หยวนหยวนแน่น
จี้หยวนหยวนยื่นมือเล็ก ๆ ออกมาลูบที่หลังหลี่ซูเบาๆ เพื่อลดความตื่นตระหนกของเธอ “แม่คะ นี่คืออาณาเขตของหนู”