ตอนที่แล้วระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 212 3 ขุมอำนาจการเงินใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 214 มดปลวก

ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 213 ชี้แนะหลัวฮ่วย


ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 213 ชี้แนะหลัวฮ่วย

เมื่อเวลาผ่านไป

กะพริบตาเดียว ก็ล่วงเลยผ่านไปอีกหนึ่งวัน

ในตอนนี้ ท้องฟ้ามีแสงจางลงเป็นสีเทาไพล สิ่งต่าง ๆ โดยรอบช่างดูเย็นเยือกอยู่บ้าง

ที่อาณาเขตตระกูลหลัว

ในลานที่มีกลิ่นอายโบราณแห่งหนึ่ง

หลัวจิ่วเกอ ผู้เป็นบรรพบุรุษตระกูลหลัวกำลังกุมกระบี่ยาวเปื้อนสนิมคราบเขรอะอยู่ในมือ แกว่งไปมาอย่างเชื่องช้าในพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง

กระบี่ที่ดูดุจเศษขยะไร้ค่า

เมื่อแกว่งไปมาดูดุจธรรมดาสามัญ ตัวเขาก็ไม่สามารถทำให้รัศมีอำนาจใด ๆ เปล่งออกมาได้

ทว่าหากมีใครอยู่ที่นี่ ก็จะสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า กระบี่ยาวที่ดูธรรมดาสามัญ ไร้พลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้

กลับสามารถฝากความหวาดกลัวที่ลึกล้ำลงไปในหัวใจของผู้คนได้

หลบหลีกหรือ?

คงทำได้เป็นแน่

ทว่าหากมีใครสักคน แม้จะบรรลุขอบเขตเทพแล้ว ก็ตาม แม้จะควบแน่นแก่นเทวะแท้จริง ฐานพลังยุทธ์บรรลุขอบเขตเทพชั้นต่ำแล้วก็ตาม

เกรงว่า ก็คงหลบเลี่ยงได้ยากเป็นแน่

เช่นเดียวกันหากต้องการขัดขวาง เมื่อกระบี่ยาวพุ่งตรงมา ก็ต้องทำให้ผู้คนได้สัมผัสถึงรัศมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

และยังมี กลิ่นอายความตายที่ช่างทำให้คนหายใจไม่ออก

เมื่อเวลาผ่านไป

ประมาณครึ่งชั่วโมง

หลัวจิ่วเกอจึงค่อย ๆ หยุดลงอย่างเชื่องช้า นำกระบี่ยาวเปื้อนสนิมคราบเขรอะคืนกลับไป

นั่งลงใต้ซุ้มหิน

ใช้สายตามองไปยังหลัวฮ่วยที่ยืนอยู่ข้างกาย สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง เอ่ยคำเบา ๆ ว่า

"สัมผัสได้หรือไม่?"

"ได้อะไรบ้างหรือไม่?"

เมื่อได้ยินดังนั้น

หลัวฮ่วย ถอนหายใจเข้าลึก รวบรวมถ้อยคำ จึงค่อย ๆ กล่าวขึ้น

"ท่านบรรพบุรุษ"

"ข้าเคยคิดไว้ก่อนว่า การออกไปประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังไม่สามารถบรรลุความสูงส่งเช่นท่านได้ชั่วคราว"

"แต่การไล่ตามความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับวิถีกระบี่ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร"

"ทว่าบัดนี้ ข้ากลับพบว่าโดยกะทันหัน"

"วิสัยทัศน์ของข้าคงยังต่ำไป วิถีกระบี่คงจะไม่ง่ายดายเหมือนที่ข้าเคยจินตนาการไว้ ..."

หลัวฮ่วย ก้มหน้าต่ำลงเล็กน้อย

เสียงของเขาฟังดูอับจนหนทางอยู่มาก

เดิมทีเขาคิดว่า การออกไปประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมา

เมื่อเพิ่มฐานพลังยุทธ์มาถึงขอบเขตอมตะ 9 สวรรค์ ความเข้าใจในวิถีกระบี่ได้มาถึงระดับที่ค่อนข้างดีแล้ว

เขาคิดว่า ตนเองคงมีคุณสมบัติที่จะเงยหน้าขึ้น มองชายผ้าคลุมหลังของท่านบรรพบุรุษได้

เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า ...

ท้ายที่สุด สิ่งที่เขาคิดไว้ก็เรียบง่ายเกินไป

วิถีกระบี่ จะมีความง่ายดายเหมือนที่เขาจินตนาการไว้ได้อย่างไร

เขาคิดว่าตนเองบรรลุถึงขอบเขตกลางภูเขาของวิถีกระบี่แล้ว เพียงแค่พยายามอีกเล็กน้อยก็จะสามารถไต่ระดับถึงยอดเขาได้ เทียบชั้นกับบรรพบุรุษของตนได้

ทว่าตอนนี้เขาถึงได้พบว่า

แท้จริงแล้ว ตนเองก็ยังไปไม่ถึงกึ่งกลางภูเขา

ณ เวลานี้ เขาเป็นเพียงนักเรียนผู้หลงใหลในตนเอง และโอหังเท่านั้น

"ท่านบรรพบุรุษ"

"ข้ารู้แล้ว"

"ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่หยุดเพิ่มพูนความเข้าใจต่อวิถีกระบี่"

"และข้าจะไม่หยุดเพิ่มพูนฐานพลังยุทธ์ของตนเองเช่นกัน"

ก้มศีรษะลงต่ำกว่าเดิมอีกครั้ง

จากนั้นหลัวฮ่วยก็ผละจากไป ค่อย ๆ หายลับไปจากลานแห่งนี้

ส่วนหลัวจิ่วเกอ?

ในฐานะบรรพบุรุษผู้ปกป้องตระกูลหลัว ผู้มีพลังลึกลับเหลือคณานับ

เขากำลังหรี่ตามองหลัวฮ่วยที่ค่อย ๆ ลับสายตาไปอย่างเงียบงัน

จับจ้องมองอยู่อย่างนั้น

"เฮ้อ ดูเหมือนว่าเจ้าหนูนี่ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาแล้ว"

"วิถีกระบี่ ..."

"จะให้เจ้าบรรลุถึงยอดเขาได้โดยง่ายดายได้อย่างไรกัน?"

"แม้กระทั่งข้าเอง บนเส้นทางวิถีกระบี่ ก็อาจจะเป็นได้เพียงผู้เล่าเรียนที่มีพลังอยู่บ้างเท่านั้น!"

เอ่ยพึมพำแล้ว

หลัวจิ่วเกอก็ส่ายหัว หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจกับหลัวฮ่วยอีก

กลับหันสายตากลับมา

มองไปยังชากระจ่างเต๋ารากเซียนที่กำลังลอยค้างอยู่เหนือหินและจ่อควันโขมงอยู่บนโต๊ะหิน

[ปุ๊ด ๆ]

[ปุ๊ด ปุ๊ด ...]

เสียงชาดือดดังขึ้น

กลิ่นหอมของใบชาลอยกระจายไปทั่ว

"หืม?"

"ชงเสร็จแล้ว?"

มองดูชากระจ่างเต๋าที่ยังคงเดือดอยู่ตรงหน้า

หลัวจิ่วเกอโบกมือ

ดับ[เปลวไฟอสูรกระดูกขาว]ที่ลุกโชติช่วงอยู่ใต้ชากระจ่างเต๋าให้มอดดับไป

พร้อมกันนั้นก็ล้วงเอาถ้วยชาไม้ออกมา

รินชากระจ่างเต๋าให้ตนเองหนึ่งถ้วย

ยกขึ้นจรดริมฝีปาก จิบอึกหนึ่งอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็หลับตาลงสัมผัสสายลมแผ่วเบาที่โชยมา

อืม!

ความรู้สึกนี้ ช่างสบายตัวเสียเหลือเกิน

เพียงแต่ ...

แคว้นพุทธในมณฑลซุยอวิ๋น ยังคงต้องการให้เขาจัดการเสียหน่อย

ส่วนเผ่ามนุษย์เงือกที่พื้นทะเลลึกนั่น?

เมื่อหลัวจิ่วเกอสังหารกองทัพมนุษย์เงือกนับหมื่นล้านไปแล้ว พวกมันก็คงจะไม่ยอมจบง่าย ๆ เป็นแน่

“ดูท่าจะมีความรู้สึกที่ว่าล้อมรอบไปด้วยศัตรูทุกทิศทุกทางเสียแล้วสิ”

หลัวจิ่วเกอหัวร่อยิ้ม

จากนั้นก็นั่งแช่อยู่ในความเงียบสงบแห่งชั่วขณะนั้น

รับรู้ถึงกระแสเวลาที่ไหลผ่าน

รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของฟ้าดิน ตลอดจนการกำเนิดและดับสูญของชีวิต

จิตใจ

พละกำลัง ...

ทั้งสองส่วนนี้ ก็เริ่มเพิ่มพูนอย่างรวดเร็วในชั่วขณะนี้

เมื่อเวลาผ่านพ้นไป

พริบตาเดียว เวลาอีกสามวันก็ล่วงเลยไป

ในช่วงเวลาสามวันนี้ มณฑลตงหวงตระกูลหลัวได้เรียกระดมผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนจากเมืองขนาดใหญ่พิเศษกว่าพันเมือง จัดตั้งเป็นกองทัพผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนนับหมื่นล้าน

เตรียมเรือเหาะขนาดใหญ่ระดับอาวุธเซียนขั้นสูงสุดนับแสนลำ

ตลอดจน ทรัพยากรอันมหาศาลทุกประเภท

ส่วนปืนใหญ่ถล่มฟ้านั่น?

เนื่องจากมีจำนวนที่หายากยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นการใช้งานก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไรนัก

ดังนั้นจึงไม่ได้นำติดตัวไปด้วย

ด้วยเช่นนี้ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เหล่าเรือเหาะขนาดใหญ่ระดับอาวุธเซียนขั้นสูงสุดของมณฑลตงหวงตระกูลหลัวนับแสนลำ รวมทั้งกองทัพผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนนับหมื่นล้านนาย จึงพากันมุ่งหน้าไปยังมณฑลซุยอวิ๋นที่อยู่ติดกัน

ดูราวกับบดบังแสงตะวันจนมืดมิดไปหมด ค่อย ๆ กดดันเข้าไปช้า ๆ

ที่อาณาเขตตระกูลหลัว ภายในห้องที่ดูโล่งกว้างอยู่บ้างนั้น

หลัวเหริน ผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบัน

ในขณะนี้ กำลังนั่งสงบนิ่งอยู่บนตำแหน่งประมุข สีหน้าเรียบนิ่งยิ่งนัก

"ท่านจ้าวตระกูล กองทัพผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนนับหมื่นล้านได้ออกเดินทางแล้ว โดยมุ่งหน้าไปยังมณฑลซุยอวิ๋น"

ภายในห้อง สมาชิกตระกูลหลัวผู้มีชุดคลุมสีดำพลิ้วไหว

ฐานพลังยุทธ์บรรลุขอบเขตอมตะระดับปลาย

กำลังก้มหน้าลงเล็กน้อย รายงานสถานการณ์

"กองทัพผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนนับหมื่นล้าน ได้ออกเดินทางแล้วเช่นนั้นหรือ?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว

หลัวเหรินก็ก้มศีรษะลงต่ำเล็กน้อย จมอยู่ในความครุ่นคิด

จนกระทั่งสมาชิกตระกูลหลัวที่สวมชุดคลุมสีดำผู้นั้นหายไปจากห้องนี้

หลัวเหริน ผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบัน

จึงค่อย ๆ ยกศีรษะขึ้นอย่างเชื่องช้า

มองไปทางมณฑลซุยอวิ๋น แววตาวาบวับไปด้วยความเย็นชา

"แคว้นพุทธ ..."

"ก่อนหน้านี้พันปี ตระกูลเราอดทนอดกลั้น แต่พวกเจ้ากลับได้ใจ"

"ในตอนนี้ กองทัพผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนนับหมื่นล้านของตระกูลเราได้เคลื่อนพล"

"หลังจากนี้ พวกเจ้าจะทำอย่างไรดีละ?"

เมื่อคิดได้เช่นนี้

ใบหน้าของหลัวเหรินจึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา

หากท่านบรรพบุรุษของตระกูลไม่อยู่ที่นี่

เขาอาจจะไม่กล้ามั่นใจว่าจะสามารถปราบแคว้นพุทธที่ยึดครองมณฑลซุยอวิ๋นได้

แต่หากว่า ท่านบรรพบุรุษลงมือด้วยแล้วไซร้

ดังนั้น พวกเขาที่อ้างตัวว่าเป็นพุทธศาสนานั่น

ก็คงจะไม่อาจต้านทานไหว!

ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใด เป็นเพราะเขามั่นใจในพลังของท่านบรรพบุรุษล้วน ๆ เลยทีเดียว

ท้ายที่สุดแล้ว ที่ตระกูลหลัวสามารถก้าวเดินมาถึงจุดนี้ได้ทีละก้าว ๆ

และควบคุมมณฑลตงหวงไว้ในมือของตระกูลหลัวได้

ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพราะว่าตระกูลหลัวมีบรรพบุรุษที่มีพลังลึกลับยากจะหยั่งถึง จนทำให้ขุมกำลังต่าง ๆ บนทวีปซวนหยวนไม่กล้าลงมือ อยู่คุ้มครองนั่นเอง

ที่อาณาเขตตระกูลหลัว

ในลานที่มีกลิ่นอายโบราณแห่งหนึ่ง

หลัวจิ่วเกอ ผู้เป็นบรรพบุรุษตระกูลหลัว กำลังนั่งสงบนิ่งอยู่ใต้ซุ้มหิน

ตรงหน้าของเขานั้น มีน้ำชาหนึ่งกาที่ชงไว้อย่างดีแล้ว

ในมือของเขานั้น ก็กำลังกุมถ้วยชาไม้อยู่

ดื่มด่ำกับสายลมที่โชยกระทบใบหน้า แล้วจิบน้ำชากระจ่างเต๋าเป็นครั้งคราว ความรู้สึกเช่นนี้ต้องบอกว่าช่างสุดยอดยิ่งนัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด