บทที่ 27 ทําลายผลงาน
ลมหนาวส่งเสียงซ่า ร่างที่เหมือนวิญญาณยังคงนิ่งอยู่ตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม หลี่เยว่กลับเผชิญหน้าร่างนี้อย่างไม่หวั่นกลัว บางที ไม่ว่าจะเป็นความตายหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ ก็ไม่อาจเทียบได้กับความทรมานจากคำถามในใจของเขา
ในที่สุดร่างผีของซือถูเหยียนก็พูดด้วยน้ำเสียงสงบ
"ข้ามิได้เกลียดเจ้า และไม่สามารถฆ่าเจ้าได้" เสียงของเธอเย็นชาเหมือนสายลมจากโลกบาดาล
"ข้า..." หลี่เยว่จ้องมองเธอและพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นซือถูเหยียนก็ตะโกนอย่างเร่งรีบว่า "เจ้าต้องไป"
"ไปหรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า" หลี่เยว่ตกใจและดูเหมือนนิ่งไปและยังคงนั่งอยู่บนพื้นฃไม่หลบหนี
"อ๊า!" ซือถูเหยียนกรีดร้อง สายลมแปลกๆ พัดกระหน่ำอยู่โดยรอบพวก บรรยากาศหนาวสั่นราวกับอยู่มนโลกหลังความตาย
ดวงตาของเธอค่อยๆ เปล่งประกายสีแดงสด
อย่างไรก็ตาม เธอดิ้นรนและพูดว่า "ไม่..."
เธอเงยหน้าขึ้นและตะโกนใส่หลี่เยว่อีกครั้ง "เจ้าต้องไป!"
จนกระทั่งตอนนี้ หลี่เยว่จึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบลุกขึ้นวิ่งอย่างโซซัดโซเซ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขากำลังจะจากไปผมสีดําของซือถูเหยียนก็สยายออกและเผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดและน่ากลัว
"หยุด!" เสียงของเธอเปลียนไปจากเดิม ไม่ว่าใครได้ยินพวกเขาจะรับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นภัยคุกคามเป็นแน่
ราวกับว่าทัศนคติของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เธอยกมือขึ้นและรีบวิ่งเข้าหาหลี่เยว่
ในเวลานี้ ซ่งชิงอี้ที่แอบสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ก็อยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป "ข้าจะจัดการเอง" เธอพูดกับชูเหลียง
เมื่อพูดจบ เงาของเธอก็สว่าง แสงสีเขียวส่องออกมาจากเถียฉี่หยก (อาวุธทรงคล้ายไม้บรรทัดขนาดเท่ากระบี่) ในมือของเธอ
สิ่งประดิษฐ์โบราณที่เก็บไว้ที่หอขุนนางนั้นได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในร้อยอันดับต้นๆ ของขุมทรัพย์แห่งโลกมนุษย์ มันมีชื่อว่า "เถียฉี่หยกวัดสายน้ำ" อาวุธของซ่งชิงอี้เป็นเถียฉี่หยกที่เลียนแบบมันซึ่งเรียกว่าเถียฉี่หยกวัดใจ
ในโลกของการฝึกฝนบ่มเพาะ มีการทำของเลียนแบบจํานวนมากและมักจะมีเพียงเจ้าของสมบัติดังกล่าวเท่านั้นที่สามารถสร้างมันออกมาได้ใกล้เคียงกับของจริง และเถียฉี่ที่สร้างจากของจริงที่หอขุนนางนั้นอยู่ในระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
เถียฉี่หยกวัดใจแผ่ปราณแห่งความยุติธรรมออกมา เธอพุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ซือถูเหยียนที่กําลังจะโจมตีหลี่เยว่ก็ถูกเถียฉี่กระแทกจนตั้งตัวไม่ทันและเกือบจะถูกฟันจากมัน
โชคดีที่ผีเป็นร่างที่ไม่มีตัวตน มันสามารถเคลื่อนที่ไปด้านข้างได้รวดเร็วและหลีกเลี่ยงการโจมตีได้ทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม เกมรุกของซ่งชิงอี้นั้นตามมาติดๆ เธอกวัดแกว่งเถียฉี่สีหยกของเธอไปข้างหน้า เสียงอู้อี้ดังขึ้น จากนั้นเธอก็ขว้างเถียฉี่ของเธอออกไปอย่างแรง
ฉั๊วะ
ร่างไร้ตัวตนของผีย้อมหนังถูกกระแทกอย่างแรง ร่างนั้นพ่นควันดําออกมาและตกลงบนพื้น
จากนั้นเถียฉี่ก็บินกลับไปที่ฝ่ามือของซ่งชิงอี้
ซ่งชิงอี้กําลังจะฉวยโอกาสนี้เพื่อจัดการ ทันใดนั้นร่างของมนุษย์ก็กระโดดเข้ามาขวางทางเธอ
หลี่เยว่ยื่นแขนออกมาขวางซ่งชิงอี้ เขาอ้อนวอนด้วยน้ําเสียงน่าสังเวชว่า "อาจารย์ซ่ง ข้าขอร้อง อย่าฆ่าซือถูเหยียน เธอไม่ใช่คนชั่ว เธอ..."
"หลี่เยว่" ซ่งชิงอี้อุทานอย่างรีบร้อน "ซือถูเหยียนตายไปแล้ว เธอเป็นผีแล้ว วิธีเดียวที่จะทําให้เธอเข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดได้คือต้องขับไล่วิญญาณของเธอไป ถ้าเราอนุญาตให้ทำเช่นนี้ต่อไป เธอจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกเลย"
"อะไรนะ" หลี่เยว่ฟังแล้วตัวสั่นไปทั้งตัว
ซ่งชิงอี้ไม่ได้โกหก นี่เป็นความเชื่อทั่วไปในผู้บ่มเพาะ และการขับไล่วิญญาณและส่งพวกเขาไปสู่การเวียนว่าตายเกิดเป็นการทําความดีที่ยิ่งใหญ่โดยไม่คํานึงถึงธรรมชาติของวิญญาณเหล่านั้น
ทว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ซือถูเหยียนที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มฟื้นคืนสติและส่งเสียงกรีดร้องอย่างหนัก เธอยกมือขึ้นและปล่อยพลังงานสีดําออกมาใส่พวกเขา
พลังงานสีดําพ่นออกมาและกลายเป็นหมอกสีดําที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่ง ปกคลุมทั้งริมทะเลสาบนี้ไปในทันที
"จะหนีงั้นหรือ" ซ่งชิงอี้กระโดดขึ้นสูงทันที เธอหลบหมอกดําที่ปกคลุมอยู่ เธอยกกระดาษสีทองขึ้นเหนือศีรษะเพื่อให้แน่ใจว่าแสงของมันยังคงปกคลุมด้านล่างเพื่อป้องกันไม่ให้ผีหนังในหมอกดําหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ไม่พบร่องรอยของเงามนุษย์ในหมอกดํา
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อลมพัดเข้ามาอย่างเงียบๆ หมอกดําริมทะเลสาบก็ค่อยๆ หายไปและซ่งชิงอี้ก็กลับมาสู่พื้นดินอีกครั้ง
ทุกสิ่งที่เธอเห็นต่อไปทําให้เธอประหลาดใจ
หลี่เยว่นั่งอยู่บนพื้นและสีหน้างงงวย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น..
..และ.. ข้าง เขา หลี่เยว่อีกคนหนึ่งก็ดูงุนงงและเหลือบมองไปรอบๆ
ในตอนนี้ ที่ริมทะเลสาบแห่งนี้มีลีเยว่ที่เหมือนกันทุกประการถึงสองคน
"กะ.. เกิดอะไรขึ้น" หลี่เยว่ทําหน้าตื่นตระหนก
หลี่เยว่อี้ก็มีสีหน้าหวาดกลัวเช่นกัน เขารีบเว้นระยะห่างทันที แล้วมองราวกับจะขอความช่วยเหลือไปที่ซ่งชิงอี้ "อาจารย์ซ่ง.."
เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่เยว่สองคนที่เหมือนกันทุกประการ ซ่งชิงอี้ก็ขมวดคิ้ว
ใครคือตัวจริง
"ข้าคือหลี่เยว่.." หลี่เยว่ทั้งสองประกาศตนในเวลาเดียวกัน
ซ่งชิงอี้ไม่รู้จะทําอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง
จังหวะนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ และชายหนุ่มรูปหล่อก็ค่อยๆ เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ชูเหลียงเดินเข้ามาอย่างมั่นใจ
เขาเข้าใกล้หลี่เยว่คนหนึ่งและพูดว่า "ข้ามีวิธียืนยันได้ หลี่เยว่ตัวปลอมไม่เคยเห็นข้า ผู้ใดที่สามารถพูดชื่อข้าได้อย่างถูกต้อง คนนั้นก็คือหลี่เยว่ตัวจริง"
"ท่านคือชูเหลียง" หลี่เยว่ที่อยู่ข้างๆ ชูเหลียงตอบทันที
หลี่เยว่อีกคนอึ้งไปพักหนึ่งและพูดอะไรไม่ออก
ในขณะนั้น ชูเหลียง ซ่งชิงอี้และหลี่เยว่เอต่างก็เบิกตากว้าง
ชูเหลียงลงมืออย่างกะทันหัน เขาโบกอิฐทองอย่างแม่นยําเข้าที่หัวของหลี่เยว่อย่างแรง
ผั้วะ!
ด้วยการโจมตีนี้ พลังงานสีดําแผ่ซ่านออกมาอย่างรวดเร็ว หลี่เยว่ที่ส้มลงจับหัวอย่างเจ็บปวดและกลายเป็นผีย้อมหนังทันที
ชูเหลียงไม่ให้โอกาสเขาได้ดิ้นรน มือซ้ายของเขาถืออิฐ บังคับให้หลี่ตัวปลอมเผยโฉมหน้าที่แท้จริง มือขวาของเขาใช้กระบี่สีทองเป็นประกาย ผ่ามันออกทันที
กร็อบ!
เมื่อกระบี่เจาะร่างของผีย้อมหนังหนัง รอยแตกก็เริ่มปรากฏบนร่างกายที่ไม่มีตัวตนของมัน
"ซือถูเหยียน.." หลี่เยว่ตัวจริงกล่าวเบาๆ
ผีย้อมหนังหันกลับมามองหลี่เยว่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งอิสรภาพ
ครืน..
ร่างของผีย้อมหนังแตกสลายกลายเป็นผุยและค่อยๆ จางหายไป
"ท่าน.." ซ่งชิงอี้งุนงงเล็กน้อย "ท่านรู้ได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่หลี่เยว่จริง เขาพูดชื่อท่านได้นะ"
"ข้าไม่รู้ ข้าเพียงคิดว่าผีนั่นอาจจะซุ่มอยู่ในสำนักทุกวันและอาจได้ยินชื่อข้า" ชูเหลียงตอบด้วยรอยยิ้ม "การถามคําถามเป็นเพียงวิธีเข้าใกล้กับเขาเพื่อการเคาะอิฐของข้าเท่านั้น ข้าเพียงแค่ลองทุบไปเสียคนหนึ่ง หากมิใช่คนนี้ก็ต้องเป็นอีกคน”
“..เช่นนั้นหรือ แต่ข้าก็ต้องขอขอบคุณท่านจริงๆ สำหรับเรื่องนี้” ซ่งชิงอี้กล่าว
ถ้าไม่ใช่เพราะชูเหลียงอยู่ที่นี่ ผีย้อมหนังจะสร้างปัญหาให้เธออย่างมากเป็นแน่
“เราทุกคนเป็นผู้ฝึกตนและเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง การกําจัดสิ่งชั่วร้ายเป็นหน้าที่ของเรา” ชูเหลียงกล่าวน้อมรับคำขอบคุณ
บอกตามตรงเขาต้องขอบคุณผีย้อมหนังที่สร้างความปั่นป่วนเล็กน้อยในตอนท้าย เพราะหากมันถูกซ่งชิงอี้จัดการไปโดยง่าย เขาก็จะไม่มีโอกาสเข้าไปแทรกแซง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในอาณาเขตของลัทธิขงจื๊อ
ผีย้อมหนังวาดให้โอกาสเขาอย่างมีเหตุผลในการออกมาจัดการด้วยตัวเอง ซ่งชิงอี้ถึงกับต้องขอบคุณเขาเสียด้วย นี่ถือว่าเป็นฉากจบที่ยอดเยี่ยม..
..หลี่เยว่มองสถานที่ที่ซือถูเหยียนหายไปอย่างว่างเปล่า เขาทําอะไรไม่ถูกเลย
ชูเหลียงได้เดินมาหาเขาแล้วพูดว่า “ถ้าอยากให้ถูกต้องจริงๆ ก็จงไปพบทหารยามเพื่อให้ข้อเท็จจริงเถิดว่าเป็นการฆ่าโดยไม่ตั้งใจ การพยายามจะจบชีวิตตัวเองลงมิได้ทำให้ผลที่ตามมาหายไป”
"ขอรับ.." หลี่เยว่พยักหน้าเล็กน้อย
ดวงตาของซ่งชิงอี้มีความเศร้าโศกเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับซือถูเหยียน ชีวิตของเธอช่างน่าสงสาร แต่เธอก็ทำผิดพลาดหลายอย่าง จนทำให้ซ่งชิงอี้ไม่รู้ว่าจะตัดสินเธออย่างไร..
ไม่นานนัก.. ทั้งบริเวณเงียบก็สงัดลง ทิ้งไว้เพียงผิวทะเลสาบที่เงียบสงบซึ่งถูกลมตอนคืนพัดย่นเป็นระลอก..
….
"บัดซบ!"
โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองหยานเจียวไม่ไกลจากสถานที่แห่งนี้ จู่ๆ ชายสวมเสื้อคลุมสีดําก็ทุบโต๊ะอย่างแรงจนเทียนสีดําไหม้ที่เคยอยู่บนโต๊ะกระจายไปทั่ว โคมไฟที่วางบนโต๊ะตกกระแทกพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง
ชายเสื้อคลุมดำกัดฟันแน่น
"ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมากในการขัดเกลาและสร้างผีย้อมหนังตัวนี้เพื่อรวบรวมวิญญาณมนุษย์ให้ข้า เพื่อที่ข้าจะได้ชนะในการรวบรวมวิญญาณครั้งต่อไป นี่เป็นโอกาสของข้าในการเลื่อนตำแหน่ง!"
"แต่เพียงไม่กี่วัน มันก็ถูกทำลายไปแล้วงั้นหรือ!”
"พวกมันเป็นใคร ใครกล้าทําลายผลงานของข้า!!"