บทที่ 212 กระบี่บัญชามังกร
“เพลงกระบี่สยบสวรรค์ เป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนโต้วทิ้งไว้” อูฉีกล่าว
“อย่างไรก็ตาม เพลงกระบี่สยบสวรรค์ จะสามารถสำแดงฤทธิ์เดชของมันได้แท้จริง ก็ต่อเมื่อมันได้ใช้ร่วมกับกระบี่สยบสวรรค์เท่านั้น”
“กระบี่สยบสวรรค์หรือ” หยางเสี่ยวเทียนพึมพำ
อูฉีพยักหน้า “กระบี่สยบสวรรค์ เป็นหนึ่งในกระบี่สวรรค์อันดับสิบเจ็ด ของบรรดากระบี่สวรรค์ที่แข็งแกร่งทั้งหมด”
“ตามตำนานเล่าขานกันว่า มันถูกสร้างขึ้นจากแร่เหล็กของดาวตก โดยวิญญาจารย์รุ่นบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งผู้หนึ่งในยุคโบราณ เขาเคยใช้กระบี่สยบสวรรค์ร่วมกับเคล็ดวิชากระบี่สยบสวรรค์ ดึงเอาพลังของดวงดาราจากสวรรค์ทั้งเก้ามาใช้โจมตี”
“ซึ่งความแข็งแกร่งของดวงดาราทรงพลังอย่างยิ่งยวด ครั้งนั้น มันแทบทำลายสำนักแห่งหนึ่งจวนเกือบสิ้นสลาย แต่น่าเสียดายที่สำนักเทียนโต้วสูญเสียกระบี่สยบสวรรค์ เหลือทิ้งไว้เพียงเคล็ดวิชาของมันมาจวบทุกวันนี้”
“อะไรนะ กระบี่สยบสวรรค์หายไปอย่างนั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนประหลาดใจ
ในโลกแห่งวิญญาจารย์นี้ มีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สิบเล่ม เช่นกระบี่ตงเทียนที่หยางเสี่ยวเทียนมีในครอบครอง
ซึ่งภายใต้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบเล่มนั้น บรรดากระบี่สวรรค์แข็งแกร่งเป็นรองจากเหล่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอยู่มาก
ถึงอย่างไร แม้กระบี่สวรรค์จะไม่ทรงพลังเท่ากับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ความแข็งแกร่งของมัน ก็ยังสามารถเทียบเคียงกับบรรดากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบเล่มได้อยู่ไม่น้อย
อีกทั้งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงแค่สิบเล่ม แต่กระบี่สวรรค์กลับมีมากกว่าร้อยเล่ม
กระบี่สวรรค์เหล่านี้ มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบเล่ม คือมันสามารถก่อให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ทั้งสิ้น แต่เมื่อใช้กระบี่ ไม่ว่าจะประสบภัยพิบัติจากสวรรค์ที่ผ่านไปได้ยากเพียงใด มันจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จจนรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ทั้งมวลได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางประการ พวกมันจึงมิอาจทรงพลังได้แก่กล้าเท่ากับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบเล่ม
เพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถแสวงหาได้ง่ายๆ กระบี่สวรรค์จึงกลายเป็นเป้าหมายที่เซียนกระบี่ผู้แข็งแกร่งหลายคน มุ่งมั่นตามหาให้ได้มาไว้ในครอบครอง ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงก่อให้เกิดการแก่งแย่งจนผู้คนรบราฆ่าฟันสิ้นกันไปอยู่มาก
“ใช่ มันหายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน” อูฉีกล่าว
ครั้นเขากำลังกล่าวถึงมันอีก ความน่าเวทนาจึงเริ่มปรากฏบนใบหน้าเขา “และเนื่องจากมันหายไป ความแข็งแกร่งของสำนักเทียนโต้วจึงได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งเจ้าสำนักเทียนโต้วยังคงสืบเสาะหามันอย่างลับๆ มาตลอดหลายปี จวบจนทุกวันนี้ กระบี่สยบสวรรค์ยังไร้วี่แวว”
“ยังดี ที่สำนักเทียนโต้วมีกระบี่สวรรค์อีกเล่ม ไม่เช่นนั้น คงถูกวิญญาจารย์จากสำนักอื่นรุกรานเพื่อยึดครองดินแดนไปแล้ว” อูฉีเอ่ยขึ้น หลังหยุดพักไปครู่
“มีกระบี่สวรรค์สองเล่ม ในสำนักเทียนโต้วงั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนอุทานด้วยประหลาดใจอีกครั้ง
อูฉีที่ประสบเห็นท่าทีใคร่สนใจจากหยางเสี่ยวเทียน เขาจึงพยักหน้าก่อนเริ่มเปิดปากเล่าขึ้นอีก “กระบี่สวรรค์อีกหนึ่งเล่มในสำนักเทียนโต้ว เรียกว่ากระบี่บัญชามังกร แข็งแกร่งเป็นอันดับที่เจ็ดสิบเอ็ด”
“อย่างไรก็ตาม กระบี่บัญชามังกรนี้มีวิญญาณมังกรปิดผนึกอยู่ในนั้น จึงไม่มีใครในสำนักเทียนโต้วสามารถสยบมัน ให้ยอมเป็นผู้บัญชามันได้ในตอนนี้” เขาเสริม
“ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์ฝ่ายในหลายคนของสำนักเทียนโต้ว ต่างฝึกฝนเคล็ดวิชาเกี่ยวกับปราณมังกรเพื่อให้ได้ครอบครองกระบี่บัญชามังกร แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาปราณมังกรให้สำเร็จ” อูฉีส่ายศีรษะ
หัวใจหยางเสี่ยวเทียนเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ครั้นได้ยินประโยคเหล่านั้นจากอูฉี
มีวิญญาณมังกรถูกผนึกอยู่งั้นหรือ!
ปราณมังกรแรกเริ่มของเขา เป็นทักษะขั้นสูงสุดจากเผ่ามังกรโบราณ ซึ่งเขาน่าจะสามารถกำราบวิญญาณมังกรในกระบี่นั้น ให้มันยอมสยบแก้เขาได้ใช่หรือไม่
วันต่อมา หยางเสี่ยวเทียนยังคงหลอมโอสถ ฝึกฝนเพลงกระบี่ และบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่ม ในบนเตียงหยกเย็นเช่นทุกวัน
ในทุกๆ เดือน หยางเสี่ยวเทียนจะกลืนโอสถวิญญาณเก้าหยางระดับนิรันดร์ เพื่อขัดเกลาเส้นลมปราณและปราณแท้ในตันเถียนให้พร้อมรับมือกับทักษะใหม่ๆ ที่เขาร่ำเรียนอยู่ทุกวัน
ซึ่งมันก็ทำให้ความแข็งแกร่งเขามั่นคง จนได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเพลงกระบี่ โดยเฉพาะเพลงกระบี่นับร้อยก็มีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
และปราณแท้มังกร ก็ยังได้รับการปรับแต่ง กระทั่งสองเดือนผ่านมา ปราณแท้มังกรเก้าสิบเก้าตัวก็ถูกปลุก ทำให้เขาได้ครอบครองพลังมังกรที่แท้จริงทั้งเก้าสิบเก้าตัว
หากเมื่อใด ที่เมล็ดพันธุ์มังกรในตันเถียนเขาตื่นขึ้นพันตัว เขาก็จะสามารถครอบครองร่างของมังกรได้อย่างแท้จริง
“กายแท้มังกร” หยางเสี่ยวเทียนพึมพำกับตนเอง
จากความก้าวหน้าในการบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่ม ณ ปัจจุบันของเขา เมื่อใดที่เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นบรรพจารย์ยุทธ์ เขาควรจะสามารถครอบครองกายแท้มังกรได้
ระหว่างที่หยางเสี่ยวเทียนกำลังฝึกเพลงกระบี่นับร้อยยังลานฝึกยุทธ์ วันนี้เอง เฉินฉางชิง เหอเล่อกับผู้อาวุโสจากตำหนักกระบี่ กระทั่งหลินหยงและเฉินหยวนต่างพร้อมใจกันออกมาพบเขายังจวน
“เจ้าตำหนักกระบี่ มีข่าวลือแพร่ไปทั่วอาณาจักร ว่าท่านจะเข้าร่วมการแข่งขันประลองฝีมือระดับสำนักของอาณาจักรเสินไห่อย่างนั้นหรือ” เฉินฉางชิงถามอย่างเป็นกังวล
เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน การแข่งขันระดับสำนักที่เมืองหลวงก็จะเริ่มจัดขึ้นแล้ว
ทำให้ข่าวที่ว่าหยางเสี่ยวเทียนจะเข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนัก แพร่กระจายกันอย่างเดือดพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนอดไม่ได้ ถึงกับรวมตัวกันตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อยืนยันว่าใช่เรื่องจริงหรือเท็จ
“ใช้ขอรับ ข้าจะเข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้” หยางเสี่ยวเทียนกล่าว เพราะไม่จำเป็นต้องโกหก
“ท่านเจ้าตำหนัก ท่านไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วงั้นหรือ” เหอเล่อลังเลอยู่ครู่ ก่อนเอ่ยถามขึ้น
“ในการเข้าร่วมแข่งขันระดับสำนัก โดยปกติแล้ว จะเป็นศิษย์ผู้มีความแข็งแกร่งอยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับเจ็ดขึ้นไป ยิ่งถ้าท่านต้องการติดหนึ่งในสิบอันดับแรก อย่างน้อย ท่านต้องอยู่ในขั้นราชันยุทธ์เลยนะ” เขากล่าวเสริม
“จะดีกว่าหรือไม่ หากท่านรอเข้าร่วมแข่งขันครั้งต่อไป”
เห็นได้ชัดว่าหลายคนยังคงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหยางเสี่ยวเทียน ด้วยคิดว่าเขายังไม่แข็งแกร่งมากพอรับมือกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ได้
หยางเสี่ยวเทียนส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่อยากรออีกสามปี มันนานเกินไป”
จากนั้นเขาจึงหันไปยิ้มกับเฉินฉางชิงและหลินหยง เพื่อกล่าวให้พวกเขาคลายพะวง “อย่ากังวลไปเลย ในการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดทำร้ายข้าได้”