บทที่ 211 เป็นข้าเองที่ไร้ความสามารถ
“เกิดอะไรขึ้น!” ครั้นหยางเสี่ยวเทียนเห็นอาการบาดเจ็บของหลัวชิง สีหน้าจากตื่นตระหนก ก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาด้วยบันดาลโทสะ
เป็นครั้งแรก ที่คนของเขากลับมาในสภาพถูกลอบทำร้ายจวนเจียนตายเช่นนี้
โดยเฉพาะหลัวชิง ที่ตันเถียนได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก ซึ่งหากเขามิได้สวมชุดเกราะ อาวุธวิญญาณขั้นมหาสมบัติ และสำคัญคือบ่มเพาะปราณจักรพรรดิพฤกษาเช่นทุกวันนี้ ตันเถียนคงพังทลายเหมือนเมื่อก่อน
และถึงตอนนี้จะไม่พัง แต่ตันเถียนก็ได้รับความเสียหายจนเขาปวดร้าวอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“คือสำนักถัวหลัว! เราถูกเหล่าวิญญาจารย์จากสำนักถัวหลัว ซุ่มโจมตีระหว่างเดินทางกลับ!” เลี่ยวคุนกล่าวขณะกัดฟันอย่างเจ็บแค้น
“แม้พวกมันทุกคนจะปกปิดใบหน้าไว้ แต่เรามั่นใจว่าต้องเป็นวิญญาจารย์จากสำนักถัวหลัว” จางจิงหรงกล่าวด้วยสีหน้าระทมทุกข์
แล้วนางกล่าวเสริมว่า “ไม่ได้มีเพียงเหล่าวิญญาจารย์จากสำนักถัวหลัวเท่านั้น แต่ครั้งนี้ ยังมีเหล่าวิญญาจารย์ของสำนักเทียนโต้วอีกด้วย”
สำนักเทียนโต้วร่วมมือกับวิญญาจารย์จากสำนักถัวหลัวงั้นรึ!
หลังได้ฟังการรายงานเช่นนั้น ใบหน้าหยางเสี่ยวเทียนก็มืดลงพร้อมนัยน์ตาทอประกายเย็นเยียบ มือของเขากระชับแน่นด้วยความโกรธแค้นใจ
ในสำนักเทียนโต้ว คงเป็นผู้ใดไปไม่ได้อีกแล้วนอกจาก…
“อีกฝ่ายเป็นเห่อชิงเจ๋อใช่หรือไม่” หยางเสี่ยวเทียนถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ที่เขาถามเช่นนั้นก็เพราะ ก่อนหน้าไม่นานมานี้ เห่อชิงเจ๋อศิษย์ฝ่ายในของสำนักเทียนโต้ว ก็ได้ส่งคนลอบทำร้ายหยางหลิงเอ๋อร์ เขาจึงมิอาจนึกถึงผู้ใดได้อีกนอกจากนามบุคคลนั่น
จางจิงหรงส่ายศีรษะพร้อมกล่าวว่า “พวกมันและวิญญาจารย์จากสำนักถัวหลัว ล้วนใส่ชุดคลุมดำปกปิดตัวตน ดังนั้นพวกเราจึงมิอาจทราบได้ว่าพวกมันเป็นใคร”
“แต่สิ่งที่ทำให้เรารับรู้ได้เป็นอย่างดีคือ หนึ่งในวิญญาจารย์เหล่านั้น มันใช้เพลงกระบี่สยบสวรรค์ ซึ่งเป็นทักษะกระบี่ระดับมหาจอมเวทย์”
เพลงกระบี่สยบสวรรค์ ที่เป็นหนึ่งในทักษะระดับมหาจอมเวทย์ประจำสำนักเทียนโต้วอย่างนั้นหรือ
“เพลงกระบี่สยบสวรรค์” หยางเสี่ยวเทียนทวนวาจาย้ำด้วยความประหลาดใจ
ทักษะระดับมหาจอมเวทย์เช่นเพลงกระบี่สยบสวรรค์นั้น ผู้ที่จะสามารถเรียนรู้เพลงกระบี่นี้ได้ต้องเป็นศิษย์ฝ่ายในของสำนักเทียนโต้วเท่านั้น จึงมิแปลก ที่พวกเขาจะมั่นใจได้ทันที ว่าผู้ที่ซุ่มซ้อนอยู่ใต้ผ้าปกปิดใบหน้าครานี้ ต้องเป็นศิษย์ฝ่ายในคนใดคนหนึ่งจากสำนักนั่น
“อย่างไรก็ตาม ครั้นเราพิจารณาจากความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้แล้ว ไม่ควรจะเป็นเหอชิงเจ๋อ” เลี่ยวคุนกล่าว
“เพราะคงประเมินความสามารถเราจากครั้งที่แล้ว คราวนี้ มันจึงส่งผู้ที่อยู่ในระดับหกหรือเจ็ดของขั้นบรรพจารย์ยุทธ์มาลอบทำร้ายเรา” เลี่ยวคุนเสริม
ในฐานะหนึ่งในสามอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์น่าตื่นตาสุดของสำนักเทียนโต้ว เห่อชิงเจ๋อไม่ได้มีเพียงความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่อำนาจที่อยู่เบื้องหลัง ยังมากความสามารถอย่างน่าทึ่งอีกด้วย
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้า นิ่งเงียบไม่กล่าวถามสิ่งใดเพิ่มเติมอีก
แต่ภายใต้ความนิ่งเงียบนั้น ทั้งสามจะล่วงรู้ไม่ ว่าในใจเขาคุกรุ่นไปด้วยความแค้นมากเพียงใด ไม่อาจจินตนาการได้แค่ไหน ยิ่งมีผู้มุ่งร้ายหมายคนของเขา ผลของพวกมันเหล่านั้นจะลงเอยอย่างไร
ยิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่าย เป็นศิษย์หลักฝ่ายในของสำนักเทียนโต้ว การแข่งขันประลองฝีมือระดับสำนักเขาคงต้องเอาจริงเอาจัง ปล่อยเป็นเรื่องคลายกังวลไม่ได้
หลังเข้าร่วมสำนักเทียนโต้วได้ การสืบหาตัวการหลักในภายภาคหน้าจึงไม่ใช่เรื่องยาก ว่าผู้ใดคือศิษย์ฝ่ายใน ที่รู้จักเพลงกระบี่สยบสวรรค์และมีความสัมพันธ์กับสำนักถัวหลัว
ถึงตอนนั้นเราคงได้รู้กัน ว่าผลของผู้ประสงค์ร้ายต่อครอบครัวเขาทุกคน จะประสบกับจุดหมายปลายทาง สาสมที่พวกมันคาดหวังไว้หรือไม่
“นายน้อย…” ในเวลานี้เอง เลี่ยวคุนก็เอ่ยขึ้นอย่างลังเล
“เป็นเพราะเราถูกซุ่มโจมตี ครึ่งหนึ่งของสมุนไพรที่นายน้อยต้องการให้เราซื้อ จึงถูกปล้นด้วยขอรับ” เลี่ยวคุนก้มหน้า น้อมรับข้อผิดพลาดของพวกตนในครานี้อย่างสุจริตใจ
เพราะครั้งนี้ หยางเสี่ยวเทียนมอบทองมากถึงหนึ่งล้านเหรียญ ให้พวกเขาซื้อสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถวิญญาณเก้าหยางกลับมา แต่ตอนนี้ มันถูกปล้นมากกว่าครึ่ง ทำให้หยางเสี่ยวเทียนต้องสูญเสียเงินไปเกือบครึ่งล้าน
เลี่ยวคุนพร้อมจางจิงหรง ต่างก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด ที่ครั้งนี้ทำงานไม่สำเร็จ อีกทั้งพวกเขายังโทษตนเองว่าเป็นเพราะความประมาท ย่ามใจเกินไปจนไม่ระมัดระวังทำเขาต้องสูญเสียเงินไปมากขนาดนั้น กระทั่งหลัวชิงยังเกือบไม่รอด
ขณะทั้งคู่ยังคงก้มหน้ารับผิด หลัวชิงที่นอนนิ่งด้วยบาดเจ็บจวนไร้สติอยู่นั้นจึงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแหบแห้งอย่างหมดเรี่ยวแรง
“นายน้อย เพราะข้าเองที่ไร้ความสามารถ เป็นเพราะข้าเอง” ครั้นกล่าวจบ กายเขาก็กลับไปฟุบลงบนเตียง ด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน
ทุกวันนี้ หยางเสี่ยวเทียนไม่เพียงใจกว้างช่วยรักษาตันเถียนเขาให้ฟื้นฟูกลับมาดังเดิมเท่านั้น แต่ยังคอยชี้แนะทักษะการต่อสู้ ยกเคล็ดวิชาฝึกปราณจักรพรรดิพฤกษาให้เขาใช้บ่มเพาะ และยังมอบโอสถระดับนิรันดร์ให้กลืนทุกเดือน
แต่ตอนนี้ เขากลับไม่สามารถรับมือกับงานที่หยางเสี่ยวเทียนมอบหมายให้เขาทำได้
ทั้งยังสูญเสียทองมากถึงห้าแสนเหรียญ ที่ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย แม้แต่อดีตสำนักกระบี่สีชาด ทองจำนวนมากขนาดนี้ ยังเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยๆ ที่จะหามาใช้ง่ายๆ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไยเจ้าต้องคิดมาก” หยางเสี่ยวเทียนส่ายศีรษะ “เจ้าไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง การที่เจ้ารอดชีวิตกลับมาได้นั่นก็ถือว่าดีมากแล้ว”
จากนั้นเขากล่าวเสริม “ทองเพียงเท่านั้น จะสำคัญกว่าชีวิตพวกเจ้าได้อย่างไร ที่สูญเสียไป ข้าหากลับมาได้สบายๆ อยู่แล้ว”
สำหรับผู้อื่น ทองจำนวนห้าแสนเหรียญไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย แต่สำหรับหยางเสี่ยวเทียนตอนนี้ มันก็แค่โอสถวิญญาณหลงหู่ระดับนิรันดร์เพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น
น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงออกถึงความเมตตาของหยางเสี่ยวเทียน กลับทำให้หลัวชิงพร้อมทั้งคนอื่นๆ ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น ทำให้ทุกคนได้กลับมาขบคิดว่าต่อไป ต้องทุ่มเทพละกำลังฝึกฝนมากกว่านี้ มากพอกับที่เขาไว้วางใจ
สิ่งที่เขาทำ มิเพียงไม่คิดตำหนิพวกตนเท่านั้น แต่ยังมอบโอสถระดับนิรันดร์ให้แก่หลัวชิง และคนอื่นๆ รักษาอาการบาดเจ็บ พร้อมสั่งกำชับให้พวกเขารักษาอาการบาดเจ็บของตน โดยไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นนอกเหนือจากการดูแลตนเองระหว่างนี้
หลังกลับจากเรือนพักหลัวชิง หยางเสี่ยวเทียนจึงสั่งคนให้ไปตามอูฉี หลิวอันและบรรดาศิษย์เขามาสอบถามเกี่ยวกับทักษะกระบี่สยบสวรรค์
เพราะเขาไม่ค่อยรู้เรื่องกระบี่สยบสวรรค์มากนัก จึงอยากรู้เพิ่มเติมว่ามันเป็นของผู้ใด
หลัวชิง อดีตเจ้าสำนักดาบสีชาด
เลี่ยวคุน หนึ่งในศิษย์ผู้ภักดีของหลัวชิง เชี่ยวชาญเพลงหมัด
จางจิงหรง หนึ่งในศิษย์ผู้ภักดีของหลัวชิง เชี่ยวชาญเพลงกระบี่
ปล: เป็นภาพที่เราสร้างขึ้นจาก AI โดยอิงจากลักษณะนิสัยของตัวละคร และเนื่องจากต้องใช้ภาพอีกมาก เราจึงขอใช้ AI ในการอิมเมจตัวละครให้ค่ะ *หวังทุกคนจะไม่ถือโทษนะคะ