บทที่ 124 : อาจารย์ของมู่ซีเหยา
บทที่ 124 : อาจารย์ของมู่ซีเหยา
ขณะที่เย่หวู่ชางกำลังเตรียมที่จะเก็บตัว
ข่าวๆหนึ่งก็ทำให้เขาหยุดเเผนการเป็นการชั่วคราว
เพราะคนๆนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปพบเจอ
………..
เมื่อเดินมาถึงห้องโถงต้อนรับของตระกูลเย่
เย่หวู่ชางก็เห็นสตรีที่สูงสง่าอยู่ตรงหน้าเขา
เธอมีรัศมีคล้ายดาบอยู่ระหว่างคิ้ว
หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้ดูยิ่งใหญ่ แต่ท่วงท่าของนางแสดงออกถึงความสง่างามและความสูงส่งที่ไม่อาจดูแคลน
[ติ๊ง! ตรวจพบคู่ครองที่เข้ากันได้ โฮสต์ต้องการเริ่มต้นการตรวจสอบหรือไม่?]
เมื่อได้ยินเสียงนี้, เย่หวู่ชางก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
จากนั้นสีหน้าของเขาก็แปลกไปเล็กน้อยเช่นกัน
เขาไม่ได้คาดหวังว่าระบบจะไร้ยางอายขนาดนี้
ถึงขนาดแจ้งเตือนว่าสตรีนางนี้เป็นคู่ครองของขาได้
เพราะสตรีผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่หนีรอดจากเงื้อมมือของราชาแห่งราตรีโลหิตในตอนที่เมืองโบราณชางหยวนถูกทำลาย
และนางก็มียังมีอีกตัวตนหนึ่ง, นั่นคือเป็นอาจารย์ของมู่ซีเหยา
ตันไท่หว่านเออร์, ชื่ออันอ่อนโยนซึ่งตรงกันข้ามกับท่วงท่าอันสง่างามเเละเย็นชาของเธอ
เมื่อพิจารณาจากรัศมีที่เธอปล่อยออกมา, นางน่าจะทะลุผ่านไปยังระดับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหยินหยางได้แล้ว
และระดับพลังของนางก็ไม่ต่ำ, ซึ่งบ่งชี้ว่านางอาจจะได้เผชิญกับโชคชะตาบางอย่างโดยบังเอิญ
เเละในฐานะที่เธอเป็นอาจารย์ของมู่ซีเหยา, ลู่ชิงซวนจึงไม่อาจมองความลับของนางผ่านดางตาเเห่งโชคชะตาอย่างไร้มารยาทได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอยังเป็นคู่ครองที่มีศักยภาพด้วยแล้ว
แต่สุดท้าย
ลึกลงไปในใจเย่หวู่ชาง
สัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุ้นดวงตาแห่งโชคชะตาขึ้นมา
[ตันไท่หว่านเออร์: อาณาจักรหยินหยางขั้นที่หก, การประเมินโชค: สีม่วง, การประเมินความถนัด:ร่างดาบไร้เทียมทาน, หัวใจดาบเย็นเยือกแห่งความภาคภูมิ]
สมกับเป็นอาจารย์ของมู่ซีเหยาโดยแท้, พรสวรรค์นี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
ยิ่งกว่านั้นโอกาสที่อีกฝ่ายได้ประสบก็นับว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา
เห็นได้ว่าก่อนที่เมืองโบราณชางหยวนจะถูกทำลาย, เธอก็อยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรราชาเท่านั้น
หลังจากนับเวลาอย่างถี่ถ้วน, ในเวลาเพียงสิบปี อีกฝ่ายก็กลายเป็นจักรพรรดิในอาณาจักรหยินหยางขั้นที่หกแล้ว
สามารถจินตนาการถึงความน่าสะพรึงกลัวของอีกฝ่ายได้โดยไม่ยาก
ยิ่งกว่านั้นนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ, ประเด็นสำคัญคือเย่หวู่ชางสัมผัสได้ถึงเจตนาดาบที่มีอยู่ในตัวเธอ
ซึ่งมันได้มาถึงระดับความสมบูรณ์แบบอันยิ่งใหญ่ขั้นที่เจ็ดแล้ว, ห่างจากชั้นที่แปดเพียงก้าวเดียว
นอกจากนี้ ออร่าของเธอยังผสานเข้าด้วยกันโดยไม่มีการรั่วไหล
เห็นได้ชัดว่าเธอได้ฝึกฝนทักษะระดับราชไปสู่ความสมบูรณ์แบบอันยิ่งใหญ่, จากนั้นจึงเปลี่ยนไปใช้ทักษะระดับจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว
ความสำเร็จของเธอดูเหมือนจะไม่ต่ำเลยสักนิด
จากการสังเกตทั้งหมดเหล่านี้ การฝึกฝนของตันไท่หว่านเออร์ไม่ธรรมดาทั้งยังดูเหมือนว่าจะน่ากลัวเป็นพิเศษก็ตาม
ใต้ระดับศักดิ์สิทธิ์, แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้ทรงพลังที่สุด แต่ก็สามารถเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเย่หวู่ชางจ้องมองนาง, ตันไท่หว่านเออร์ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น คล้ายค่อนข้างไม่พอใจ
“เจ้าคือเย่หวู่ซางใช่ไหม”
น้ำเสียงของนางดูกระโชกโฮกฮากทั้งยังดูไม่ค่อยสุภาพในเวลาเดียวกัน
เมื่อเห็นสิ่งนี้เย่หวู่ชางก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
เขารู้ดีว่าเมื่ออีกฝ่ายมาหาเขา, เธอต้องตรวจสอบความสัมพันธ์ของเขากับมู่ซีเหยาแล้ว
ดังนั้น, เขาจึงไม่คิดที่จะตำหนิผุ้ใด
"ใช่ เป็นข้าเอง!"
“งั้นข้าขอถามเจ้า, เด็กในท้องของซีเหยาเป็นทายาทของเจ้าใช่หรือเปล่า”
"เป็นของข้าเอง!"
เย่หวู่ชางยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินคำตอบของเย่หวู่ชาง ตันไท่หว่านเออร์ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความโกรธ
จากนั้นเจตนาดาบอันทรงพลังพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า, กดลงบนร่างของเย่หวู่ชางอย่างหนักหน่วง
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากจนไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้
เเละเมื่อเห็นแรงกดดันที่เข้ามาใกล้ เย่หวู่ชางก็ขมวดคิ้วทันที
เขาประเมินความแข็งแกร่งของตันไท่หว่านเออร์ต่ำไป ท้ายที่สุดแล้วนางอยู่ขั้นที่ที่หกของอาณาจักรจักรพรรดิซึ่งสูงกว่าเขาหนึ่งอาณาจักรใหญ่
หากเขาไม่ต้านทานเจตนาดาบอันทรงพลังนี้, เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างเเน่นอน
เมื่อเห็นสิ่งนี้, เขาก็ไม่พูดให้มากความ
ออร่าในร่างกายของเขาพุ่งสูงขึ้น และพลังงานอันรุนแรงก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าไปจนถึงสรวงสวรรค์
บูมมม!
เจตนาดาบที่น่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้น ตัดเจตนาดาบอันทรงพลังของอีกฝ่ายโดยตรง
เมื่อเห็นเช่นนี้, ตันไท่หว่านเออร์ก็อดไม่ได้ที่หน้าเปลี่ยนสีและมองไปที่เย่หวู่ชางด้วยความประหลาดใจ
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเย่หวู่ชางและมู่ซีเหยา, แต่อีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์ของนาง
ก่อนหน้านี้, เธอสงสัยว่ามู่ซีเหยาจะคิดอย่างไรหากตนเผลอทำร้ายเขาอย่างไม่ตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม, ก่อนที่เธอจะเสียใจ เย่หวู่ชางก็ปะทุพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้เธอต้องมองดูเขาด้วยความตกตะลึง
เจตนาดาบที่พุ่งขึ้นมาควบแน่นเป็นออร่าที่ดูแล้วน่าประทับใจ และตัดผ่าเจตนาดาบของเธอออก
เป็นที่รู้ว่าเธอเป็นผู้ฝึกฝนอาณาจักรหยินหยางขั้นที่หก, ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับราชาเเห่งอาณาจักรดวงดาว
ยามนี้, เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเย่หวู่ชางในทวีปเทียนหลัว
ทุกคนกล่าวว่าเขาเป็นราชาคนเเรกในประวัติศาสตร์ของทวีปเทียนหลัว ซึ่งสามารถสังหารจักรพรรดิเผ่าปีศาจถึงสองคนได้
ในตอนแรกเธอสงสัยในความถูกต้องของเรื่องนี้
ในความเห็นของเธอ, การที่ราชาสามารถสังหารจักรพรรดิได้นั้นถือเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างไม่ต้องสงสัย
จนกระทั่งวันนี้, เธอได้เห็นความแข็งแกร่งของเย่หวู่ชางด้วยตาตนเอง
เธอจึงตระหนักว่าตำนานนี้ไม่ได้พูดเกินจริง
ชายอัจฉริยะผู้ชั่วร้ายเช่นนี้, ไม่น่าแปลกใจเลยที่ลูกศิษย์ของเธอถูกปลุกเร้าและเต็มใจที่จะคลอดบุตรเพื่อเขา
แม้ครู่หนึ่งเมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของเย่หวู่ชางและออร่าของเขา, มันจะทำให้เธอก็รู้สึกหลงใหลอยู่ครู่หนึ่งก็ตาม
…………
เย่หวู่ชางไม่ได้โกรธเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่สามารถควบคุมออร่าของตนเองได้, เขาจึงไม่คิดตำหนินาง
เเละเมื่อเห็นเย่หวู่ชางเช่นนี้, ความไม่พอใจในใจของตันไท่หว่านเออร์ก็ลดลงอย่างมาก
จากนั้น, เธอทำได้เพียงถามอย่างแข็งทื่อว่า
"ข้าถามเจ้าหน่อยตอนนี้ซีเหยาอยู่ที่ไหนกัน?"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้, นัยน์ตาของความโศกเศร้าและการตำหนิตนเองก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเย่หวู่ชาง
“ว่ากันตามตรง ข้าก็ตามหานางเช่นกัน ข้าค้นหาทั่วทวีปเทียนหลัวอยู่ตลอด, หากเเต่ไม่พบร่องรอยของเธอเลย”
“นอกจากนี้ข้ายังเสนอเงื่อนไขที่ยอดเยี่ยมในฐานะผู้นำของตระกูลเย่แล้ว, แต่ข้าก็ยังไม่พบข่าวใดๆเกี่ยวกับนางสักนิด”
เมื่อได้ยินสิ่ง, นี้ ความไม่พอใจของตันไท่หว่านเออร์ก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน
เธอรู้เกี่ยวกับข้อมูลที่เย่หวู่ชางบอก
ใครก็ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับมู่ซีเหยา จะสามารถรับทักษะระดับจักรพรรดิหรือทักษะการต่อสู้พิเศษเป็นรางวัลจากตระกูลเย่ได้
หากมีใครรู้ที่อยู่ของมู่ซีเหยา, เย่หวู่ชางจะทำทุกอย่างเพื่อพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไข
แม้ว่ามันจะหมายถึงการสังหารเมืองและทำลายล้างประเทศต่างๆก็ตาม
นอกจากนี้เงื่อนไขนี้ใช้ได้ตลอดชีวิต กองกำลังสำคัญๆจำนวนมากต่างจึงเคลื่อนไหว, และส่งผู้เชี่ยวชาญเพื่อค้นหาข่าวเกี่ยวกับมู่ซีเหยา
จะสังเกตว่าแม้ว่าการฝึกฝนของเย่หวู่ชางในปัจจุบันจะต่ำ แต่ความสามารถและพรสวรรค์ของเขาก็ไม่ธรรมดา และความแข็งแกร่งของเขาเองก็ยังน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาจะไม่เป็นประโยชน์กับกองกำลังหลักๆมากมายนัก
แต่หลังจากที่ก้าวผ่านระดับจักรพรรดิหรือแม้แต่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ?
เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขายังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อให้เย่หวู่ชางก่อตั้งกองกำลังในอาณาจักรสำคัญอื่นๆและยืนหยัดอย่างมั่นคงได้
พวกเขาซึ่งเป็นกองกำลังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลโบราณในทวีปเทียนหลัว, หากพวกเขาต้องการพัฒนาในอาณาจักรสำคัญอื่นๆ พวกเขาจะต้องครอบครองดินแดนอันกว้างใหญ่
ในเวลานั้นย่อมเกิดข้อพิพาทกับกองกำลังท้องถิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับอีกฝ่ายที่อยู่ในทวีปที่อุดมสมบูรณ์กว่าได้
นี่คือเหตุผลว่า, แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าพลังวิญญาณในทวีปเทียนหลัวนั้นไม่ดี
ทำให้ความน่าจะเป็นที่จะทะลุผ่านอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นลดลงอย่าง, แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ออกไป
เนื่องจากดินแดนภายนอกนั้นกว้างใหญ่, แม้ว่าคุณจะไปโดยปราศจากความกลัว แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นจะยอมรับ
เพราะงั้น, มันจะเป็นเรื่องง่ายในการประสบความสูญเสียอย่างหนัก ณ ที่แห่งนั้นและต้องการกลับมา
อีกอย่าง
เผ่าโบราณในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้, เผ่าไหนบ้างที่ไม่มีศัตรูซ่อนเร้นรอให้พวกมันล้มกระทบซ้ำกัน?
แม้แต่เย่หวู่ชางก็เข้าใจดีว่าจะมีหมาจิ้งจอก หมาป่า และเสือดาวมากมายซ่อนตัวอยู่รอบๆตระกูลเย่
เมื่อตระกูลเย่ถึงคราวล่มสลาย, พวกเขาคงจะปรากฏตัวและฉีกทึ้งตระกูลเย่ซ้ำในทันที
เมื่อรู้ว่าเย่หวู่ชาง ได้กำหนดเงื่อนไขนี้แล้ว, ตันไท่หว่านเออร์ก็พยายามระงับโกรธของเธอลงอย่างสมบูรณ์และดูใจดีต่อเย่หวู่ชางมากขึ้น
“พูดตามตรง หลังจากที่ข้าออกจากการเก็บตัว ข้าก็ค้นหาที่อยู่ของซีเหยาหลายครั้งเช่นกัน แต่ข้าก็ไม่พบร่องรอยใดๆเช่นเดียวกับเจ้า”
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องมาที่นี่เพื่อสอบถาม!”
เย่หวู่ชางพยักหน้ารับ, เเละเอ่ยต่อ
“ว่ากันตามหลักเหตุผล หลังจากผ่านไปหลายปี, หากนางยังมีชีวิตอยู่จริงๆ นางก็ควรจะกลับมาหาข้าพร้อมลูกน้อย”
“ถึงตอนนั้นข้าคงขอโทษนางและปล่อยให้นางระบายความโกรธแค้นที่มี, แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงปฎิเสธที่นำเด็กกลับมาที่ตระกูลเย่!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้, ตันไท่หว่านเออร์ก็มีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย
คุณควรรู้ว่าลัทธิชายเป็นใหญ่ในโลกนิรันดร์ยังคงแข็งแกร่งมาก
สำหรับคนอย่างเย่หวู่ชาง ผู้เป็นอัจฉริยะและเป็นผู้นำตระกูล
มันควรจะเป็นสิทธิ์ขาดของเขาในบ้าน และอำนาจของเขาไม่ควรถูกท้าทายจากใครก็ตาม
อย่างไรก็ตาม, เย่หวู่ชางพูดคำดังกล่าวกับคนนอกเช่นนางนั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ถึงขนาดที่บอกให้มู่ซีเหยาทุบตีและด่าทอเขาได้ตามใจ
เห็นได้ชัดว่าบุรุษผู้นี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มู่ซีเหยาจะหวั่นไหว ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีคนงามที่โดดเด่นมากมายอยู่รอบๆตัวเขา
เธอสัมผัสได้ถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเย่หวู่ชางเป็นครั้งแรก
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หวู่ชาง เธอก็เงียบไปสักพักก่อนจะตอบ
“ถ้าข้าจำไม่ผิด ราชาแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นคงจะได้ปักเครื่องหมายพิเศษไว้บนตัวเธอ บังคับให้เธอต้องอยู่ในสถานที่บางแห่ง”
“หากเธอออกมา, ราชาปีศาจจะสัมผัสได้ในทันที นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่มาหาเจ้า เพราะกลัวว่าจะนำหายนะมาสู่เจ้าและตระกูลเย่!”
ขณะที่เธอพูดสิ่งนี้ เธอก็แก้ต่างลูกศิษย์ของนางให้อีกฝ่ายฟังโดยไม่รู้ตัว
หลังจากฟังคำพูดของเธอแล้ว, เย่หวู่ชางก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าก็มีความคิดคล้ายๆกัน, ดังนั้นเมื่อข้าตามหานางก็เลยมุ่งไปทิศทางนั้นเป็นเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสอะไรเลย”
มีสถานที่หลายแห่งในทวีปเทียนหลัว ที่ไม่อาจติดตามร่องรอยได้
แม้แต่ในแต่ละอาณาจักรหลัก, ก็มีหลายร้อยถึงหลายสิบแห่ง
แม้แต่เย่หวู่ชางก็ไม่สามารถค้นหาได้ทั้งหมด, เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นภายในนั้น
เนื่องจากสถานที่เหล่านี้วุ่นวายทั้งยังไรซึ่งกฎเระเบียบ
มีเพียงความเข้มแข็งเท่านั้นที่สามารถทำให้เอาตัวรอดได้
เมื่อเห็นว่าเย่หวู่ชางไม่มีเบาะแส ตันไท่หว่านเออร์ก็ไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ต่อ
“ในเมื่อนางไม่ได้อยู่กับเจ้า, งั้นข้าจะออกไปก่อน”
“หากมีข่าวใดๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะแจ้งให้ข้าทราบโดยเร็วที่สุด, ข้าเองก็เป็นห่วงนางมากเช่นกัน!”
“แน่นอน, ให้ข้าไปส่งท่านเถิด!”
การพบกันระหว่างพวกเขาทั้งสองครั้งนี้ยังคงไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่เห็นเธอออกไปที่ประตู, เย่หวู่ชางก็มองเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่าย
รูปร่างที่สมบูรณ์แบบเเละท่วงท่าอันสง่างามทำให้เขาสับสนเล็กน้อย
อาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ล้วนแต่มีพรสวรรค์พิเศษ, แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งที่เหนือกว่าอีกคน!
อย่างไรก็ตาม, หากเขาสามารถครอบครองทั้งสองพร้อมกันได้...มันจะเป็นเช่นไรกันนะ!
เเต่ทันใดนั้น, เย่หวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
แต่ไม่นานเขาก็ตบหน้าเรียกสตื
ยังไม่ทันพบมู่ซีเหยา, ขากลับเริ่มสนใจอาจารย์ของนางแล้ว
นี่เขาเป็นอสูรร้ายหรือไรกัน!
หลังจากนั้น เขาก็ละทิ้งสิ่งรบกวนสมาธิทั้งหมดและกลับไปที่ห้องของตนเองเพื่อเริ่มการฝึกฝน
เขาจะต้องฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อในอนาคต, มันจะได้สะดวกยิ่งขึ้นในการค้นหามู่ซีเหยา
ดังนั้น, เขาจึงไปที่ห้องแห่งกาลเวลาและเริ่มการเก็บตัวฝึกฝนทันที
คราวนี้ไม่มีใครรบกวนเขา
และการเก็บตัวในคราวนี้กินเวลานานถึงห้าปี!
…………….