ตอนที่ 27 ‘ผู้ปลูกฝังมาร’
ตอนที่ 27 ‘ผู้ปลูกฝังมาร’
ตอนนี้นางยังบริสุทธิ์ ให้ทำเช่นนี้จะดีหรือ?
ช่างเถอะ คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ ถึงอย่างไรนางไม่คิดจะแต่งงานอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องสนใจเรื่องความบริสุทธิ์
ฝึกตน! ฝึกตน!
นางหลับตาและปรับลมหายใจพยายามตั้งจิตฝึกตน แต่ในขณะนี้นางไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย
เพราะทันทีที่นางหลับตาลง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนนี้จะย้อนกลับมาทันที
“อาจารย์ ศิษย์ควรทำอย่างไรดี?”
ในห้องถัดไป เมื่อถูเซิ่งหนานเห็นว่าฉู่อินไม่ได้ทำสิ่งใดผิดปกติ นางจึงถอนสายตาออกและชำแหละเนื้อมังกรที่อยู่ตรงหน้าต่อไป
ถ้ากินเนื้อมังกรตัวนี้หมดแล้ว นางคิดว่าเกือบจะพร้อมในการทะลวงถึงระดับหยางบริสุทธิ์เสียที
พลังวิญญาณในเนื้อและเลือดของมังกรอสูรตัวนี้อุดมสมบูรณ์มาก ต้องขอบคุณความจริงที่ว่ามังกรอสูรไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับหยางบริสุทธิ์ได้ มันจึงอุทิศตนเพื่อปรับปรุงร่างกาย ทำให้เนื้อของมันเต็มไปด้วยพลังงาน ซึ่งทำให้ถูเซิ่งหนานมีโอกาสยิ่งใหญ่ในการพัฒนาพลังการฝึกฝน
……
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแม่น้ำตงหยางแพร่สะพัดไปทั่วตงโจวราวกับติดปีกบิน
มี ‘ผู้ปลูกฝังมาร’ นามเยี่ยเสวียนที่เจ้าเล่ห์และคิดคดทรยศได้กระทำความชั่ว!
เขาใช้อุบายหลอกล่อบรรดาผู้ฝึกตนให้มารวมตัวกันออกสังหารมังกรอสูรและยังสร้างสถานการณ์โหดร้ายที่ก้นแม่น้ำตงหยาง ทำให้ผู้ฝึกตนจำนวนมากหลั่งเลือดบูชาการฝึกพลังมารของเขา
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดยหลี่กวนไห่ผู้ฝึกตนอาวุโสจากนิกายไท่อี่ซึ่งมีโอกาสหลบหนี รวมถึงผู้ฝึกฝนหญิงระดับจื่อฝู่อีกสามคน (หน่วยบุปผามรณะปลอมตัว) ที่รอดชีวิตด้วย หลักฐานสำคัญที่สุดคือหินฉายซ้ำที่ฉายภาพเยี่ยเสวียนเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับมังกรอสูรในสถานที่รวมตัวของผู้ฝึกตน
แม้ว่าครั้งนั้นเยี่ยเสวียนจะปลอมตัวและเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ผู้ฝึกตนจำนวนมากยังค้นพบเบาะแสได้
หลักฐานจากการปั้นน้ำเป็นตัวมั่นคงดังภูผาหักล้างไม่ได้
ส่งผลให้เยี่ยเสวียนผู้ไร้นามกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วตงโจว
ถือได้ว่าเป็นการบรรลุเป้าหมายเล็กๆ ของเยี่ยเสวียนที่จะสร้างชื่อเสียงเมื่อลงจากภูเขาครั้งแรก
แต่ชื่อเสียงแบบนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เยี่ยเสวียนปรารถนา
ในเวลาเดียวกัน ยังมีอีกหลายคนที่สูญเสียญาติและสหายไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ พวกเขาจึงเกลียดชังเยี่ยเสวียนสุดขั้วหัวใจ! หวังว่าจะได้ถลกหนังกินเนื้อและดื่มเลือดของเยี่ยเสวียน
ผู้ฝึกตนที่เสียชีวิตเหล่านั้นเป็นศิษย์ของนิกายต่างๆ และเป็นสมาชิกในครอบครัวของผู้ฝึกตัวทั่วไป พวกเขาจึงมีญาติและสหาย ส่งผลให้ชื่อเสียงของเยี่ยเสวียนในตงโจวเหม็นโฉ่ ทุกคนต้องการฆ่าเขา บัดนี้นิกายสำคัญทั้งหมดและครอบครัวชนชั้นสูงจำนวนมากได้ออกประกาศตามล่าตัวเขา
“บ้าเอ๊ย ต้องเป็นฝีมือของไอ้ซูอันแน่!”
“กล้าใส่ร้ายป้ายสีข้า!”
ในห้องของนิกายหลิวอวิ๋นซึ่งเป็นนิกายชั้นรองในตงโจว...เยี่ยเสวียนได้ยินข่าวนี้แล้วพูดด้วยความขมขื่นทันที
เขาสังหารมังกรอสูรจริงและไข่มุกหยางแท้ตกอยู่ในมือของเขาชั่วระยะหนึ่งจริง แต่เขาไม่ได้สังหารผู้ฝึกตนและไข่มุกก็ถูกซูอันแย่งไปเช่นกัน ทว่าอ่างใส่อุจจาระยังวางอยู่บนหัวของเขา
ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่เมื่อเขาหนีออกมา
แต่ตอนนี้เขาถูกสาดน้ำสกปรกใส่โดยไม่มีโอกาสชี้แจงเลย
เขาไม่กล้าโผล่หน้าออกไปด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะถูกกลุ่มผู้ฝึกตนไล่ล่าแก้แค้น
หากแค่หนึ่งหรือสองคนเขาไม่กลัว แต่ถ้ามีคนมากเกินไปและเขายังอยู่ในช่วงอ่อนแอคงต้านทานไม่ไหว!
“พี่เยี่ยหลบอยู่ที่นี่กับข้าก่อนเถอะ ควรอยู่ห่างจากไฟลามเข้าไว้”
ในห้องนั้นมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกับเยี่ยเสวียนกำลังพูดเกลี้ยกล่อม
ชื่อของเขาคือหยวนเฟิง เขาเป็นผู้นำนิกายรุ่นเยาว์ของนิกายหลิวอวิ๋น เพราะสามารถก้าวสู่ระดับจื่อฝู่ขณะที่ขอบเขตก่อกำเนิดมีอายุแค่สามสิบปี เขาจึงเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะหนึ่งเดียวในรอบพันปีของนิกายหลิวอวิ๋นและสิ่งที่เขาชื่นชอบในชีวิตคือการแข่งขันกับผู้อื่น
ไม่นานมานี้เขาได้พบกับเยี่ยเสวียนซึ่งไม่ใช่ชาวตงโจว และเมื่อได้เห็นความทะเยอทะยานของอีกฝ่าย เขาจึงอยากแข่งขันด้วย
หลังจากพ่ายแพ้ให้กับเยี่ยเสวียนสองสามครั้ง ไม่เพียงแต่ทั้งสองจะไม่กลายเป็นศัตรูกัน ในทางตรงกันข้ามคือพวกเขาคุยกันถูกคอและกลายเป็นสหายกันด้วย
แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่คนแบบเยี่ยเสวียนเป็นที่รังเกียจยิ่งกว่าสุนัข เขายังคงเลือกต้อนรับเยี่ยเสวียน
โดยสัญชาตญาณแล้วเขาไม่เชื่อข่าวลือที่ว่าเยี่ยเสวียนสังหารกลุ่มฆ่ามังกรอสูรเพื่อฝึกฝนพลังมาร
พี่เยี่ยเปรียบดังวีรบุรุษ แล้วจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจขนาดนั้นได้อย่างไร
มันจะต้องเป็นการใส่ร้ายจากคนชั่ว
แล้วคนชั่วเป็นใคร? แน่นอนว่าเป็นซูอันที่เยี่ยเสวียนมักจะก่นด่าว่าทำสิ่งชั่วร้ายทุกประเภท
“เฮ้อ พี่หยวน ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่าน มิฉะนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ใด”
เยี่ยเสวียนมองไปที่หยวนเฟิงผู้กล้าหาญและได้จดจำสหายคนนี้ไว้ในใจอย่างสุดซึ้ง
ถ้าหยวนเฟิงไม่รับเขาเข้ามา เกรงว่าเขาจะต้องไปกบดานในอำเภอที่มีพลังจิตวิญญาณบางเบาเพื่อรักษาบาดแผล
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาพลันนึกถึงหญิงสาวผู้อ่อนโยนที่ช่วยเขาขึ้นจากแม่น้ำในเขตแดนมนุษย์ เห็นได้ชัดว่านางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีกลิ่นอายของพลังวิญญาณเลย ราวกับไข่มุกที่ถูกทิ้งไว้ในแดนมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง เยี่ยเสวียนคิดถึงนางขึ้นมาจริงๆ
น่าเสียดายที่ในเวลานั้นเขาคิดแต่เรื่องการแก้แค้น เมื่อฟื้นตัวแล้วเขาจึงรีบออกจากเขตแดนมนุษย์ และเพื่อตอบแทนหญิงสาว เขาได้มอบยันต์หยกให้นาง ถ่ายทอดความคิดทางจิตวิญญาณไว้โดยบอกนางว่าในช่วงเวลาวิกฤตินางสามารถหักยันต์หยกแล้วเขาจะรีบไปช่วยเหลือนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ
หยวนเฟิงโบกมือแล้วพูดด้วยความร่าเริง “พี่เยี่ยรักษาตัวให้สบายใจเถอะ คนชั่วนั้นได้ทำผิดศีลธรรมมากมายและในอนาคตจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษ”
เยี่ยเสวียนอ้าปากและกำลังจะตอบ
เป๊าะ!
มีการเคลื่อนไหวโดยกะทันหันในจิตวิญญาณ มันเป็นเสียงของยันต์หยกที่ถูกหัก! ทำให้หัวใจของเยี่ยเสวียนเต้นรัว
ปังปังปัง!
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นและทั้งสองหันไปมองที่ประตูโดยพร้อมเพรียง
เยี่ยเสวียนไม่ทันคิดเรื่องอื่น เขาทำได้เพียงระงับความไม่สบายใจไว้ชั่วคราวแล้วรวบรวมพลังเวทเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา
“เฟิงเอ๋อร์”
“เป็นท่านพ่อของข้าเอง” หยวนเฟิงตอบสนองและกำลังจะไปเปิดประตู แต่เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็หันกลับไปหาเยี่ยเสวียนพลางเอ่ย “พี่เยี่ยไปซ่อนก่อนเถอะ ข้าจะรับหน้าท่านพ่อเอง”
“อืม” เยี่ยเสวียนพยักหน้า
“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าทำอะไรอยู่ในห้องตลอดเวลา?” เจ้านิกายหลิวอวิ๋นมองเข้าไปในห้องของหยวนเฟิง แต่สายตากลับถูกหยวนเฟิงขวางไว้ตั้งแต่หน้าประตู
“ท่านพ่อ ไม่มีอะไรหรอก ข้ากำลังทดลองฝึกวิทยายุทธเสินทงใหม่ๆ ขอรับ” หยวนเฟิงยืนอยู่ที่ประตูพลางอธิบาย
“เช่นนั้นหรือ?” เจ้านิกายหลิวอวิ๋นไม่ออกความเห็น เขาแค่ถามว่า “เฟิงเอ๋อร์ แล้วการฝึกฝนหลิวอวิ๋นเสินทงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ใช้ได้เลยขอรับ ข้าสำเร็จอักษรเวทเสินทงขั้นแรกแล้ว” หยวนเฟิงตอบด้วยความมั่นใจ
เขามีทุนให้มั่นใจและเขายังเป็นความหวังในการผงาดขึ้นของนิกายหลิวอวิ๋น พรสวรรค์ของเขาไม่ด้อยไปกว่าอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่เลย
เขานึกในใจว่าอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นยังด้อยกว่าพี่เยี่ยอีกมากโข
“ไม่เลวเลย” เจ้านิกายหลิวอวิ๋นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วถามว่า “สหายเสี่ยวเยี่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เอ่อ...” ร่างกายของหยวนเฟิงสั่นสะท้านทันใด “ท่านพ่อกำลังพูดถึงสหายเสี่ยวเยี่ยอะไรขอรับ?”
เยี่ยเสวียนในห้องพลันตึงเครียดขึ้นมาและพร้อมลงมือทันที แม้ว่าปัจจุบันนี้เขาจะอ่อนแอเพราะใช้วิชาลับ ทว่าพลังเวทที่อาจารย์สอนไว้ให้ใช้ยามฉุกเฉินยังสามารถทำให้มิ่งตานที่ไม่ระวังตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือตายได้
“เฮอะ เจ้ายังคิดจะปิดบังเรื่องแบบนี้จากพ่อหรือ” เจ้านิกายหลิวอวิ๋นตวาดพลางมองบุตรชายที่อยู่ตรงหน้าและถอนหายใจเฮือกใหญ่
แม้ว่าบุตรชายมีความสามารถในการฝึกตน แต่นิสัยเช่นนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเจ้านิกายจริงๆ
“ท่านพ่อ พี่เยี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น ข่าวลือภายนอกล้วนเป็นเท็จ ผู้ที่มีเจตนาชั่วร้ายกำลังหลอกให้ทุกคนเกลียดชังพี่เยี่ยขอรับ” หยวนเฟิงพยายามอธิบายให้บิดาฟังด้วยความร้อนรน