ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 209 หลัวโหย่วเฉียน
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 209 หลัวโหย่วเฉียน
"บรรพบุรุษ???"
หลังจากได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดเป็นอย่างมาก
หลัวเหรินก็รีบเงยหน้าขึ้น
มองไปยังทิศทางที่มาของเสียง
ไม่ผิดแน่ หลัวจิ่วเกอผู้ดำรงตำแหน่งบรรพบุรุษตระกูลหลัว มีพลังเหนือจินตนาการ
ในตอนนี้กำลังสวมเสื้อคลุมสีขาวธรรมดา คาดกระบี่ขึ้นสนิมไว้ที่เอว มือไพล่หลัง
ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ยืนนิ่งสงบอยู่ในห้องนี้
"ไม่ได้พบกันนานจริง ๆ"
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นมากทีเดียว"
เมื่อมองคนตรงหน้าที่ฐานพลังยุทธ์อยู่ในขอบเขตอมตะ 3 สวรรค์ สีหน้าต่างไปจากตอนพันปีก่อนที่ยังคงอ่อนเยาว์ กลายเป็นอาการสงบนิ่งในตอนนี้
เมื่อเห็นหลัวเหรินเช่นนี้ หลัวจิ่วเกอก็คาดเดาได้คร่าว ๆ ว่าในช่วงพันปีนี้คนผู้นี้คงมีความเจริญก้าวหน้าไม่น้อย
เช่นนี้แล้ว ในห้อง หลัวเหรินก็เล่าให้หลัวจิ่วเกอฟัง
จนเมื่อผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง
หลัวจิ่วเกอ บรรพบุรุษตระกูลหลัวจึงทราบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนทวีปซวนหยวนในช่วงพันปีนี้ได้ในระดับหนึ่ง
ตลอดจนความขัดแย้งในมณฑลซุยอวิ๋น
รวมถึงที่เรียกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนาแห่งมณทลหนานหัวบนทวีปซวนหยวน
"ฮุ่ยหมิงหรือ?"
"ผู้บรรลุขอบเขตเทพหรือ???"
หลังจากพึมพำ หลัวจิ่วเกอก็ค่อย ๆ หันหลังหายไปจากห้องนี้
จนกระทั่งเขาเดินจากไปไกล ในห้องนี้ถึงจะดังขึ้นมาอีกครั้ง
"โจมตีต่อไปเลย!"
"ในเมื่อแคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัวกล้าโจมตีตระกูลหลัวของเรา ข้าก็จะทำให้พวกมันต้องจ่ายค่าเสียหายอย่างแน่นอน"
"ส่วนฮุ่ยหมิงหรือ?"
"ให้ข้าจัดการเอง!!!"
เสียงหลัวจิ่วเกอดังก้องช้า ๆ
ในห้องที่เริ่มว่างเปล่า ณ อาณาเขตตระกูลหลัว
จ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบัน หลัวเหรินนั่งอยู่บนตำแหน่งจ้าวตระกูล
ในตอนนี้ ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ
"แคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว?
"ถึงเวลาที่จะจัดการเจ้าแล้ว!!!"
แต่ก่อน เพราะฮุ่ยหมิง ประกอบกับบรรพบุรุษตระกูลหลัวหลัวจิ่วเกอหายตัวไปตลอดพันปี ทำให้ตระกูลหลัวยังต้องอดทนอดกลั้นจนถึงตอนนี้
แต่ในเมื่อบรรพบุรุษตระกูลหลัวกลับมาแล้ว
ตระกูลหลัวต้องทนต่อไปอีกเพื่อเหตุใด?
แคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว??
ถูกขนานนามว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนา???
คราวนี้ตระกูลหลัวอยากจะลองดูว่าในท้ายที่สุดแล้วแคว้นพุทธ หรือว่าตระกูลหลัวจะเหนือกว่ากัน!!!!
อีกไม่นาน หลัวเหรินก็เรียกประชุมตระกูลหลัว
เปิดการประชุมเรื่องมณฑลซุยอวิ๋น
ในความคิดเห็นเดียวกันของเหล่าผูบริหารระดับสูงของตระกูลหลัว รวมถึงจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบันหลัวเหริน ตระกูลหลัวและราชวงศ์หลัวก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนจำนวนมหาศาลถูกเรียกระดมพลังอย่างต่อเนื่อง
เรือเหาะเป็นจำนวนมาก?
ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 1?
ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 2?
ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 3?
รวมถึงทรัพยากรสงครามมากมายเหลือคณานับ ล้วนถูกตระกูลหลัวทยอยนำออกมาใช้
กลิ่นอายสงครามกำลังก่อตัวขึ้นอย่างแผ่วเบา
ในลานหรูหราที่อาณาเขตตระกูลหลัว
มีหนุ่มน้อยร่างอวบท่าทางเกียจคร้านกำลังหรี่ตาเล็กน้อย และนั่งเงียบ ๆ ใต้ศาลาหิน เหมือนกำลังเพลิดเพลินกับความสงบในช่วงเวลานี้
"ลูกเอ๋ย"
"เจ้าไม่ร้อนใจบ้างหรือ?"
"การคัดเลือกจ้าวตระกูลหลัวคนต่อไปกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า"
"เจ้าไม่ได้ตั้งเป้าหมายเป็นจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบันหรือ?"
"แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าถึงได้สบายใจถึงเพียงนี้?"
"พวกคู่แข่งของเจ้า ตอนนี้กำลังพยายามเพิ่มความได้เปรียบให้ตัวเองอยู่!!!"
เสียงร้อนรนดังก้องขึ้น
ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วน
ตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าร้อนรนกระวนกระวาย ยืนอยู่ด้านหลังของชายหนุ่ม พูดไม่หยุดปาก
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนว่าจะยังไม่ใส่ใจต่อเรื่องนี้อยู่ดี
"ท่านพ่อ ท่านรับรู้ถึงกลิ่นอายอันรุนแรงนั่นหรือไม่?"
ทันใดนั้น ชายหนุ่มรูปร่างอวบท่าทางเกียจคร้านก็ถามขึ้นมา
"กลิ่นอายอะไรกัน?"
"ลูกพูดอะไรกันแน่?"
"เหตุใดช่วงนี้ชอบพูดจาไม่เข้าท่าอยู่เรื่อยเลย???"
ชายวัยกลางคนว่าไม่เข้าใจอะไรเลย
"ท่านพ่อ สงครามกำลังจะเกิด.."
"พวกเราต้องเตรียมตัวแล้ว!!!"
ทันใดนั้น ชายหนุ่มรูปร่างอวบท่าทางเกียจคร้านก็พูดขึ้นอีกครั้ง
"สงคราม???"
ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนได้ยินคำพูดนี้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ในใจเขายิ่งสงสัยมากขึ้น
สงครามอะไรกัน?
เหตุใดถึงบอกว่าสงครามกำลังจะเกิด??
สงครามระหว่างใครกับใคร???
ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนในใจเต็มไปด้วยคำถาม แต่เมื่อมองท่าทางเอาแต่ใจของบุตรชาย เขาก็คงจะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน
"เฮ้อ เช่นนั้น เรื่องการคัดเลือกจ้าวตระกูลหลัวคนต่อไป เจ้าก็ทำอย่างที่เจ้าคิดแล้วกัน"
"ข้าไม่ขอยุ่งด้วยแล้ว"
หลังพูดจบ
ชายวัยกลางคนก็ถอนหายใจ แล้วหันหลังเดินออกไปจากลานหรูหรานี้อย่างช้า ๆ
ส่วนชายหนุ่มที่นั่งนิ่งใต้ศาลาหิน รูปร่างอวบเล็กน้อย ในขณะนี้ก็ลืมตาฉลาดหลักแหลมของเขาขึ้น
ในดวงตา ความเจิดจ้ากระจ่างชัดเจน
"บรรพบุรุษตระกูลกลับมาแล้วหรือ?
"ดังนั้นจ้าวตระกูลจึงมีความมั่นใจที่จะสู้กับพวกลาหัวล้านแล้วหรือ???"
เขาเอ่ยเสียงเบา
เขาค่อย ๆ ปิดดวงตาอีกครั้ง
ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ
สงคราม?
เช่นนั้น ย่อมต้องมีการสูญเสียจำนวนมาก
หลังสงครามจบลง
แน่นอน ย่อมต้องใช้ทรัพยากรและเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจริญก้าวหน้า
"ดูเหมือนจะได้กำไรมหาศาลอีกแล้ว..."
"ดีจริง ๆ"
"หากรวบรวมเงินได้เพียงพอ ค่อยไปติดสินบนพวกผู้อาวุโสบางคน ตำแหน่งจ้าวตระกูลหลัวคนต่อไปก็จะตกมาอยู่ในมือข้าเองหรือไม่???"
ชายหนุ่มอ้วนครุ่นคิดในใจเช่นนี้ไว้
ส่วนการกระทำแบบนี้จะสมเหตุสมผลหรือไม่
ตามปกติก็ย่อมไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
แต่หากเป็นในโลกที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความจริงนี้ การทำเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น...
คำพูดของบรรพบุรุษที่มีพลังเหนือจินตนาการของเขา
เขาก็เข้าใจอยู่บ้าง
[หากอยากที่จะดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ดีขึ้น ก็จำเป็นต้องทิ้งความเมตตาที่ไร้ประโยชน์ในใจไป ไม่เช่นนั้น... สักวันหนึ่งจะต้องได้รับผลร้ายจากความเมตตาในใจตัวเองแน่]
นี่คือคำพูดเต็มไปด้วยคติธรรมที่มาจากบรรพบุรุษผู้มีพลังเหนือจินตนาการของเขา
เขาที่รู้ดีถึงความโหดร้ายทารุณของโลกนี้
แน่นอน ก็ยึดถือคำพูดนี้เป็นความเชื่อของตัวเองเช่นกัน
ดังนั้น...
ในเมื่อบรรพบุรุษตระกูลก็ทำถึงเพียงนี้แล้ว หากเขาสามารถซื้อใจพวกผู้อาวุโสพวกนั้นได้จริง ๆ
คิดว่า นี่ก็ไม่ใช่การกระทำที่ผิดกฎอะไร
ส่วนชายหนุ่มอ้วนผู้นั้น?
เขาชื่อหลัวโหย่วเฉียน เขาถือว่าเป็นตัวเต็งการชิงตำแหน่งจ้าวตระกูลหลัวคนใหม่ในครั้งนี้
แม้ฐานพลังยุทธ์จะไม่สูงมาก
ความสามารถด้านผู้นำก็เทียบกับจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบันหลัวเหริน และจ้าวตระกูลหลัวคนก่อนหลัวเหิงไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่หากว่าด้วยเรื่องความสามารถในการหาเงิน
ในตระกูลหลัวแล้ว หากเขายอมรับว่าตนเป็นรอง เชื่อว่าไม่มีใครในตระกูลหลัวกล้าอ้างตัวเป็นที่หนึ่ง
นี่คือความมั่นใจในการชิงตำแหน่งจ้าวตระกูลหลัวคนใหม่ของเขา!!!