บทที่ 37: การย้ายบ้าน
บทที่ 37: การย้ายบ้าน
ในเช้าวันรุ่งขึ้น แม่ของเขาได้ไปที่ทำงานเพื่อขอลาออก ส่วนโม่ซิ่วนั้นตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บข้าวของ
แต่เมื่อโม่ซิ่วมองไปรอบๆก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่เขาต้องเก็บเยอะมากนัก เพราะมันมีแค่เฟอร์นิเจอร์เก่าๆซึ่งบ้านหลังใหม่นั้นเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เดิมที่เจ้าของบ้านคนเก่าไม่ได้ขนไปด้วย
ดังนั้นถ้าหากมีอะไรที่เขากับแม่ไม่ถูกใจ เขาก็จะซื้อใหม่ได้ในภายหลัง เขาจึงไม่จําเป็นต้องย้ายของออกไปทั้งหมด
หลังจากที่จัดระเบียบของแล้ว ก็เหลือเพียงเสื้อผ้าและกระเป๋าเป้ที่แม่ของเขาเก็บเมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงมีกระเป๋าทั้งหมดสองใบ
เมื่อแม่ของเขากลับมา พวกเขาต่างก็หยิบกระเป๋าและจากไป
ในขณะเดียวกัน เจิ้งอี้ได้รับคําสั่งจากพ่อของเขาให้ไปรับโม่ซิ่วและหลี่หยวน ซึ่งทั้งสามคนก็พูดคุยกันสักพักก่อนจะมาถึงบ้านหลังใหม่
บ้านหลังใหม่นี้แต่เดิมเป็นวิลล่าขนาดเล็กที่มาพร้อมกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ มีห้องน้ำ ห้องครัว และห้องพักสองห้องที่ชั้นหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ยังมีห้องนอนสามห้องและห้องอ่านหนังสือที่ชั้นสอง ซึ่งการตกแต่งนั้นเรียบง่ายและเป็นสไตล์ที่โม่ซิ่วชอบ
หลี่หยวนเดินเข้าไปในบ้านหลังใหม่ที่กว้างขวางด้วยสีหน้านิ่งๆตามปกติ ซึ่งเธอดูไม่ตื่นเต้นอย่างที่โม่ซิ่วคิดเอาไว้เลย
แต่ถึงอย่างนั้น โม่ซิ่วก็ไม่เคยเห็นแม่ของเขาเป็นแบบนั้นมาก่อน เพราะแม่ของเขามักจะชองอยู่นิ่งๆมาโดยตลอด
หลี่หยวนมองไปรอบๆครู่หนึ่งและพูดกับโม่ซิ่วว่า "ขอบคุณมากนะลูก!"
เมื่อเห็นว่าแม่ของเขาพอใจ โม่ซิ่วจึงโล่งใจ เขาไปนั่งลงบนโซฟาและพูดว่า “แม่ ผมเป็นลูกชายของแม่ดังนั้นแม่ไม่จําเป็นต้องขอบคุณผมหรอก”
เมื่อหลี่หยวนเห็นเจิ้งอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้และพูดว่า “โม่ซิ่ว ทําไมลูกถึงไม่เตือนแม่ล่ะ? พวกเราสองคนน่าจะไปหาครอบครัวเจิ้งอี้ก่อน รีบไปกันเถอะ!”
เจิ้งอี้พูดจากด้านข้างว่า “คุณป้าครับ พ่อของผมบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้เรพาะวันนี้พ่อกับแม่ของผมอยู่ที่ทํางาน เขาจึงขอให้ผมช่วยไปรับป้า หลังจากที่ป้าจัดของเสร็จแล้วแค่มาทานอาหารเย็นด้วยกันคืนนี้ก็พอแล้วล่ะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หยวนจึงพยักหน้าและเริ่มเก็บของ
โม่ซิ่วเองก็ต้องการช่วย แต่แม่ของเขาบอกให้เขาไปเล่นกับเจิ้งอี้แทน
เจิ้งอี้เองก็ทําอะไรไม่ถูกเช่นกัน เพราะเขามาที่นี่ก็เพื่อช่วย แต่ตอนนี้หลี่หยวนกลับบอกให้เขาและโม่ซิ่วไปเล่นหรือทำอย่างอื่นแทน
และเนื่องจากมีกระเป๋าไม่มากนัก ดังนั้นโม่ซิ่วจึงให้แม่ของเขาจัดการ จากนั้นโม่ซิ่วและเจิ้งอี้เข้ามานั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น
แต่โม่ซิ่วและเจิ้งอี้ก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักเนื่องจากหลี่หยวนนั้นไม่พอใจกับการจัดระเบียบเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นในบ้าน
ดังนั้นทั้งสองคนจึงกลายเป็นแรงงานของหลี่หยวนไปตลอดทั้งช่วงเช้า…
หลังจากที่หลี่หยวนจัดการดูแลให้ดีมากขึ้น เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นก็ถูกจัดระเบียบอย่างเป็นธรรมชาติ
ในขณะเดียวกัน เจิ้งอี้มองไปที่หลี่หยวนด้วยความสงสัย เพราะความสามารถของนั้นเธอแทบจะออกแบบการตกแต่งบ้านให้กับคนอื่นได้เลย
หลังจากที่หลี่หยวนจัดการหน้าที่ของเธอเสร็จแล้ว เธอจึงพูดกับโม่ซิ่วว่า “โม่ซิ่ว เจิ้งอี้ พอแล้วล่ะ ฉันแค่ดูเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์กับพวกของประดับตกแต่งนี้ไม่ได้ใช้เลยจัดให้เป็นระเบียบเท่านั้น หลังจากนี้พวกเราต้องออกไปซื้อเครื่องนอนและของใช้ในห้องนอนใหม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิ้งอี้จึงลุกขึ้นทันที
“ไม่มีปัญหาครับคุณป้า พวกเราจะออกไปซื้อของกันเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
หลังจากนั้นทั้งสามคนจึงออกจากไปจากบ้าน และเนื่องจากเป็นเวลาเที่ยงพวกเขาจึงแวะทานอาหารง่ายๆและตรงไปที่ห้างใหญ่ในเมืองชุนทันที
หลี่หยวนพูดด้วยความลังเลว่า “เจิ้งอี้ พวกเราแค่มาซื้อของธรรมดาๆเท่านั้น ไม่จําเป็นต้องมาที่นี่หรอก ของที่ขายที่นี่น่ะมีแต่ของแพงไปทั้งนั้น”
เจิ้งอี้ตอบกลับทันทีว่า “คุณป้าครับ ตอนนี้โม่ซิ่วน่ะมีเงินเหลือเฟือ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลย”
โม่ซิ่วมองไปที่แม่ของเขาด้วยความมั่นใจ
ทันทีที่หลี่หยวนเดินเข้าไปในห้าง เธอก็เริ่มเลือกของที่เธอต้องการใช้ตกแต่งบ้านและในไม่ช้าเธอก็กลับมาพร้อมกับของเต็มรถ
หลังจากนั้น หลี่หยวนก็บอกให้ซื้ออาหารและของขวัญตอบแทน ท้ายที่สุดพวกเธอกําลังจะไปที่บ้านของตระกูลเจิ้งเพื่อทานอาหารเย็น ซึ่งมันเป็นการมาเยี่ยมพวกเขาเป็นครั้งแรกของเธอ ดังนั้นเธอควรซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปบ้าง
ทันทีที่หลี่หยวนเริ่มซื้อของ โม่ซิ่วและเจิ้งอี้จึงกลายเป็นแรงงานอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่พวกเขากําลังจะออกไปจากห้าง พวกเขาเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้า โม่ซิ่วเลยพูดว่า “แม่ แม่น่าจะซื้อเสื้อใหม่สักตัวนะเพราะพวกเรายังต้องไปทานอาหารเย็นต่ออีก”
หลี่หยวนลังเลเล็กน้อยเนื่องจากเธอใช้เงินของโม่ซิ่วไปมากแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้โม่ซิ่วใช้เงินมากมายไปกับการซื้อเสื้อผ้า แต่เมื่อเธอคิดว่าจะต้องไปทานอาหารที่บ้านของตระกูลเจิ้ง เธอจึงรู้สึกว่าการแต่งตัวของเธอนั้นจะไม่การไม่สุภาพสักเท่าไหร่นัก
สุดท้ายเธอก็ถูกโม่ซิ่วลากเข้าไปในร้าน ซึ่งหลี่หยวนเองก็ไม่ชอบเสื้อผ้าสีฉูดฉาดดังนั้นเธอจึงเลือกชุดสีดําที่ดูเรียบง่ายแทน
ในที่สุดการช้อปปิ้งก็สิ้นสุดลง ซึ่งของที่พวกเขาซื้อนั้นอัดแน่นเต็มรถของเจิ้งอี้ทันที
เมื่อหลี่หยวนเห็นแบบนี้ เธอจึงรู้สึกอายเล็กน้อย
เมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้าน ทั้งสามคนจึงเริ่มเก็บข้าวของอีกครั้ง และกว่าที่จะทำอะไรเสร็จก็เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว
เจิ้งอี้พูดว่า “คุณป้าครับ แม่ของผมน่าจะกลับมาแล้ว พวกเราจะไปกันเลยดีไหมครับ?”
หลี่หยวนรีบวางงานของเธอลงและพูดว่า “ได้ๆ เดี๋ยวป้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ โม่ซิ่วลูกเอาของขวัญกับพวกอาหารไปด้วยนะ”
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็มาถึงบ้านของตระกูลเจิ้ง ซึ่งแม่ของเจิ้งอี้เองก็เป็นคนง่ายๆเช่นกัน ทันทีที่เธอได้พบกับหลี่หยวน เธอจึงเริ่มคุยกัน หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ทั้งสองคนจึงไปทําอาหารในครัว
ในขณะเดียวกัน โม่ซิ่วและเจิ้งอี้ก็ไปนั่งบนโซฟาด้วยความเบื่อหน่าย
เจิ้งอี้ถามว่า "โม่ซิ่ว นายจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยหยานจิ่งใช่มั้ย?"
“ใช่ ฉันเพิ่งส่งข้อความหาพวกเขาไปเมื่อวานนี้ แล้วนายล่ะ?”
“ฉันเองก็ไม่อยากปล่อยให้นายเหงาหรอกนะ แต่ฉันคงจะไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยหยานจิ่งหรอก เพราะคะแนนการรับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยหยานจิ่งในปีนี้สูงมาก”
โม่ซิ่วจึงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยพวกเราก็ยังอยู่ในเมืองเดียวกัน”
เจิ้งอี้พยักหน้า
ตอนนั้นเอง พ่อของเจิ้งอี้ได้กลับบ้านมาซึ่งหลี่หยวนได้รีบเดินออกมาจากครัวเพื่อทักทายเขา
พ่อของเจิ้งอี้พูดอย่างติดตลกว่า “โฮ่ๆ หาได้ยากนะเนี่ยที่นางฟ้าทั้งสองกําลังทําอาหารให้พวกเรากินแบบนี้น่ะ”
หลังจากนั้น พ่อของเจิ้งอี้ก็ถอดเสื้อคลุมออกและไปนั่งบนโซฟา
“โม่ซิ่ว ยกระดับปาร์ตี้ในวันนี้กันเถอะ ไปพาเพื่อนของนายมาที่นี่ทั้งหมดเพื่อเก็บช่วงเวลาดีๆเอาไว้ดีกว่า”
พ่อของเจิ้งอี้นั้นเคยได้ยินมาจากเจิ้งอี้ว่าโม่ซิ่วพยายามอย่างหนักมาตั้งแต่เขายังเด็ก ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนและมีเพื่อนน้อยมาก ดังนั้นเขาจึงอยากให้โม่ซิ่วชวนเพื่อนของเขามา
โม่ซิ่วรู้สึกเขินเล็กน้อย เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง เรื่องนั้นเอาไว้วันอื่นดีกว่าเพราะวันนี้ผมมาที่นี่เพื่อทานอาหารร่วมกับคุณลุงและคุณป้านะครับ”
พ่อของเจิ้งอี้แสร้งทําเป็นโกรธและพูดว่า “อะไรกัน? นี่นายกําลังทำกับลุงเหมือนลุงเป็นคนนอกอยู่รึไงน่ะ?รีบไปชวนเพื่อนมาซะเพราะเดี๋ยวอาหารก็จะเสร็จแล้ว!”
โม่ซิ่วพยายามปฏิเสธอีกครั้ง แต่พ่อของเจิ้งอี้ยังคงยืนยันเสียงแข็ง ดังนั้นโม่ซิ่วจึงต้องยอมทำตามเท่านั้น
โม่ซิ่วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นอกจากนี้คนอย่างเขาจะมีเพื่อนเยอะขนาดนั้นได้ยังไง?
หลังจากที่คิดดูแล้วมู่ฉิงอี้ก็น่าจะออกไปจากเมืองแล้ว ดังนั้นจึงเหลือหลิวซี่หยางและเย่หยวนซึ่งเป็นเพียงสองคนที่เขาสนิทด้วย ดังนั้นเขาจึงโทรไปหาสองคนนี้
เมื่อหลิวซี่หยางและเย่หยวนรับสายของโม่ซิ่ว ทั้งคู่ก็ตอบตกลงทันที
โม่ซิ่วเดินกลับไปที่โซฟาและพูดว่า “คุณลุงครับ เจิ้งอี้น่ะรู้ดีว่าผมไม่มีเพื่อนมากนัก ผมเลยชวนมาได้แค่สองคนครับ”
พ่อของเจิ้งอี้ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ ถ้าหากมากันเยอะเกินไปฉันก็คงจะกลายเป็นคนแก่ในสายตาพวกเธอน่ะสิ ฮ่ะๆๆ”
ไม่นานหลังจากนั้น หลิวซี่หยางก็มาถึง ซึ่งทันทีที่เขาเดินเข้าไปในบ้าน เขาก็พูดกับพ่อของเจิ้งอี้ว่า "ผมชื่อหลิวซี่หยางครับ วันนี้ผมต้องขอรบกวนด้วยนะครับ!"
พ่อของเจิ้งอี้นั้นเห็นว่าหลิวซี่หยางนั้นน่าสนใจไม่น้อย
หลิวซี่หยางเองก็กําลังคิดจะไปต่อมหาวิทยาลัยหยานจิ่งด้วยเช่นกัน ดังนั้นหัวข้อการคุยกันจึงเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหยานจิ่งไปทันที
ตอนแรกพ่อของเจิ้งอี้นั้นไม่ได้อะไรคิดมาก แต่ยิ่งเขาฟังมากไปเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น
เพราะในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าหลิวซี่หยางนั้นเขาเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทหลิวในเมืองปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอํานาจมากทุกสุดในเมืองปักกิ่ง แต่ลูกของเจ้าของบริษัทคนนั้นกลับกลายเป็นเพื่อนของโม่ซิ่วและอยู่ที่นี่
พ่อของเจิ้งอี้นั้นตกใจมากที่โม่ซิ่วมีเพื่อนระดับนี้ได้ นอกจากนี้เขายังได้ยินหลิวซี่หยางเรียกโม่ซิ่วว่า "หัวหน้า" อีกด้วย ซึ่งทำให้พ่อของเจิ้งอี้นั้นสงสัยในตัวของโม่ซิ่วมากยิ่งขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น พ่อของเจิ้งอี้ค่อยๆก็ค่อยๆสงบสติลง เพราะเขาเองก็รู้สึกดีที่ลูกชายของเขามีเพื่อนสนิทอย่างโม่ซิ่วได้..