ตอนที่แล้วบทที่ 25 เขาฉางหมิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 ไม้วิญญาณเทียนชิง

บทที่ 26 สำรวจเนื้อหาที่ซ่อนอยู่


เขาฉางหมิง อยู่ห่างจากนิกายชิงซาน 1,300 กว่าลี้ สภาพภูมิศาสตร์ใกล้กับทะเลทรายเหยียนหวง ถือเป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน

"จุดแดงเล็กๆบนแผนที่เขาฉางหมิงนี่มีความหมายว่าอย่างไรกันนะ?"

"ตอนที่ทดลองสำรวจภารกิจภายนอกก่อนหน้านี้ ในแผนที่ก็ไม่เห็นจะมีจุดแดงเล็กๆแบบนี้ปรากฏเลย"

ลู่ผิงสงสัยถึงที่มาของจุดแดงเล็กๆนั้น

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงคลิกดูที่จุดแดงเล็กๆนั้นทันที

เมื่อคลิกเข้าไป ก็มีหน้าต่างข้อความปรากฏขึ้นมา

[ภารกิจที่ซ่อนอยู่: ภารกิจแบบสุ่มซึ่งปรากฏขึ้นเป็นระยะ กรุณาไปยังตำแหน่งที่ระบุในแผนที่เพื่อสำรวจ และรวบรวมข้อมูลรายละเอียดของภารกิจที่ซ่อนอยู่นี้]

"ภารกิจที่ซ่อนอยู่ ดูจากความหมายแล้ว เหมือนว่าข้าจะต้องไปสำรวจด้วยตัวเอง ถึงจะได้รับรายละเอียดของภารกิจ"

เมื่อเข้าใจที่มาแล้ว ลู่ผิงก็เดินวนไปมาในบริเวณถ้ำของตัวเอง "จะให้ข้าลอยไปดูสักหน่อยดีไหมนะ"

การทำแบบนี้ดูแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย

อย่างระบบภารกิจภายนอกก็สามารถสำรวจได้อยู่แล้วนี่นา เมื่อเลือกพื้นที่หนึ่งๆแล้ว ก็เพียงแค่สำรวจให้เสร็จสิ้นก็พอ

แล้วทำไมถึงมีภารกิจแบบซ่อนอยู่โผล่ออกมา ซึ่งจำเป็นต้องออกไปสำรวจด้วยตัวเองกันล่ะ?

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ต้องใช้ค่าชื่อเสียงแต่อย่างใด ให้ลู่ผิงออกไปเดินเล่นสักรอบ ลู่ผิงก็ไม่รู้สึกขัดข้องแต่อย่างใด

"ช่วงนี้อยู่ในนิกายก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำเป็นพิเศษ ออกไปเดินเล่นรอบนึงก็น่าจะดีเหมือนกัน"

หลังลังเลอยู่สักพัก ลู่ผิงก็ตัดสินใจออกจากถ้ำ แล้วลอยไปยังจุดแดงที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่เพื่อไปสำรวจดู

อย่างไรเสีย ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะจิตวิญญาณ จึงไม่สามารถนอนหลับ ไม่สามารถเพลิดเพลิน ไม่สามารถฝึกฝนได้ อยู่มาหลายวันแล้วก็รู้สึกว่าน่าเบื่อหน่าย การได้ออกไปเดินเล่นสักรอบก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

หลังตัดสินใจแล้ว ลู่ผิงก็ควบคุมจิตวิญญาณของตัวเองให้ลอยออกไปนอกถ้ำ ออกจากเขาชิงเหลียนอย่างรวดเร็ว

เมื่อผ่านไปสามสิบปี ภูมิประเทศรอบๆเขาชิงเหลียนเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย แทบจะเหมือนกับในความทรงจำเดิมของเขา

ในฐานะศิษย์เก่าขั้นแก่นทองคำ ในอาณาเขตรัศมี 10,000 ลี้รอบเขาชิงเหลียน รวมไปถึงทั่วทั้งเขตหลูซาน ลู่ผิงเกือบจะเดินทางไปเยี่ยมทุกแห่งแล้ว

แม้กระทั่งทั่วทั้งแคว้นหลิงซี ก็มักปรากฏร่างของลู่ผิงเสมอ สถานที่ใดเล่าจะไม่เคยไป?

เรื่องหลงทางนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเกิดขึ้นกับลู่ผิงแน่นอน

เพียงแต่ เมื่อไม่มีร่างกายแล้ว ก็ไม่สามารถใช้อาวุธวิญญาณเพื่อบินเหาะเหินเวหาได้ ความเร็วจากการลอยไปด้วยจิตวิญญาณในตอนนี้ ต้องบอกว่ารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยทีเดียว

หลังค่อยๆออกจากอาณาเขตเขาชิงเหลียน ลอยทางทิศตะวันตก พื้นที่แรกที่ไปถึงก็คือหลิงซี

นิกายชิงซานตั้งอยู่ริมแม่น้ำหลิงซี อาศัยอยู่บนเขาชิงเหลียน ห่างจากแม่น้ำหลิงซีราว 10 กว่าลี้

สายน้ำหลิงซีในฐานะสายน้ำหลักของแคว้นหลิงซี ไหลอย่างเชี่ยวกรากไปตามพื้นที่กว้างใหญ่หลายแสนลี้ พาดผ่านทั่วทั้งแคว้นหลิงซี

สายน้ำหลักที่ลู่ผิงกำลังข้ามไปนี้ มีความกว้างมากกว่า 10,000 จั้ง บนนั้นมีการสร้างสะพานเถาโบราณไว้ไม่น้อย

เถาโบราณเหล่านี้ล้วนมาจากเถาเทียนเฉิง มีความแข็งแรงยืดหยุ่นมาก ทนต่อการผ่านไปของกาลเวลานับพันปีโดยไม่เสื่อมสลาย ทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยความพยายามของสำนักเทียนชู เพื่อสนับสนุนให้เขตหลูซานเจริญรุ่งเรือง

สำหรับสถานะของลู่ผิงในตอนนี้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีสะพาน ไม่มีความแตกต่างใดๆทั้งสิ้น เขาสามารถลอยข้ามแม่น้ำหลิงซีไปได้อย่างสบายใจ

หลังจากข้ามแม่น้ำหลิงซีมาแล้ว ก็เป็นทะเลสาบเล็กๆที่มีพื้นที่ประมาณ 100 ลี้ ดินในทะเลสาบอุดมสมบูรณ์ มีเมือง ตระกูล และนิกายฝึกตนตั้งอยู่มากมาย

ในนั้นมีตลาดซีเหอซึ่งมีชื่อเสียงทัดเทียมกับตลาดชิงเหอตั้งอยู่ด้วย

ตลาดซีเหอตั้งชื่อตามที่มันตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำหลิงซี

ลู่ผิงไม่มีความคิดที่จะไปที่ตลาดซีเหอ เพียงแค่เดินทางอย่างคล่องแคล่ว

หลังจากใช้เวลาราวหนึ่งถึงสองวัน ลู่ผิงก็ข้ามทะเลสาบผ่านไปได้

สิบวันต่อมา เมื่อใกล้จะถึงทะเลทรายเหยียนหวงทางตะวันออกแล้ว ในที่สุดก็มาถึงบริเวณใกล้เขาฉางหมิง

สิ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือ หลังจากห่างจากร่างกายออกมา ลอยอยู่ข้างนอกเป็นเวลา 11-12 วัน ลู่ผิงไม่รู้สึกไม่สบายใดๆเลย ไม่มีความอ่อนล้าแม้แต่น้อย

ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่จำเป็นต้องพักผ่อน สามารถออกมาเดินเล่นได้อย่างอิสระ

และเนื่องจากเป็นจิตวิญญาณ ระหว่างทางตลอดการเดินทางของลู่ผิง เป็นเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่เลย ไม่มีผู้ฝึกตนหรือสิ่งมีชีวิตใดสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้เลย อยากจะเดินเล่นไปทางไหนก็ได้ตามใจ

อาจกล่าวได้ว่า เขาไม่มีการดำรงอยู่ให้รู้สึกถึงได้เลย

สำหรับลู่ผิงแล้ว สถานะเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้

ใครจะไปรู้ว่าเขาไม่มีกำลังแม้แต่จะฆ่ากระทั่งไก่เลย หากจิตวิญญาณถูกมารบางตนจับได้ แล้วทรมานด้วยวิธีการอันป่าเถื่อนโหดร้ายไร้มนุษยธรรม ผลที่ตามมากลัวว่าจะน่าขนลุกยิ่งนัก

แต่ก็มีปัญหาอยู่ นั่นก็คือความเร็วในการเคลื่อนที่ช้ามากๆ

"ระยะทางกว่า 1,400 กว่าลี้ ข้าลอยมาตั้งครึ่งเดือน หากมีความสามารถเคลื่อนย้ายฉับพลันคงจะดีสินะ"

ความเร็วในการลอยไปนั้นช้ามากจริงๆ ลู่ผิงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาประโยคหนึ่ง ก่อนจะหยุดลง

เมื่อมาถึงบริเวณเขาฉางหมิง

หลังจากใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน เดินทางบนถนนแห่งผู้ฝึกตนอันยาวไกลมาถึงที่นี่ เป้าหมายในการสำรวจนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรลืมอย่างแน่นอน

เข้าไปดูที่เขาฉางหมิงอย่างละเอียด นี่เป็นภูเขาเล็กๆแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างไกล เงียบสงัด หนาวเย็น

ถึงแม้จะมีแสงอาทิตย์ส่องลงมา อุณหภูมิที่นี่ก็ยังคงเย็นเฉียบอยู่เสมอ

ลู่ผิงตรวจสอบบริเวณโดยรอบเขาฉางหมิง พบว่ามีสิ่งก่อสร้างร้างอยู่กระจัดกระจาย มีทั้งหอหิน ศาลาโบราณ ประตูนิกายที่ผุพัง สะพานหิน ลานฝึกยุทธ์ เป็นต้น

สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ผุพังทรุดโทรมมานานแล้ว ร่องรอยเวลาปรากฏชัดเจน ยากจะสืบค้นหาที่มา

ที่นี่เคยเป็นนิกายหนึ่งมาก่อน ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด จึงได้มาล่มสลายเสียแล้ว

ลู่ผิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก นี่ทำให้เขานึกถึงนิกายชิงซาน

หากเขาบริหารจัดการได้ไม่ดีพอ นิกายชิงซานไม่สามารถเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ท้ายที่สุดก็คงจะมีจุดจบเดียวกับนิกายที่ตกต่ำนี้ จมหายไปในผงธุลีแห่งประวัติศาสตร์ ไร้ผู้ใดจดจำ

การแข่งขันในโลกของผู้ฝึกตนช่างโหดร้ายเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด

คิดไปสักพัก ลู่ผิงก็ปรับอารมณ์ความรู้สึก แล้วเริ่มเดินสำรวจรอบๆเขาฉางหมิงอย่างละเอียด พยายามหาร่องรอยของสัตว์อสูรหรือสมบัติล้ำค่าบางอย่าง

คำแนะนำการสำรวจจากระบบ สถานที่ที่ต้องไปสำรวจด้วยตัวเองคือบนเขาฉางหมิงนี่เอง

"เขาฉางหมิงเงียบสงัดเปล่าเปลี่ยว ขอบเขตไม่ใหญ่มาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มแฉะ จะต้องสำรวจให้ทั่วทุกมุมทุกซอกทุกมุม คงต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว"

"ใจเย็นๆหาไปก่อนแล้วกัน น่าจะมีความหมายในการสำรวจ ช่างเถอะ อยู่ในถ้ำก็ว่างอยู่แล้ว ถือซะว่าได้ออกมาเดินเล่นก็แล้วกัน"

ที่นี่เงียบสงัดผิดปกติ หลังสำรวจอย่างใจเย็นเกือบครึ่งวันเศษ ลู่ผิงก็เข้าใจแล้วว่าเขาฉางหมิงนี่เป็นอย่างไร

หลังจากเข้าไปในถ้ำลึกแห่งหนึ่ง ลู่ผิงก็พบร่างกายขนาดมหึมาสีดำบางอย่าง กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด

มันเป็นงูยักษ์สีดำ ลำตัวหนากว่า 4 จั้ง ยาวกว่า 100 จั้ง ผิวตัวปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ ท้องเป็นสีขาว ตาสีเขียวสองข้างเป็นจุดสะดุดตาในความมืด เหมือนดวงโคมในความมืด มองดูแล้วทำให้ผู้คนสะพรึง

ผ่านการฝึกฝนจนถึงขั้นแก่นทองคำ ลู่ผิงได้พบเจอสัตว์ร้ายมามากมาย ครั้งนี้ เพียงแค่สายตาแรกก็รู้แล้วว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าคืออะไร

นี่คืองูสีดำเฮยซุ่ย เป็นสัตว์ขั้น 3 ที่มีอายุยืนยาว มักอาศัยอยู่ในบึงน้ำและทะเลไม่มีที่สิ้นสุด แทบจะไม่มาอยู่บนพื้นดิน

มันมีนิสัยกระหายเลือด ชอบฆ่า สัตว์ใดก็อาจกลายเป็นเหยื่อของมันได้

เพียงแต่ว่า งูดำเฮยซุ่ยตัวนี้ จากลักษณะภายนอกแล้ว ดูเหมือนว่ายังไม่โตเต็มวัย ยังไม่ได้เติบโตถึงขั้นสัตว์ขั้น 2 ไม่ต้องพูดถึงขั้น 3 เลย

งูดำเฮยซุ่ยที่โตเต็มวัยแล้วนั้น ตั้งแต่หัวจนถึงตำแหน่งเจ็ดนิ้ว จะงอกเนื้อเยื่ออ่อนคล้ายครีบปลา เป็นลักษณะสำคัญที่จำแนกได้ง่าย

แม้แต่สัตว์ขั้น 2 ก็จะสามารถเห็นเค้าร่างของลักษณะเด่นนี้บ้างแล้ว

แต่สำหรับงูตัวที่อยู่ข้างหน้านี้ บริเวณจากหัวถึงจุดเจ็ดนิ้วกลับเปล่าเปลื่อย เพียงแค่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ ชัดเจนว่ายังอยู่ในขั้นที่ 1

แต่ถึงแม้จะเป็นงูดำเฮยซุ่ยที่ยังไม่โตเต็มวัย พลังก็น่าจะอยู่ในชั้น 9 ขั้นปราณแล้ว เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ง่ายเลยทีเดียว

การมีงูดำเฮยซุ่ยขั้นที่ 1 ตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนเขาฉางหมิง ก็น่าสนใจแล้วล่ะ

ลู่ผิงไม่อาจละสายตาจากมันไปได้สักครู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด