ตอนที่แล้วบทที่ 25 เทวทูตน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 ผงเห็ดศักดิ์สิทธิ์

บทที่ 26 ฟื้นฟูแหล่งเพาะปลูก


ลิซ่าก้าวเข้าไปในบริเวณวิหารอย่างระมัดระวัง ปกติแล้ววิหารไม่มีกำแพงล้อมรอบ แต่มีขอบเขตที่ชัดเจน เมื่อใดก็ตามที่โครงกระดูกสีเงินโกรธ รั้วจะถูกยกขึ้นมา รั้วที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินตามปกติคือเขตแดนของวิหาร

ลิซ่าแหย่เท้าเข้าไปข้างหนึ่ง เมื่อเห็นว่าโครงกระดูกสีเงินไม่มีปฏิกิริยาอะไร จึงก้าวเข้าไปทั้งสองเท้า พลางระวังโครงกระดูกสีเงินไว้ด้วย แล้วก็เดินไปยังโครงกระดูกเทวทูตอย่างรวดเร็ว

นางจดจ่ออยู่กับโครงกระดูกสีเงินมาก ดังนั้นเมื่อเข้าใกล้ นางจึงไม่ทันสังเกตปีกด้านหลังของโครงกระดูกเทวทูต

เมื่อเห็นลิซ่าเข้ามาใกล้ โครงกระดูกเทวทูตก็เอียงคอด้วยความงงงวย แต่กลับโก่งตัวไปข้างหน้า เหมือนคันธนูที่พร้อมจะยิง เมื่อลิซ่าก้าวเข้ามาในระยะโจมตี ปีกก็กางออกพรึ่บ แล้วกระโจนใส่นางในทันที

"เฮ้ย เจ้าจะทำอะไร ปีกอะไรเนี่ย? มนุษย์ปักษาเหรอ? โอ๊ย..." ลิซ่าถูกตีจนผมปลิวสยาย ถอยกรูดในสภาพยับเยิน

เขามองโครงกระดูกเทวทูตที่ยังถูกเชือกล่ามที่คอแต่ยังอยากจะคลานขาไปถีบคนอยู่ ลิซ่าถึงกับหัวเราะด้วยความโมโห "ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงต้องถูกล่ามไว้ ที่แท้ก็เป็นปักษาตัวอันตรายนี่เอง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีเทวทูตนักรบมาอยู่ที่นี่ล่ะ?"

แอนนาสอดส่องเข้ามาอย่างระมัดระวัง สำรวจโครงกระดูกเทวทูต พูดว่า "ไม่ใช่เทวทูตนักรบหรอก ไม่มีออร่าศักดิ์สิทธิ์"

หลานที่ถูกโครงกระดูกสีเงินจ้องมองอยู่สอดส่องเข้ามาไม่ได้ เธอตะโกนจากข้างนอกอย่างร้อนใจ "ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม รีบเอาเสื้อผ้าให้มันใส่ก่อน!"

"อ๋อๆๆ" แอนนาขยี้แหวนบนนิ้วมือด้วยความลนลาน แล้วพลิกมือ ชุดสีขาวก็ปรากฏขึ้นที่มือของนาง มันกลายเป็นแหวนเก็บสัมภาระเสียอย่างนั้น

เมื่อนางเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวังเพื่อจะเอาเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายใส่ แต่กลับถูกโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย

แอนนาก้าวไปข้างหน้า กดไหล่ลง ย่างเท้า แล้วใช้ไหล่กระแทกเข้าที่ตัวโครงกระดูกเทวทูต ทำให้มันลอยกระเด็นไป

การปะทะไหล่เพียงครั้งเดียวก็ทดสอบระดับของโครงกระดูกเทวทูตได้แล้ว ทำให้แอนนามีความกล้ามากขึ้น นางยื่นมือไปคว้าข้อเท้าของโครงกระดูกเทวทูต ดึงมันลงมาจากอากาศ

จากนั้นนางถอยหลังไป 1 ก้าว และลากโครงกระดูกเทวทูตไปจนสุดเชือก โครงกระดูกและเชือกถูกตึงในอากาศ

เชือกรัดแน่นเข้าไปที่คอ แอนนาก็ยังยึดข้อเท้ามันไว้ โครงกระดูกเทวทูตลอยอยู่กลางอากาศ ไม่มีจุดยึดเหนี่ยว ทำได้แค่ดิ้นขาไปมาอย่างสิ้นหวัง

แอนนาโยนเสื้อผ้าให้ลิซ่า ตัวเองจับขาอีกข้างของโครงกระดูกเทวทูต ยกมันลอยขึ้นในอากาศอย่างมั่นคง และพูดว่า "เร็วเข้า เปลี่ยนชุดให้มัน"

ลิซ่ามองคอของโครงกระดูกเทวทูตด้วยความกังวล จนท้ายที่สุดนางทนไม่ไหวต้องพูดออกมา "เจ้า เจ้านี่ก็รุนแรงเกินไปแล้วนะ ระวังคอมันจะขาดนะ"

"ไม่หรอก ถ้าเจ้าทำเร็วๆ มันก็จะไม่ขาด แต่ถ้ายังทำเชื่องช้าแบบนี้ มันก็จะดิ้นจนคอขาดเอง" แอนนาพูดเสียงเร่งเร้า

เอาชุดให้โครงกระดูกเทวทูตใส่อย่างร้อนรน เพิ่งจะปล่อยมันลง แอนนาก็เสียใจแล้ว เพราะชุดที่เธอหยิบมาเป็นชุดกระโปรงยาวสีขาว เมื่อใส่ให้โครงกระดูกเทวทูตแล้วมันดูยาวไปหน่อย และพอปล่อยลง มันก็กลิ้งไปกับพื้น...

แอนนาพุ่งตัวเข้าใส่อีกครั้ง ทนรับหมัดจากโครงกระดูกเทวทูตไปหลายหมัด แล้วบังคับมันไว้อย่างหนักหน่วง ฉีกส่วนที่ยาวเกินไปออก เหลือเพียงชายกระโปรงระดับเข่า อย่างน้อยจะได้ไม่เกะกะ แต่จะลบรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าก็ไม่ได้ จึงมีสีขาวบ้างเทาบ้างเป็นบางจุด

"มันเป็นบ้าอะไรกันนะเนี่ย?" พอจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้มันเสร็จ แอนนาก็มีเวลาสงสัยในตัวเอง นางพบว่าอีกฝ่ายมีท่วงท่าคล่องแคล่ว เพียงแต่ถูกจำกัดวงเคลื่อนไหวด้วยเชือก และพละกำลังก็น้อยเกินไป ไม่อย่างนั้น แม้แต่ตัวนางเองก็คงไม่ง่ายนักที่จะควบคุมอีกฝ่ายไว้ได้

ลิซ่ามีเวลาว่างที่จะสังเกตด้วยจิตวิญญาณ ไม่นานนางก็ได้ข้อสรุป "โครงกระดูก โครงกระดูกที่คลุมด้วยเนื้อหนัง โอ้วพระเจ้า โครงกระดูกเทวดาที่คลุมด้วยเนื้อหนัง ต้องเป็นฝีมือของนายท่านอังเกอร์อีกแน่ๆ"

"เอ่อ แล้วท่านอังเกอร์ไปไหนล่ะ?" แอนนาถาม

กล่าวตามตรง การจะหาใครสักคนที่คุยกันรู้เรื่องในวิหารนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในที่สุดป้ามนุษย์วัวก็บอกกับพวกเธอ "อ๋อ ท่านไปหาที่ปลูกพืชใหม่น่ะ ท่านผู้ครองเมืองพาไปด้วยตัวเอง"

...

ในการนำทางของฟิลิน อังเกอร์มาถึงพื้นที่เพาะปลูกของเมืองใต้ดิน ที่นี่เป็นแหล่งผลิตอาหารหลักของเมืองใต้ดิน อาหารหลักของประชากรกว่า 5,000 คนในเมืองใต้ดิน ก็ปลูกมาจากที่นี่

แม้จะเรียกว่าเขตเพาะปลูก แต่จริงๆ แล้วก็คือหลุมยุบขนาดใหญ่ใต้พื้นดินเท่านั้นเอง ภายใต้การกัดเซาะของทางน้ำไหล พื้นใต้ดินถูกกัดเซาะ พื้นดินยุบตัว ก่อเกิดเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่ที่ลึกลงไปในแนวตั้ง ในระยะยาว ก้นหลุมสะสมดินอุดมสมบูรณ์ กลายเป็นพื้นที่ที่สามารถเพาะปลูกพืชได้

หลุมยุบเช่นนี้ มีนับสิบแห่งในบริเวณใกล้เคียงเมืองใต้ดิน เจ็ดแห่งที่มีสภาพดีที่สุดถูกเปิดเป็นเขตเพาะปลูก ตอนนี้ตรงที่ฟิลินพาอังเกอร์มาก็เป็นหนึ่งในนั้น

เนื่องจากอยู่ลึกใต้พื้นดิน ลมสงบจากพื้นดินพัดไม่ถึงก้นหลุม แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาอีกอย่างคือแสงแดดไม่เพียงพอ

บนหน้าผาขอบหลุมยุบมีวงเวทแสงสว่างขนาดใหญ่สลักอยู่ อายส์เคกำลังยืนอยู่ที่หน้าวงเวท ใส่พลังเวทมนตร์สุดท้ายของเขาเข้าไปในวงเวท จากนั้นเขาก็แลบลิ้นหอบหายใจหนักหน่วง "โอ๊ย แก่แล้วๆ ไม่ไหวแล้ว แค่สามรอบก็เหนื่อยแทบแย่ สมัยก่อนวันละเจ็ดรอบข้ายังทำได้สบายๆ เลย"

เมื่อฟิลินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็หม่นลง นี่มันกำลังเหน็บแนมเขาอยู่ใช่ไหมเนี่ย?

"เจ้ามีอายุเท่าข้าหรือไง? หนุ่มหนุ่มไม่ถึงหกสิบ พูดอะไรว่าแก่ ข้าว่าเจ้าไม่ได้แก่หรอก เจ้าแค่ขี้เกียจต่างหาก"

อายส์เคสะดุ้งแล้วลุกขึ้นยืน หันไปมองฟิลินพร้อมกับยิ้มแหยๆ "ท่านมาได้ยังไงกัน? อ้อ แล้วท่านนี่คือ...? หือ?"

คนในเมืองรู้กันหมดแล้วว่ามีบุคคลลึกลับมาเยือน โดยเฉพาะการเปิดวิหารใหม่ รวมถึงการไปเยี่ยมชมทุ่งมอสส่องแสง สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงการมีอยู่ของบุคคลลึกลับผู้นั้นอย่างชัดเจน

แม้ว่าฟิลินจะปกปิดเป็นความลับเคร่งครัด แต่ทุกคนก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิอมตะ เพราะฟิลินออกตระเวนเก็บผลึกวิญญาณแลกอาหารไปทั่ว

การรับรู้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ฟิลินห้ามไม่ให้คนไปรบกวนอังเกอร์ ดังนั้นอายส์เคจึงไม่เคยเห็นบุคคลลึกลับผู้นั้นมาก่อน เขาได้แต่ฟังคนที่เคยเห็นมาเล่าให้ฟัง ว่านั่นคือโครงกระดูก

แต่ตอนนี้ โครงกระดูกที่ฟิลินให้ความเคารพและติดตามอยู่ข้างๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นบุคคลลึกลับผู้นั้นแน่ๆ แต่ว่าโครงกระดูกนี่ดูคุ้นๆ ยังไงไม่รู้นะ?

อังเกอร์โบกมือทักทายอายส์เค แล้วเอียงศีรษะไปมา

การเอียงศีรษะ ทำให้อายส์เคยืนยันการคาดเดาของตัวเองได้ทันที "นั่นเจ้าจริงๆ เหรอ?"

บุคคลลึกลับที่คนในเมืองเล่าลือกันมานาน กลายเป็นว่าเป็นโครงกระดูกที่เขาพากลับมาด้วยตัวเองนี่เอง? ตอนแรกเขาเป็นห่วงว่ามันอยู่ข้างนอกจะเสี่ยงอันตรายเกินไปเลยพากลับมา แล้วยังบอกอีกฝ่ายอย่างหน้าตาเฉยว่า ในเมืองใต้ดินปลอดภัยมาก

แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตระดับนี้ จะมีที่ไหนไม่ปลอดภัยกันล่ะ? น่าอายชะมัด น่าอับอายสุดๆ ไปเลย หน้าของอายส์เคแดงขึ้นมาหน่อย

"พวกท่านมาที่นี่ทำไมกัน?" อายส์เครีบเปลี่ยนเรื่องคุย

"ไร่นา ท่านอังเกอร์อยากมาดูไร่นาที่ถูกทิ้งร้างพวกนั้น ลองดูว่ามีวิธีไหนจะปลูกอะไรลงไปได้บ้าง" ฟิลินกล่าว

"ท่านอังเกอร์หรือ?" อายส์เคนึกถึงเรื่องอื่นขึ้นมาได้อีกเรื่อง "เทคนิคเสริมแสงด้วยมอสส์เรืองแสงเป็นฝีมือของท่านอังเกอร์ใช่ไหม? มีประโยชน์มากเลย ตอนที่ไม่มีมอสส์เรืองแสง พวกเราต้องเติมเวทมนตร์วันละเจ็ดรอบ แสงก็ยังไม่ค่อยพอเลย ตอนนี้เติมเวทมนตร์แค่สามรอบ แสงก็มากพอแล้ว"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด