บทที่ 25 ไปทำงานที่โรงเตี๊ยมเสีย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"ขะ.. เข้ามา" เหยียนเสี่ยวหยู่ตะโกนอย่างประหม่า
"นายท่านเหยียน.." ผู้จัดการห้องรับแขกทักทาย เธอเดินเข้ามาในห้องด้วยสะโพกที่แกว่งไปมาอย่างสง่างามราวยอดหญ้าของเธอ "รั่วอี้ของเราช่างโชคร้าย มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งต้องการพบเธอ เธอจึงต้องไปดูแลเขาก่อนที่ท่านจะมาถึงไม่นาน น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเร่งพวกเขาได้ เราจึงต้องรบกวนท่านให้รออีกสักครู่เจ้าค่ะ"
ขณะที่เธอพูด ผู้จัดการก็เดินเข้ามาหาเหยียนเสี่ยวหยู่ อย่างไรก็ตาม เหยียนเสี่ยวหยู่ดูเหมือนจะไม่ได้ฟังเธอแม้เพียงคำเดียว ตาของเขาจ้องมองไปที่เท้าของเธอ เขามองทุกย่างก้าวของเธอ เขากลัวว่าเธอจะเข้ามาใกล้เกินไป
เมื่อผู้จัดการห้องรับแขกกําลังจะนั่งถัดจากเขา เหยียนเสี่ยวหยู่ก็รีบลุกขั้นและวิ่งออกมาทันที
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ที่นั่งด้านหลังและพูดว่า "เจ้านั่งที่นั่นได้ อย่าเข้ามาใกล้ข้าเกินไป"
"เอ่อ เจ้าค่ะ.." ผู้จัดการห้องรับแขกตอบด้วยรอยยิ้ม "เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่ท่านก็ยังทําเหมือนข้าเป็นคนแปลกหน้า.. แต่ข้ารับรองได้ว่ารั่วอี้มีท่านอยู่ในใจอย่างแน่นอน ในช่วงสองวันที่ท่านไม่มาเยี่ยมเธอ เธอก็มักจะแอบคุยกับข้าเกี่ยวกับท่าน..."
เหยียนเสี่ยวหยู่เมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที "รั่วอี้พูดถึงข้างั้นหรือ"
"เจ้าค่ะ" ผู้จัดการพึมพำกับตัวเองและมองไปรอบๆ เธอพูดอย่างงงงวยว่า "ข้าเรียกเด็กผู้หญิงสองคนมาดูแลท่านมิใช่หรือ พวกเธอไปไหนเสียแล้ว ไม่เป็นมืออาชีพจริงๆ เลย"
"เจ้าจะได้เจอพวกเธอเร็วๆ นี้..." เหยียนเสี่ยวหยู่พึมพํากับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
"ท่านว่าอย่างไร.." ผู้จัดการกล่าวอย่างไม่เข้าใจ
ในเวลานี้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ด้านหลังของศีรษะและภาพตรงหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีดํา
เธอเดินกะเผลกล้มลงกับพื้น
ชูเหลียงเก็บอิฐที่เขาใช้ตีเธอจากข้างหลังจากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ใช่เธอ"
เหยียนเสี่ยวหยู่ลุกขึ้นโดยอัตโนมัติและลากผู้จัดการห้องรับแขกไปด้านหลังฉากพับ เขาตั้งใจจะวางเธอไว้ข้างๆ ผู้หญิงอีกสองคนอย่างเรียบร้อย
เหยียนเสี่ยวหยู่พูดพลางดึงผู้จัดการไปด้านหลัง "พี่ชูเ หตุใดข้าจึงต้องล่อผีย้มหนังมาที่นี่ด้วย หากข้ากลับบ้านตอนนี้และให้ลูกน้องคอยปกป้องข้ามันจะไม่ดีกว่าหรือ"
“แน่นอนว่ามันคงจะดีตราบใดที่เจ้าขังตัวเองในบ้านและไม่ออกมา ทุกอย่างก็จะดีเอง”
“โจรสามารถปล้นบ้านได้เป็นพันวัน แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่คนจะปกป้องบ้านของพวกเขาจากโจรเป็นเวลานานถึงเพียงนั้น ถ้าเราไม่จับผีย้อมหนังให้เร็วที่สุด เจ้าก็จะตกอยู่ในอันตรายเสมอ ไม่เห็นด้วยกับข้าหรือ” ชูเหลียงกล่าว
"ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ตามนั้นเถิด.." ทัศนคติของเหยียนเสี่ยวหยู่ก็ผ่อนคลายลง
จังหวะนั้นเสียงทะเลาะวิวาทดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ดูเหมือนว่าในพริบตาประตูก็เปิดออกและผู้คุ้มกันสองคนก็กลิ้งเข้ามาในห้องราวเล่นภาพซ้ำ
"นายท่าน! เธอยืนกรานที่จะเข้ามา เราไม่สามารถหยุดเธอได้" หนึ่งในผู้คุ้มกันตะโกนด้วยความเจ็บปวดขณะลุกขึ้นโซซัดโซเซ
เหยียนเสี่ยวหู่กําลังจะโกรธ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่บุกเข้ามาในห้อง เขาก็หยุดนิ่งและจ้องมองเธออย่างงุนงง
"อาจารย์ซ่งหรือ" เหยียนเสี่ยวหยู่กล่าว
ซ่งชิงอี้ขมวดคิ้วและโกรธเล็กน้อย "เจ้าไม่รู้ตัวหรือว่าตัวเองอยู่ในอันตรายเพียงใด แต่เจ้ากลับ ยังจะมาในสถานที่เช่นนี้.."
ทันใดนั้นเธอก็แข็งทื่อไป
นั่นเป็นเพราะวินาทีที่เธอมองไปที่เหยียนเสี่ยวหยู่ เธอเห็นเขากําลังลากผู้หญิงที่หมดสติไป และยังมีผู้หญิงอีก 2 คนนอนหมดสติอยู่บนพื้น
และยังมีชูเหลียงที่ยืนอยู่ข้างเหยียนเสี่ยวหยู่
"พวกเจ้าสองคนทําอะไร... โหดร้าย" เธอขึ้นเสียงถามทันที
"พี่ชูบอกให้ข้าทํา" เหยียนเสี่ยวหยู่ตะโกนและรีบปล่อยผู้จัดการ
ชูเหลียงเงียบไปสักพัก
จากนั้นเขาก็อธิบายให้ซ่งชิงอี้ฟังว่า "เช่นเดียวกับท่าน ข้าคิดว่าบางทีผีย้อมหนังอาจกำลังหาทางเข้าใกล้เหยียนเสี่ยวหยู่ ดังนั้นข้าจึงจะปกป้องเขา"
ซ่งชิงอี้เหลือบมองผู้หญิงสามคนที่หมดสติบนพื้น จากนั้นเธอก็หันกลับมามองชูเหลียงอีกครั้ง สีหน้าของเธอยังเหมือนเดิม เธอยังคิดว่าเขาเป็นโรคจิต
"ข้าเพียงลองตรวจสอบดูว่าพวกเธอเป็นผีย้อมหนังแปลงกายมาหรือไม่ นี่เป็นเพียงผลข้างเคียงเล็กน้อยเท่านั้น" ชูเหลียงรีบอธิบาย
"พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน" เหยียนเสี่ยวหยู่พูดกับผู้คุ้มกันสองคนหลังจากนั้นเขาจึงถามอาจารย์ซ่ง "ท่านมาที่นี่เพราะเหตุใดหรือ"
"ข้าก็มาปกป้องเจ้าเช่นกัน" ซ่งชิงอี้ตอบ เธอยังสงสัยอยู่เธอจึงถามชูเหลียงต่อว่า "ท่านอยากทดสอบว่าพวกเธอเป็นผีย้อมหนังหรือไม่.. โดยการตีพวกเธอให้สลบแล้วดูว่าพวกเธอจะตอบโต้อย่างไรงั้นหรือ"
"..." ชูเหลียงสีหน้าหดหู่
...
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามา" เหยียนเสี่ยวหยู่ตะโกนด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง
"ท่านเหยียน.."
คราวนี้หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางอ่อนโยน เธอสวมชุดคลุมที่เรียบง่าย คิ้วของเธอสดใสและหน้าตาอ่อนโยนชวนหลงใหล
"รั่วอี้ ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที" เหยียนเสี่ยวหยู่กล่าว
ทันทีที่เขาเห็นผู้หญิงคนนั้น เขาก็จับจ้องไปที่เธอทันที ความตึงเครียดของเขาส่วนใหญ่หายไปแล้ว
รั่วอี้เดินมาช้าๆ และถามอย่างอ่อนหวาน “ข้ามาช้า หวังว่าท่านจะไม่โกรธข้า…”
“ข้าจะโกรธเจ้าลงได้อย่างไร พอข้าเห็นเจ้า... ความโกรธของข้าก็พลันหายไปทันที” เหยียนเสี่ยวหยู่พูดด้วยรอยยิ้มและจับหัวอย่างเขินอาย
"ข้ารู้ ท่านเป็นคนเดียวที่รักและหวังดีกับข้าจริงๆ ท่านไม่เหมือนพวกสารเลวเหล่านั้น"
รั่วอี้กล่าวขณะเดินมา
"เอ่อ..." เหยียนเสี่ยวหยู่กัดฟันและอึกอัก อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็ชี้ไปที่ที่นั่งด้านหลังหน้าฉากพับ "รั่วอี้ เจ้าไปนั่งตรงนั้น"
"อ๊ะ.." เธออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็หัวเราะ "ฮ่าฮ่า เหตุใดวันนี้ท่านแปลกจัง"
“ไม่ เอ่อ ข้าแค่อยากเห็นหน้าเจ้าจากด้านหน้า เพื่อที่ข้าจะได้เห็นความสวยของเจ้าได้ชัดเจนขึ้น” เหยียนเสี่ยวหยู่กล่าว
"เจ้าค่ะ" รั่วอี้กล่าวอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเธอกำลังเดิน เธอก็เอ่ยถามว่า "วันนี้มิใช่วันหยุด เหตุใดท่านไม่อยู่ที่สำนักเล่าเจ้าคะ"
"ข้าแค่.. รู้สึกไม่ดี"
เห็นได้ชัดว่าเหยียนเสี่ยวหยู่บอกไม่ได้ว่าเขาถูกทุบตีจนล้มระเนระนาดและอับอายที่จะกลับไป
..โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากผู้กระทํากําลังยืนอยู่หลังฉากพับ
"ท่านบอกว่าอาจารย์ซ่งอาจารย์คนใหม่ของสำนักของท่านสวยเพียงครึ่งหนึ่งของข้าและท่านยอมรับว่าท่านรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นเธอในชั้นเรียนทุกครั้ง แต่ท่านไม่อยากไปเยี่ยมเธอหรือ" รั่วอี้กล่าว "เป็นไปตามคาด ผู้ชายมักจะมองหาคนใหม่ๆ เสมอ"
"ไม่มีทาง..." เหยียนเสี่ยวหยู่นั่งตัวตรงทันที "รั่วอี้ อย่าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้เลย"
"เจ้าค่ะๆ " โรอี้ผ่อนคลายอีกครั้ง จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นบาดแผลที่ใบหน้าของเหยียนเสี่ยวหยู่ "ท่านเหยียน ท่านบาดเจ็บหรือ.. เกิดอะไรขึ้น ท่านทะเลาะกับคนอื่นอย่างนั้นหรือ"
"อืม.. คงเเป็นเช่นนั้น.." เหยียนเสี่ยวหยู่พูดตะกุกตะกัก
มันไม่ใช่การทะเลาะแต่เป็นการถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก
"ช่างปวดใจหรือเกินที่เห็นท่านบาดเจ็บเช่นนี้ แต่ข้าไม่เคยเห็นท่านเจ็บตัวมาก่อน" รั่วอี้กล่าว เธอจุกปากและพูดต่อว่า "คนที่ทําร้ายท่านนั้นชั่วร้ายมากสินะ ข้าขอสาปแช่งเขาแทนท่าน"
"ไม่ ไม่ ไม่" เหยียนเสี่ยวหยู่ตื่นตระหนกจนแทบจะเอามือปิดปากของรั่วอี้ "อย่าพูดเช่นนั้นเลย..."
"เจ้าค่ะ มันคงมิจำเป็น" รั่วอี้กล่าวต่อ "จนถึงตอนนี้ผู้ที่ทำเช่นนี้กับท่านคงต้องเจ็บปวดมาก ท่านพ่อของท่านคงสังการลงมือแล้ว ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเส้นผมของท่านต้องคุกเข่าขอโทษหรือไม่ก็ฆ่าพวกเขาทั้งโคตร มิฉะนั้นท่านพ่อของท่านคงจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป..."
"ไม่ไม่.." เหยียนเสี่ยวหยู่โบกมือปฏิเสธอย่างรีบร้อน "ทั้งโคตรอะไรกัน ครอบครัวข้าเป็นพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมายนะ.."
"เอ๋!" รั่วอี้พูดอย่างงุนงง
เหยียนเสี่ยวหยู่ดูเหมือนจะใจร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
จากนั้นเขาก็พูดกับเธอว่า "นี่อาจจะเจ็บนิดหน่อย อดทนไว้นะ"
โป๊ก!
เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นหลังจากนั้นเธอก็ล้มลง
ชูเหลียงและซ่งชิงอี้ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเธอตอนนี้ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง พวกเขายืนเคียงข้างกัน ยิ้มอย่างเย็นชา และมองหยานเสี่ยวหยู่เงียบๆ
เหยียนเสี่ยวหยู่ทำได้เพียงยิ้มตอบด้วยท่าทางไร้เดียงสา
ในช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจนี้ เสียงของการต่อสู้ดังขึ้นอีกครั้งนอกประตู ...
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คุ้มกันฝีมือดี 2 คนก็กลิ้งกระเด็นเข้ามาได้อย่างชำนาญ หลังจากนั้น พวกเขาก็ลุกขึ้นร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมประโยคที่คุ้นเคย "นายท่าน เขาพยายามบุกเข้ามา เราหยุดเขาไม่ได้"
"หยุดเขาไม่ได้.." เหยียนเสี่ยวหยู่พึมพํากับตัวเองแล้วพูดอย่างเฉียบขาด "พวกเจ้าเก็บของและออกไปจากที่นี่เสีย พรุ่งนี้อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก ถ้าจะให้ข้าแนะนำ ไปทำงานที่โรงเตี๊ยมเสีย กิจการของพวกเขาคงจะรุ่งแน่ๆ เพราะมีคนเข้ามาไม่หยุดเช่นนี้"