ตอนที่แล้วบทที่ 209 ล้างคอรอข้าก่อนเถอะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 211 เป็นข้าเองที่ไร้ความสามารถ

บทที่ 210 ฝ่ามือวัชระอมตะ


เติ้งอี้ชุน เฉิงหลง และคนอื่นๆ ต่างก็มีทีท่ามิแตกต่างจากเฉินจื่อหานเท่าใดนัก หรือบางคนอาจมากกว่านางเสียด้วยซ้ำไป

ดั่งเฉิงหลง ผู้มีความเกลียดชังต่อหยางเสี่ยวเทียนอยู่แล้ว มาบัดนี้ กลับยิ่งชิงชังมากขึ้นกว่าแต่ก่อนนัก

เพราะหลังจากที่อาจารย์เขาเจียงอวี๋กลับไป เขาก็ถูกขับออกจากสำนักในวันรุ่งขึ้น อีกทั้งผู้เป็นอาจารย์ ยังไม่ยอมปริปากบอกเหตุผล แม้นเขาจะพยายามร้องขออยู่หลายหนแล้วก็ตาม แต่กลับมิมีท่าทีเปลี่ยนใจถอดถอนคำสั่งนั้นของเจียงอวี๋ได้

แล้วเขา ผู้มีฐานะเป็นถึงองค์ชาย แต่กลับถูกขับออกจากสำนัก มันเป็นเรื่องน่าอับอายและอัปยศอย่างยิ่งของราชวงศ์

แม้แต่ผู้เป็นบิดาเขาเอง ก็ยังปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาราวกับมิใช่บุตรในช่วงนี้

“เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเจ้าผู้เดียว หยางเสี่ยวเทียน!” เฉิงหลงพึมพำขณะมือกำหมัดแน่นด้วยโทสะ

เพล้ง!

ยิ่งนึกถึง เขายิ่งเดือดดาลขว้างปาถ้วยชาในมือจนแตกละเอียด หากมิใช่เพราะหยางเสี่ยวเทียน เขาจะลงเอยอย่างน่าอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร

“หยางเสี่ยวเทียน เรามิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ หากมีข้าจะต้องไม่มีเจ้า!” เฉิงหลงคำรามด้วยความโกรธ ดวงตาพลันแดงก่ำอย่างใคร่สังหาร

“ครั้นถึงเวลาที่ต้องแข่งขันล่าสัตว์อสูร ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”

เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดว่าหยางเสี่ยวเทียนกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนัก เหล่าศิษย์จากสำนักต่างๆ รวมทั้งวิญญาจารย์ของตระกูลน้อยใหญ่ในอาณาจักรเสินไห่ ก็ต่างเร่งฝึกฝนกันอย่างบ้าคลั่ง

แม้แต่ศิษย์หลายคนที่กำลังรอลงทะเบียนการแข่งขันระดับสำนักครั้งต่อไป ก็พานเปลี่ยนความคิดพวกตนทันที ด้วยผลกระทบจากหยางเสี่ยวเทียน ทุกคนต่างตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้เช่นกัน

เหล่าผู้อาวุโสของสำนักและตระกูลน้อยใหญ่ ต่างรู้สึกประหลาดใจที่เห็นศิษย์ของพวกตน หมั่นฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งทั้งวันทั้งคืนผิดแปลกไปจากปกติ จึงล้วนรู้สึกดีใจแลชื่นชมกันเล็กน้อย

ก่อนที่ไม่ช้า พวกเขาจะทันคิดได้ว่าเหตุไฉนศิษย์ของพวกตนจึงเพียรฝึกฝนกันอย่างบ้าระห่ำเช่นนี้

อีกด้านหนึ่ง หยางเสี่ยวเทียนก็ยังคงหมั่นฝึกฝนเพลงกระบี่ตงเทียน เพลงกระบี่นับร้อย และบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่มอย่างยิ่งยวด โดยมิได้ออกจากจวนไปไหนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม หลังจากฝึกฝนทักษะระดับมหาจอมเวทย์หมื่นปรานกระบี่จนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว หยางเสี่ยวเทียน ก็เริ่มฝึกฝนทักษะมหาจอมเวทย์อันดับที่สอง นั่นคือ ฝ่ามือวัชระอมตะ

ฝ่ามือวัชระอมตะนี้ ว่ากันว่าทำลายไม่ได้ หากผู้ใดฝึกฝนทักษะนี้จนบรรลุขั้นวรยุทธไร้เทียมทานสำเร็จ ด้วยฝ่ามือเดียว แม้แต่ภูเขาขนาดใหญ่ก็สามารถระเบิดเป็นผงได้

ยิ่งไปกว่านั้น หากรอยมือได้ประทับลงสู่พื้น พลังอำนาจของมันจะไม่สลายไปนานหลายปี ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวขานว่าเป็นอมตะ

หยางเสี่ยวเทียนมุ่งมั่นอ่านคัมภีร์ฝ่ามือวัชระอมตะตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดถึงสองหน ครามั่นใจ เขาก็เริ่มโคจรปราณแท้ตามคำชี้แนะที่ได้เขียนอธิบายไว้ในคัมภีร์ จากนั้นจึงผายฝ่ามือ ผลักออกไปเบื้องหน้าตนทันที

ภายใต้แรงผลักจากฝ่ามือ ปรากฏเป็นภาพธรรมของรอยฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่ กลางอากาศตรงหน้า

ครั้นภาพธรรมจากรอยฝ่ามือนี้ปรากฏขึ้น มันก็ดูเหมือนจะประทับอยู่กลางอากาศ ไม่สลายหายง่ายๆ และยังคงนิ่งอยู่เป็นเวลานาน

เมื่อประสบว่ามันเห็นผล ร่างกายหยางเสี่ยวเทียนก็เริ่มไหวสั่นด้วยตื่นเต้น ก่อนจากนั้น เขาจะส่งฝ่ามือพุ่งออกไปเบื้องหน้าอีกหน

แรงผลักจากฝ่ามือครานี้ มันเร็วขึ้น แข็งแกร่งขึ้น แสงสีทองก็สว่างรุ่งโรจน์ขึ้นกว่าเดิมนัก

จากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็หมั่นฝึกฝนมันอยู่นานหลายวัน จนเกิดชั้นแสงสีทองปรากฏขึ้นทั่วกายเขา เบื้องหลัง ก็มีภาพธรรมขนาดใหญ่ของพระโพธิสัตว์ประจักษ์ขึ้น

เมื่อภาพธรรมของพระโพธิสัตว์ปรากฏขึ้น นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขา ได้ฝึกมันจนบรรลุถึงขั้นวรยุทธไร้เทียมทานสำเร็จแล้ว

หลังเห็นว่าตนฝึกฝนทักษะ “ฝ่ามือวัชระอมตะ” จนประสบความสำเร็จแล้ว หยางเสี่ยวเทียนจึงเริ่มฝึกฝนทักษะระดับมหาจอมเวทย์ลำดับที่สาม “มังกรคำราม”

ทักษะมังกรคำราม ไม่ใช่เพลงกระบี่ ทักษะการผนึกฝ่ามือหรือเพลงหมัดมวย แต่เป็นพลังเสียงที่มีมนต์ขลังสูงสุด

ทักษะมังกรคำราม จริงๆ แล้วเป็นพลังเวทย์ระดับมหาจอมเวทย์ของเผ่ามังกร โดยส่วนใหญ่จะใช้พลังของการโคจรปราณแท้ ส่งมันผ่านปากกระจายออกเป็นเสียงเพื่อทำการโจมตี

เดิมที มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่คิดจะฝึกฝนทักษะมังกรคำรามให้สำเร็จได้ แต่เมื่อหยางเสี่ยวเทียนฝึกฝนปราณแท้มังกรอยู่แล้ว มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา

หยางเสี่ยวเทียนยืนอยู่กลางลานฝึก พร้อมเริ่มโคจรปราณแท้อีกครั้ง ก่อนอ้าปากเปล่งเสียงร้อง ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามของมังกรก็ดังออกจากปากเขา กลายเป็นคลื่นเสียงสิบระดับ ระเบิดดังในความว่างเปล่า

นอกเหนือจากการฝึกฝนพลังเวทย์ ระดับมหาจอมเวทย์ทั้งสิบเอ็ดที่เฉาชุ่นทิ้งไว้แล้ว หยางเสี่ยวเทียนยังจัดสรรเวลาบางช่วงหลอมโอสถ และขัดเกลาอาวุธวิญญาณอย่างกระบี่นับร้อย จนอยู่ในขั้นมหาสมบัติ

ในเวลาเดียวกัน เขายังได้ขัดเกลาอาวุธวิญญาณอย่างชุดเกราะขั้นมหาสมบัติสำหรับหลัวชิง หลิวอัน เลี่ยวคุน และคนอื่นๆ มอบให้แต่ละคนสวมป้องกันตนเอง

และทุกๆ วัน เขายังใช้เวลาอยู่กับผู้เป็นบิดามารดาด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไปหนึ่งเดือน สมุนไพรสำหรับใช้หลอมโอสถเก้าหยาง ก็ถูกใช้หมดไปนานแล้ว

ดังนั้น หยางเสี่ยวเทียนจึงขอให้หลัวชิง เลี่ยวคุนและจางจิงหรงออกเดินทางไปยังอาณาจักรโดยรอบเพื่อหาซื้อวัสดุยา

แต่หลังจากสิบวันต่อมา หลัวชิง เลี่ยวคุนพร้อมจางจิงหรง ต่างกลับมากันอย่างนองเลือด ทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะหลัวชิง ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด จนกระทั่งเลี่ยวคุนและจางจิงหรงถึงกับต้องช่วยกันพยุงร่างเขากลับมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด