บทที่ 18 : โอกาสของลู่หยู, ความลับของดวงดาราแห่งจักรวาล!
บทที่ 18 : โอกาสของลู่หยู, ความลับของดวงดาราแห่งจักรวาล!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เวลามากกว่าหนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา
ในช่วงเวลานี้คฤหาสน์ราชาลู่มีการพัฒนากันอย่างเเข็งเเกร่ง
ด้วยทรัพยากรมากมายจากสามตระกูลใหญ่, ความแข็งแกร่งโดยรวมของคฤหาสน์จึงดีขึ้นไปอีกขั้น
วันนี้ผู้อาวุโสหลักหกในเก้าคนได้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำแล้ว
ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดที่มีกายาสมบัติทองคำโบราณก็ได้เข้าถึงอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำขั้นที่เก้าเเล้ว
ส่วนคนในตระกูลอื่นๆ, ก็มีระดับความก้าวหน้าที่แตกต่างกันไปเช่นกัน
แน่นอนว่าผู้ที่พัฒนาได้เร็วที่สุดคือลู่ชิงซวนและหลิงซีเยว่
หลังจากการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ ลู่ชิงซวนได้ทะลุทะลวงเข้าสู่อาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่สี่
หลิงซีเยว่บุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่สอง และความเร็วในการพัฒนาของเธอก็ไม่ได้ห่างจากลู่ชิงซวนมากนัก
สำหรับลู่หยูและลู่เจียนเฉิน, อัจฉริยะทั้งสองที่ลู่ชิงซวนใส่ใจมากที่สุด
พวกเขาก็ใช้ความอุตสาหะเพื่อปรับปรุงการฝึกฝนของพวกเขาเช่นกัน
ลู่หยู รู้สึกว่าเขาไม่มีประสบการณ์ในทางปฏิบัติมากพอ
เขาจึงออกจากตระกูลเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วและไปที่ภูเขาศิลาดำเพื่อค้นหาสัตว์อสูรที่จะสามารถต่อสู้เพื่อฝึกฝนได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะออกไป
ภายใต้คำแนะนำล่วงหน้าของลู่ชิงซวน, ผู้อาวุโสหลักได้มอบไพ่ตายที่ช่วยชีวิตอีกฝ่ายเผื่อไว้
ท้ายที่สุดเมื่ออัจฉริยะนี้ได้รับบาดเจ็บ, คฤหาสน์ราชาลู่จะต้องสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน
สำหรับลู่เจียนเฉิน
นับตั้งแต่เขาได้รับดาบหักเล่มนั้น เขาได้ทำงานที่คฤหาสน์ราชาลู่อย่างหนักเพื่อรับคะแนนการบริจาคของตระกูลเเละนำไปแลกกับสมบัติระดับต่างๆ
………
คฤหาสน์ราชาลู่
ณ ลานบ้านของลู่เจียนเฉิน
ในขณะนี้, ลู่เจียนเฉินเพิ่งป้อนสมบัติระดับปฐพีให้กับดาบหักเล่มนั้น และทันใดนั้นพลังของดาบหักก็พุ่งทะยานสูงขึ้นทันที
นับตั้งแต่ที่เขาได้รับสมบัติระดับสูงหลายชิ้นเป็นของขวัญจากลู่ชิงซวน, เขาก็มอบพวกมันทั้งหมดให้กับดาบหักเล่มนี้
เเละดาบหักก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง
พลังของมันถูกอัพเกรดเป็นสมบัติระดับสวรรค์ทันที, ทำให้ตอนนี้มันมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นเมื่อเขาใช้มัน
อย่างไรก็ตาม ในยามที่เขายังคงให้อาหารมันต่อไปในเดือนนี้
ลู่เจียนเฉินรู้สึกว่าด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในปัจจุบัน, การควบคุมดาบหักระดับสวรรค์เริ่มเป็นเรื่องยากเล็กน้อย
เพราะพลังวิญญาณในร่างกายของเขาไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้ใช้ดาบหักอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้เป็นเวลานาน
ดังนั้น, เขาจึงวางแผนที่จะปรับปรุงระดับพลังยุทธ์ของเขาก่อน จากนั้นจึงออกไปรับงานเพื่อแลกกับสมบัติและนำมาหล่อเลี้ยงดาบหักเล่มนี้
เมื่อตัดสินใจแล้ว เขาก็หยิบยารากฐานเต๋าออกมาทันที
กลืนมันลงไปก่อนที่จะค่อยๆหลับตาเพื่อเริ่มฝึกฝน
………..
อีกด้านหนึ่ง
ที่ภูเขาศิลาดำ
ตั้งแต่ที่ลู่หยูออกจากคฤหาสน์ราชาลู่
เขาก็ได้มาที่นี่เเละมองหาศัตรูที่เป็นสัตว์อสูรในแถบตีนภูเขาศิลาดำ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้ที่แท้จริงให้แก่เขา
ในป่าทึบ ณ ขณะนี้
ลู่หยูกำลังต่อสู้กับหมาป่าฟ้าคำรามสีเงินในอาณาจักรพระราชวังสีม่วง
ปีกแห่งแสงลึกลับของเขากำลังเคลื่อนไปรอบๆหมัดที่เร็วราวกับสายฟ้าฟาด
บูมมม!
หมัดที่น่าสะพรึงกลัวได้สังหารหมาป่าฟ้าคำรามสีเงินขนาดสิบฟุตก่อนที่มันจะนอนกองไปอยู่กับพื้น
ลู่หยูล้มลงและเปิดใช้งานผลึกลึกลับที่อยู่ในร่างของเขาเพื่อดึงส่วนหนึ่งของแก่นแท้ชีวิตออกมาฟื้นฟูพลังงานทางกายภาพที่สูญเสียไป
จากนั้นเวลาเพียงชั่วครู่ ลู่หยูก็สามารถฟื้นคืนพลังงานที่ใช้ไปได้
เเละลู่หยูผู้ซึ่งเต็มไปด้วยพละกำลังวังชาก็เดินไปหาศพของสัตว์อสูรที่พึ่งตาย
พรึ่บ!
ลู่หยูหยิบดาบวิญญาณออกมาแล้วแยกชิ้นส่วนหมาป่าฟ้าคำรามสีเงินออก
จนในที่สุดมันก็เผยให้เห็นแกนอสูร
เขาคว้าแกนอสูรด้วยมือก่อนที่จะเก็บมันไป
"หืมม?!"
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้มันมีวัตถุแปลกๆปรากฏอยู่ในร่างกายของหมาป่าฟ้าคำรามสีเงิน
เเละมันคือแผ่นหินรูปสามเหลี่ยมขนาดเกือบเก้านิ้ว ทั้งยังเรืองแสงเรืองรองดูล้ำค่าออกมา
ลู่หยูหยิบมันออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนที่จะขัดๆถูๆให้มันสะอาด
ตรงกลางแผ่นหินรูปสามเหลี่ยมนี้มีอักขระห้าตัวเขียนว่า
"แผนภูมิจักรวาลและดวงดาว"
ที่มุมทั้งสามด้านจะมีลวดลายเป็นร่างมนุษย์
เเละมีจุดฝังเข็มสามสิบหกจุดถูกทำเครื่องหมายไว้บนรูปคล้ายกับจุดลมปราณของมนุษย์
“นี่เป็นวิธีฝึกฝนงั้นเหรอ?”
เมื่อมองดูแผ่นหินสามเหลี่ยมที่ทำจากวัสดุที่ไม่รู้จัก, ลู่หยูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะคาดเดา
ทันใดนั้นเขาก็พลิกแผ่นหินสามเหลี่ยมอีกครั้ง
หลังจากเช็ดพื้นผิวให้สะอาดแล้ว ข้อความก็ปรากฏขึ้นบนนั้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ลู่หยูก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและเริ่มศึกษามันทันที
เมื่อยิ่งศึกษามากขึ้น, ใบหน้าของลู่หยูก็ค่อยๆตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมงเต็ม ลู่หยูก็มั่นใจว่านี่เป็นทักษะการฝึกฝนที่เรียกว่า "กายาแห่งจักรวาล"
และมันยังเป็นทักษะการฝึกร่างกายที่หายากทั้งเต็มไปด้วยความพิเศษ
ตามคำอธิบายข้างต้น ตราบใดที่เขาติดตามตามการกระจายตัวของจุดและดวงดาราทั้งสามรูปแบบเพื่อรับพลังจากดวงดาว
จากนั้นจะสามารถปรับสภาพร่างกายเเละกล้ามเนื้อของเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ตราบใดที่สามารถเปิดจุดลมปราณได้หนึ่งร้อยแปดจุด และสามารถรวมพลังดวงดาวได้หนึ่งร้อยแปดดวงเข้าจุดลมปราณได้
แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะถูกเขาทำลายได้ด้วยมือเปล่า
เมื่อเห็นทักษะการฝึกร่างกายที่ทรงพลังเช่นนี้, ลู่หยูก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและตื่นเต้น
เขาไม่สามารถจินตนาการถึงแนวคิดในการบดขยี้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยมือเปล่าหลังจากที่ฝึกฝนจนถึงระดับความสมบูรณ์แบบ
แม้ว่าทักษะ "กายาเเห่งจักรวาล" นี้จะไม่ได้ระบุระดับที่ชัดเจน
แต่ลู่หยูก็มั่นใจได้ว่าอย่างน้อยมันก็ไม่ต่ำกว่าทักษะระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุด
เพราะมีเเต่ทักษะระดับจักรพรรดิเหล่านั้นที่เมื่อได้รับการฝึกฝนจนสมบูรณ์แบบถึงจะสามารถบดขยี้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยมือเปล่า
อย่างไรก็ตาม, มันยังมีข้อจำกัดที่จำเป็นในการฝึกทักษะนี้
ตามบันทึกข้างต้น, หากความแข็งแกร่งทางกายภาพไม่ได้รับการฝึกฝนจนถึงจุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ฝึกตนในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงได้
มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเริ่มฝึกฝนวิชานี้
อย่างไรก็ตาม, ลู่หยูได้ฝึกทักษะประตูภายในทั้งแปดจนถึงขั้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น, ร่างกายในปัจจุบันของเขาจึงเพียงพอที่จะแข่งขันกับผู้ฝึกตนในอาณาจักรพระราชวังสีม่วง
เเละนี่ยังแสดงให้เห็นว่าเขาก็มีคุณสมบัติที่จะเริ่มฝึกฝนทักษะนี้ได้เเล้ว
ลู่หยูรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อนึกถึงสิ่งนี้
เขาไม่คาดคิดว่าโชคของเขาจะเหลือเชื่อถึงขนาดที่เขาจะได้รับโอกาสเช่นนี้ในร่างของสัตว์อสูรธรรมดาๆ
เดิมทีเขาวางแผนที่จะฝึกฝนทักษะระดับสวรรค์ขั้นสูง "กายาสวรรค์เก้าการปฏิวัติ" หลังจากที่เขาฝึกทักษะประตูภายในทั้งแปดให้ถึงระดับสมบูรณ์แบบ
แต่ตอนนี้, เมื่อเขาได้รับทักษะที่ดูเหนือธรรมชาตินี้มา, ลู่หยูก็วางแผนที่จะฝึกฝน "กายาเเห่งจักรวาล" นี้เเทน
เเละตามคำบอกจากแผ่นหิน, ทักษะนี้แบ่งออกเป็นเก้าระดับหรือที่เรียกว่าเก้าอาณาจักร
จากต่ำไปสูงมีเก้าระดับ: เทียนชู, เทียนซวน, เทียนจี, เทียนชวน, หยูเหิง, ไคหยาง, เหยากวาง, ตงหมิงและ ยินหยวน
ทุกครั้งที่เปิดจุดลมปราณ 12 จุดและมีดวงดารา 12 ดวงควบแน่นอยู่ในจุดลมปราณ, ผู้ฝึกก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับถัดไปได้
หลังจากนั้นโดยไม่ลังเล
ลู่หยูก็ค้นหาถ้ำที่ใช้พักพิงเป็นการชั่วคราว
เขาหยิบแผ่นค่ายกลออกมาจัดค่ายกลการป้องกัน จากนั้นจึงเริ่มฝึกฝน
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาลู่หยูขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะเขาพบว่าเขาแทบจะไม่สามารถดึงพลังของดวงดาวในระหว่างวันได้
ดังนั้นการฝึกวิชาที่ใช้พลังเเห่งดวงดาวเป็นรากฐานจึงไม่ได้ผล
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องรอจนถึงกลางคืนเท่านั้นสินะ, ถึงจะสามารถควบคุมพลังของดวงดาวเพื่อฝึกฝนทักษะนี้ได้”
ลู่หยูแอบพึมพำกับตัวเอง และระงับความปรารถนาที่จะฝึกฝนทักษะนี้อย่างกระตือรือร้น
เขาทำการเก็บแผ่นหินสามเหลี่ยมอย่างระมัดระวัง
จากนั้นข้าก็ออกจากถ้ำที่เป็นที่พพำนัก, และมองหาสัตว์อสูรตัวอื่นเพื่อประลองฝีมือต่อไป
………………….