บทที่ 144 เสริมสร้างการเปลี่ยนแปลง
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 144 เสริมสร้างการเปลี่ยนแปลง
ใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ในการเดินทางไปมาระหว่างสหรัฐอเมริกาและบราซิล หลังจากส่งเสบียงเพียงพอที่จะคงสภาพฐานที่ 2 เป็นระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดซุนเฉิงก็หยุดตารางงานที่ยุ่งของเขาชั่วคราวและกลับไปฐานที่ 1
“... มันลำบากมากเลยแฮะ มีโรงไฟฟ้าเพียงไม่กี่แห่งในบราซิลที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่าสี่ล้านกิโลวัตต์...”
ฐานที่ 2 ตั้งอยู่ในบราซิล ซุนเฉิงคิดว่ามหาอำนาจแห่งอเมริกาใต้นี้เป็นที่เหมาะสมมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิดถึงการซื้อหรือการสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นใหม่ในประเทศ
อุปกรณ์พลังงานสามารถเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าให้เป็นของเหลวพลังงานที่มีความบริสุทธิ์สูง แม้จะมีน้ำหนักเพียงสองตันเศษเมื่อรวมกัน แต่ประสิทธิภาพของมันก็น่าทึ่ง ทว่าโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตติดตั้งต่ำกว่าสี่ล้านกิโลวัตต์จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้
แต่ถึงบราซิลจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีอิทธิพลทั่วโลก ทว่ามันก็มีตัวเลือกที่จำกัดเมื่อพูดถึงเรื่องโรงไฟฟ้า
ในฐานะประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ บราซิลเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่มีทรัพยากรแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ แต่ยังมีแม่น้ำอเมซอน ซึ่งเป็นสิ่งงดงามและของขวัญจากธรรมชาติ
ในฐานะหนึ่งในประเทศอุตสาหกรรมเกิดใหม่ บราซิลมีการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากต่อปี แต่ประเทศพึ่งพาการพัฒนาพลังงานน้ำอย่างกว้างขวางเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก
แต่ทว่า นี่ก็สร้างความยากลำบากให้เขามากที่สุดเช่นกัน
ซุนเฉิงดึงนิ้วออกจากปลั๊กเซิร์ฟเวอร์ และเริ่มครุ่นคิดด้วยคิ้วขมวดเล็กน้อย
บราซิลมีสถานีไฟฟ้าพลังน้ำและพลังงานความร้อนกว่าสองพันแห่ง แต่พวกมันส่วนใหญ่เป็นแค่สิ่งอำนวยความสะดวกขนาดเล็กที่แทบจะไม่ตอบสนองความต้องการไฟฟ้าของภูมิภาคของมันเองเลยด้วยซ้ำ ส่วนทางซุนเฉิงต้องการสถานีพลังงานไฟฟ้าเพียงหกแห่งเท่านั้น
ซึ่งซุนเฉิงก็เพิ่งตระหนักได้ ว่าการได้มาซึ่งโรงไฟฟ้าทั้งหกแห่งนี้เป็นงานที่โหดหินอย่างยิ่ง
"ผู้ประกอบการสองรายแรกมาจากสหรัฐอเมริกา รายที่สามเป็นการร่วมทุนระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา รายที่ 4 มาจากร่วมทุนระหว่างญี่ปุ่นสหรัฐอเมริกาและบราซิล รายที่ 5การร่วมทุนระหว่างจีนและบราซิล และรายที่ 6 มาจากการดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจของบราซิล..."
จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำหกแห่ง หนึ่งในนั้นยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้ซุนเฉิงยากที่จะเข้าไปมีบทบาทในโรงไฟฟ้าเหล่านี้ได้
โรงไฟฟ้าขนาดนี้ถือเป็นโครงการระดับชาติในทุกประเทศ น่าเสียดายที่ด้วยสัมปทานที่ผ่านมาของประธานาธิบดีบราซิลหลายคนในอดีต ผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับความสำเร็จทางการเมืองมากกว่าเงินทุน บริษัทต่างชาติขนาดยักษ์จำนวนมากจึงได้เข้ามาแทรงแซงในตลาดพลังงานของบราซิล
ช่างโชคร้ายที่มันมีการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างหน่วยงานทางเศรษฐกิจระดับประเทศ ทำให้ซุนเฉิงตัดสินใจได้ยาก เขาไม่แน่ใจเลยว่าจะต้องลงมือเช่นไร
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องพิจารณาใหม่อีกครั้ง ไปเลือกสถานีไฟฟ้าที่เล็กกว่าสักหน่อยแทน...”
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ส่ายหัวและตัดสินใจชั่วคราว
เมื่อกลับมาจากบราซิล ซุนเฉิงก็แยกตัวออกจากฐานทัพกลายเป็นคนบ้างาน
ไม่ใช่ว่าเขาต้องการวิถีชีวิตเช่นนี้ แต่การเข้ามาของยานพาหนะเรดาร์ตรวจตราภาคพื้นดินและยานพาหนะเรดาร์ป้องกันทางอากาศหลายคันที่เป็นของกองทัพสหรัฐในโคโลราโด ทำให้เขาต้องเก็บตัวเงียบ
รัฐบาลสหรัฐดูเหมือนจะหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ กับดีเซปติคอนเหล่านี้ที่อาจซ่อนตัวอยู่ภายในพรมแดนของพวกเขา แม้จะมีการเฝ้าระวังดาวเทียมบนท้องฟ้าและการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นในฐานทัพทหาร แต่พวกเขาก็ได้ใช้ยานเรดาร์ตรวจการณ์ภาคพื้นดินและยานเรดาร์ป้องกันทางอากาศจำนวนมากทั่วประเทศเพื่อการสแกนที่ครอบคลุม
แม้ว่าพวกมันอาจจะโผล่มาเพียงแวบเดียว แต่ซุนเฉิงก็ต้องอยู่ที่ฐานทัพชั่วคราว เพราะรัศมีการสแกนของยานพาหนะเรดาร์เหล่านี้มันกว้างมาก เขาจึงไม่มีแผนที่จะออกไปข้างนอกในขณะนี้
ทว่ามันมีเหตุผลมากกว่าหนึ่งข้อที่บังคับให้เขาอยู่ที่นี่และกลายเป็นคนสันโดษ อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือความตั้งใจของเขาที่จะอัปเกรดระบบพลังงานของเขา!
ในส่วนลึกของฐานที่ 1 ภายในห้องปฏิบัติการ 2...
ซุนเฉิงเปลี่ยนร่างกลับเป็นหุ่นโดรนของเขา และนอนเงียบ ๆ ในห้องปฏิบัติการ
รอบ ๆ ตัวเขามีวิศวกรดีเซปติคอนหกคนและสไปร์เดอร์ประมาณสิบตัว ดูคึกคักยิ่ง
"นายท่าน ระบบพลังงานนี้เป็นการปรับปรุงที่เราทำขึ้นตามระบบพลังงานของยานอวกาศ แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังเป็นระบบพลังงานที่น่าพอใช้ได้... "
นอกจากเขาแล้ว แอตลาสยังสั่งให้วิศวกรสองสามคนติดตั้งระบบพลังงานสีขาวเงินลงในตัวจักรกลของซุนเฉิง พร้อมกับยังใช้โอกาสนี้อธิบายข้อมูลโดยละเอียดของระบบพลังงานนี้ให้เขาฟัง
“...เราเรียกระบบพลังงานนี้ว่า 'สตอร์ม' หลังจากติดตั้งแล้ว ความเร็วของท่านจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 มัค และความสามารถในการรับน้ำหนักของท่านจะเพิ่มขึ้นอีก 1.8 ตัน...”
"ยอดเยี่ยมมาก..."
ซุนเฉิงพูดด้วยความพึงพอใจ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
สำหรับดีเซปติคอน การวิวัฒนาการเป็นเรื่องยาก เนื่องจาก ออลสปาร์คในตำนานอยู่ไกลเกินเอื้อม แถมตอนนี้มันได้ถูกทำลายไปแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับความยากของการวิวัฒนาการแล้ว การเสริมสร้างร่างกายจักรกลของพวกเขานั้นมันยุ่งยากน้อยกว่า ทว่าก็ไม่ได้ง่ายเลย
ในอดีต ซุนเฉิงมีความคิดที่จะเสริมสร้างร่างกายจักรกลของเขาเอง แต่เขาขาดเทคโนโลยีที่จำเป็น และสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย
ตอนนี้ เขาสามารถอัปเกรดตัวเขาได้แล้ว เพราะเขามียานอวกาศอารยธรรมพรีเดเตอร์ที่เขาต้องการเพื่อการค้นคว้าและเขายังได้รับทีมดีเซปติคอนอีกทีมที่พร้อมรับใช้เขา ในที่สุดเขาก็สามารถยกระดับร่างกายจักรกลของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและเพิ่มความสามารถของตัวเองได้
เมื่อเห็นเขาอารมณ์ดี แอตลาสก็ลังเลอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด "นายท่าน พวกเรายังไม่มีความคืบหน้ามากนักในการวิจัยเกี่ยวกับร่างกายกลของแจ๊ส เทคโนโลยีหลายอย่างที่ออโต้บอตส์ใช้แตกต่างจากเทคโนโลยีดีเซปติคอนของเรา เรายังไม่สามารถหาแกนหลักของเขาได้ ซึ่งทำให้เราไม่สามารถแยกสปาร์คของเขาได้อย่างเต็มที่"
เมื่อได้ยินการกล่าวถึงแจ๊ส ความสุขของซุนเฉิงก็หายไปอย่างกะทันหัน เสียงของเขาดังขึ้นมา
"เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นไปค้นคว้ากันก่อนเถอะ... "
เมื่อไม่นานมานี้สถานการณ์ภายนอกเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ และความต้องการร่างจักรกลใหม่ที่ทรงพลังของเขาเริ่มกดดันเขา
ทว่าแอตลาสไม่สามารถเร่งรีบได้ แม้ว่าซุนเฉิงจะยังคงศึกษาช่วยอยู่ แต่เขาก็เข้าใจดีว่าการทำอะไรแบบนี้ มันไม่อาจทำได้ด้วยความรีบร้อน
ครั้งนี้ การอัปเกรดเป็นร่างกายจักรกลของเขามีมากกว่าแค่เรื่องระบบพลังงานเท่านั้น
นอกจากนี้ พวกเขายังมีวิศวกรหมายเลข 1 ที่มีอาวุธพลาสม่าที่สร้างแบบมาจากการออกแบบของพรีเดเตอร์ พวกเขาได้พัฒนาปืนใหญ่พลาสม่าใหม่ ซึ่งมีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ยังมีการใช้พลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งพวกเขายังทำการปรับเปลี่ยนและพัฒนาปืนใหญ่วัลแคนดั้งเดิมของซุนเฉิงด้วย
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดใช้เวลาสองวันจึงจะเสร็จสมบูรณ์!
ภายในห้องปฏิบัติการพร้อมกับการเตือนความจำจากแอตลาส ซุนเฉิงที่กระตือรือร้นอยู่แล้วก็กระโดดขึ้นไป ข้อต่อโลหะในตัวจักรกลของเขาส่งเสียงกรอบแกรบในขณะที่เขาเปลี่ยนกลับเป็นร่างหุ่นยนต์อย่างรวดเร็ว
"....รู้สึกดีชะมัดยาก..."
ขณะคิด ข้อต่อในมือขวาของเขาดิ้นและเปลี่ยนรูปทันที ในไม่ช้าเขาก็มีปืนใหญ่ลำกล้องสั้นขนาด 100 มม.ขนาดเล็กอยู่ในมือ เขาเล็งไปข้างหน้าและใช้เวลาสักครู่เพื่อเหนี่ยวไกออกไป
เขาต้องการทดสอบประสิทธิภาพของร่างกายกลไกที่ปรับแต่งใหม่ของเขา เนื่องจากถูกกักขังอยู่ที่ฐานทัพใต้ดิน เปรียบเหมือนฮิคิโคโมริ มันจึงทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายยิ่ง
ซุนเฉิงตรวจสอบร่างกายจักรกลของเขากับแกนหลักอย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาที่ซ่อนอยู่ หลังจากนั้น เขาก็สั่งการแอตลาสทันทีและเขาได้รีบเดินทางออกไปผ่านทางซ่อนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในฐานทัพ หลังพุ่งขึ้นไปบนฟ้าแล้ว เขาก็บินขึ้นไปในอากาศและในไม่ช้า ตัวเขาก็ได้เลือนหายไปจากสายตา