ตอนที่ 254 ล้างแค้น
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าพวกคุณจะไม่สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่าที่ฉันคิดไว้”
“เอาล่ะ ฉันว่าการพูดคุยระหว่างพวกเราก็ควรจะจบลงเท่านี้”
เมื่อเห็นชายชราสามคนเปลี่ยนสีหน้าทันที ซูเหวิน ก็ยิ้มเยาะ และขี้เกียจที่จะพูดคุยต่อ เขาจึงลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะจากไป
ก่อนจากไปเขายังไม่ลืมหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ไม่ต้องกังวล นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ยังมีเรื่องสนุกอีกมาก มีอะไรต้องเร่งรีบด้วย?”
หลังจากพูดจบ เขาก็จากออกไปจริงๆ
แต่คำพูดของเขากลับทำให้ ฉี เหยียนเจิง และฉีเซี่ยว รู้สึกสั่นสะท้าน
ความรู้สึกหวาดกลัวเกิดขึ้นทันทีในใจ มันราวกับพวกเขากำลังถูกยมทูตจับจ้องมอง…
แผนเดิมของพวกเขาคือใช้ความน่าเชื่อถือของทั้งสามตระกูล เพื่อบังคับให้ ซูเหวิน ยุติสงคราม
ในขณะเดียวกันก็บังคับให้เขาหยุดโจมตีทางสื่อเกี่ยวกับ ฮุยหาว กรุ๊ป ด้วย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนนี้ไม่เพียงแต่จะล้มเหลว แต่ยังทำให้ ซูเหวิน โกรธมากขึ้นอีกด้วย
ความกดดันอันใหญ่หลวงครอบคลุมหัวใจของพวกเขาในทันที
แต่ ซูเหวิน ไม่สนใจว่าพวกเขาจะหวาดกลัวแค่ไหน
ตระกูลฉี เป็นผู้ที่ต้องการฆ่าเขาก่อน แล้วทำไมเขาต้องใจดีด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้น ชายชราสองคนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นผู้วางแผนส่งนักฆ่ามาสังหารเขา
ก่อนหน้านี้เขารู้แค่ว่าเป็นฝีมือของ ตระกูลฉี แต่เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใคร
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาย่อมรู้ว่าเป้าหมายของการลอบสังหารที่แน่นอนแล้วว่าเป็นใคร
ด้วยความคิดนี้ การดำเนินแผนการก็ยิ่งจะสะดวก และง่ายขึ้น
เขาสั่งให้ เฉินซง ติดตาม ฉี เหยียนเจิง และฉีเซี่ยว
สอดส่องการเคลื่อนไหวของพวกเขาตระกูลฉีในเมืองม่อ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่ มันจึงดูสะดวกที่จะลงมือ แต่ถ้าพวกเขากลับไปเมืองตี้ เขาจะตัดสินใจส่งคนไปลอบสังหารที่นั่น
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ.. ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น ฉี เหยียนเจิง และฉีเซี่ยว พวกเขารีบกลับไปที่เมืองตี้ทันที
ความเร็วนั้น.. รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อ เฉินซง กลับมารายงานข่าวนี้ ซูเหวิน ก็ประหลาดใจ
แต่ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจได้ว่าทำไม
พวกเขาคงกลัวว่าจะถูกลอบสังหารในคืนนี้หากพวกเขายังอยู่ในเมืองม่อต่อไป ดังนั้นจึงต้องรีบกลับไป
ซูเหวิน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
พระหนีได้ แต่จะหนีวัดได้หรือ?(1)
และคิดว่ามันจะจบด้วยการหนีไปงั้นหรือ?
คิดแล้วเขาก็เรียก เฉินซง และบอดี้การ์ดอีกสิบคนมา
ให้พวกเขาจัดตั้งทีมลอบสังหารขึ้นทันที และไปที่เมืองตี้
พร้อมกันนั้นเขาได้สั่งให้พวกเขาจับตาดู ฉี เหยียนเจิง และฉีเซี่ยว ไว้ และทำการลงมือในเวลาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหนีออกนอกประเทศ
เฉินซง และบอดี้การ์ด รู้ถึงภารกิจนี้ก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงไม่มีใครประหลาดใจ
ดังนั้นในช่วงบ่ายวันนั้น พวกเขาก็ออกเดินทางไปเมืองตี้
ในขณะเดียวกัน การโจมตี ฮุยหาว กรุ๊ป ในเมืองม่อก็ยังคงดำเนินต่อไป Worster Group ไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น
ข่าวเสียหายเกี่ยวกับ ฮุยหาว กรุ๊ป บนอินเทอร์เน็ตแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ชื่อเสียงของบริษัทลดลงอย่างมากในช่วงเวลาไม่กี่วัน
ความเสียหายนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นกำลังจะมาถึง
เพียงสองวันต่อมา ตระกูลฉี เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ฉี เหยียนเจิง หัวหน้าตระกูล และฉีเซี่ยว รองหัวหน้าตระกูล ตายอย่างปริศนา
ตระกูลฉี ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย คนในตระกูลต่างตื่นตระหนก และรู้สึกหวาดกลัว
เช้าวันถัดมา หลังจาก ซูเหวิน เพิ่งตื่นขึ้นจากหอพัก โทรศัพท์มือถือของเขาพลันดังขึ้น เขาได้รับสายจาก เฉินซง
ซูเหวิน ได้รับรายงานว่า คนที่เขาสั่งให้ฆ่าทั้งสองคนถูกกำจัดแล้ว
และจะไม่มีหลักฐาน หรือเบาะแสใดๆ ปรากฏขึ้น
แม้ว่าคนในตระกูลฉีจะรู้ว่า ซูเหวิน เป็นคนทำ แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ เพียงแค่การคาดเดาลอยๆ เท่านั้น
เมื่อ ซูเหวิน ได้ยินข่าวนี้ เขาก็ดีใจมาก
ความแค้นที่สะสมมานานหลายวันก็ได้รับการชำระแค้นไปในที่สุด
จากนั้น ซูเหวิน ก็สั่งให้ เฉินซง และคนอื่นๆ กลับมาทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครถูกค้นพบ
ในเมื่อหัวหน้าตระกูลฉี และรองหัวหน้าตระกูลฉี ..ตายไปแล้ว
เขาก็ถือว่าได้ชำระแค้นอันใหญ่หลวงนี้ลงเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
และไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกันอีก
นอกจากนี้เขายังทำลายชื่อเสียงของหนึ่งในบริษัทของ ตระกูลฉี ไป ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ ตระกูลฉี ตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย
ที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขากังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่นใดอีก
และเรื่องก็เป็นไปตามนั้น
นับตั้งแต่หัวหน้าตระกูลฉี และรองหัวหน้าตระกูลฉี ตายไป
คนในตระกูลฉีก็เหมือนขาดเสาหลัก และบริษัทยังเผชิญกับปัญหาชื่อเสียงที่ร้ายแรง
หุ้นส่วน และพันธมิตรหลายรายได้ยกเลิกความร่วมมือ ซึ่งทำให้ตระกูลฉี ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่ลงไปอีก
ซึ่งตระกูลฉีก็ถือว่าได้รับผลกรรมที่สมควรแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตระกูลฉี ตกอยู่ในหายนะ
แต่ ซูเหวิน กลับตรงกันข้าม
การทำลายชื่อเสียงของบริษัทตระกูลฉีประสบความสำเร็จ ซึ่งหมายความว่าเขาได้ทำภารกิจของระบบสำเร็จ
ดังนั้นเขาจึงได้รับรางวัลจากระบบ โดยได้รับหุ้น 51% ของบริษัทก่อสร้าง ซิงหลิน ซึ่งทำให้เขามีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น
แน่นอนว่าเขาย่อมมีความสุข…
“ดังนั้น.. การล้างแค้นตระกูลฉีถือว่าสำเร็จแล้วใช่ไหม?”
มหาวิทยาลัยเทียนเว่ย ที่สนามกีฬา..
ในช่วงบ่าย ซูเหวิน กำลังนั่งพักผ่อนอยู่กับ เซี่ย ซินเหยา อยู่บนสนามหญ้า และเล่าเรื่องที่เขาได้รับข่าวการตายของหัวหน้าตระกูลฉีในเช้าวันนี้ให้กับ เซี่ย ซินเหยา ฟัง
“อืมม, ใช่ คนที่สมควรได้รับการลงโทษก็ได้รับการลงโทษแล้ว”
ซูเหวิน พยักหน้า
“แต่แน่นอนว่า.. ถ้าคนที่เหลือในตระกูลฉี ยังคงต้องการต่อสู้กับผมต่อไป ผมก็ไม่ขัดที่จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนจนถึงที่สุด ตราบใดที่พวกเขาไม่เกรงกลัวความตาย..”
ซูเหวิน พูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เซี่ย ซินเหยา รู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินคำพูดของ ซูเหวิน
เพราะเธอคิดว่าเรื่องนี้น่าจะจบลงได้แล้ว
เนื่องจากตระกูลฉีที่มีปัญหากับ ซูเหวิน มันเริ่มต้นมาจาก ฉีเจา ต่อมาก็เป็นหัวหน้าตระกูล และพ่อของ ฉีเจา ถูกกำจัดไปทีละคน
เว้นแต่คนในตระกูลฉีจะไม่กลัวตาย ที่นี่พวกเขาคงจะไม่กล้ามายั่วยุ ซูเหวิน อีก
“อืมม ยังไงก็ตาม คนคุ้มกันที่ปกป้องความปลอดภัยในบ้านของคุณผมคงไม่ถอนพวกเขาออกไปชั่วคราว ผมกลัวว่า ตระกูลฉี อาจจะยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ รออีกสักสองเดือน ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมค่อยถอนพวกเขาออกมาชุดหนึ่ง”
ทันใดนั้น ซูเหวิน หันกลับมาพูดถึงเรื่องบอดี้การ์ดอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร พอเวลาผ่านไปนานๆ เข้า ทุกคนก็เริ่มคุ้นเคยกับมันแล้ว”
เซี่ย ซินเหยา พูดพลางส่ายหน้า
เธอไม่ค่อยชอบมีบอดี้การ์ดมากมายตามติด แต่ก็เข้าใจว่าความปลอดภัยเองมันก็เป็นสิ่งสำคัญ
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะถอนบอดี้การ์ดที่ตามคุณออกไปบางส่วนก่อน และให้ เฉินซง กับบอดี้การ์ดอีกสองคนคอยคุ้มครองคุณแทน มี เฉินซง อยู่ สามคนก็น่าจะพอ จะได้ไม่ต้องมีบอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนตามติดจนคุณต้องรู้สึกอึดอัด”
ซูเหวิน กล่าวแนะนำขึ้นอีกครั้ง
ความแข็งแกร่งของ เฉินซง นั่นค่อนข้างดี, การมีเขาอยู่ ซูเหวิน สามารถมั่นใจได้
เซี่ย ซินเหยา ไม่มีความคิดเห็นใดๆ และยินดีรับข้อเสนอนี้…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงช่วงเย็นของวันศุกร์
เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หลังจากเลิกเรียน ซูเหวิน จึงขับรถ Lamborghini กลับบ้าน
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว เวลาพึ่งจะเจ็ดโมงเย็น เซี่ย ซินเหยา จึงส่งข้อความมาชวนเขาให้ไปเล่นที่บ้าน
ซูเหวิน ตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิด และขับรถ Lamborghini ไปบ้านตระกูลเซี่ย
เมื่อไปถึงก็พบว่าเพื่อนสาวทั้งสองคนของ เซี่ย ซินเหยา คือ จี้หยวี่ และวัง ซิ่วซิ่ว ก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้น ซูเหวิน จึงพูดด้วยความประหลาดใจไปว่า : “ลมอะไรหอบพวกเธอสองคนมาที่นี่ได้?”
(1)[พระหนีได้ แต่หนีวัดไม่ได้ (跑了和尚跑不了庙)] - เป็นคำเปรียบเทียบที่ไม่ว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไร บางสิ่งบางอย่างคุณยังไม่สามารถหลบหนีได้ ‘แม้เขาจะหนีไปต่างประเทศแล้ว พระภิกษุก็หนีออกจากวัดไม่ได้’
หมายถึง ถึงแม้ว่าคนจะหนีไปได้ แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเขาคงหนีไม่ได้ ทำให้ยังมีวิธีที่จะหาตัวเขาได้ในที่สุด…