ตอนที่ 26 คืนนี้เจ้ามีหน้าที่อุ่นเตียง
ตอนที่ 26 คืนนี้เจ้ามีหน้าที่อุ่นเตียง
เมื่อหักคะแนนตัวร้ายออกไปสองร้อยคะแนน ในมือของหน่วยบุปผามรณะทั้งสามจึงปรากฏสัญญาซื้อขายวิญญาณขึ้นมาคนละสองฉบับ
“สัญญาสองฉบับนี้ พวกเจ้าทั้งสามตัดสินใจเองว่าจะกำจัดใคร”
“เพราะพวกที่เหลือไม่มีประโยชน์ จงสังหารทิ้งให้หมด”
ทันทีที่ซูอันพูดจบ หมายเลขห้าถึงหมายเลขเจ็ดก็เริ่มสังหารผู้ฝึกตนระดับจื่อฝู่เหมือนยมทูต
มิ่งตานของหน่วยบุปผามรณะทั้งสามทำความสะอาดพื้นที่ทั้งหมดภายในอึดใจเดียว
แม้แต่บรรดาผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานที่ยินดีเลือกอย่างฉลาดก็เจริญรอยตาม ‘ศพ’ ก่อนหน้านี้เช่นกัน
“เจ้า!” หนึ่งในสามของมิ่งตานผู้รอดชีวิตสั่นสะท้านในใจ “ข้าเป็นผู้อาวุโสของนิกายตงเสวียน ข้า…”
เพียะ!
ทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขาและบดขยี้เขาเป็นโคลน
“นิกายตงเสวียน? ชื่อขยะอะไร” ซูอันหันไปมองอีกสองคนที่เหลือ “ตอนนี้เหลือแค่เจ้าสองคนแล้ว พอดีเลย”
สัญญาสองฉบับตกอยู่ในมือของคนทั้งสอง “ใส่ความคิดของเจ้าลงไปและลงนามในสัญญาซื้อขายวิญญาณซะ”
ทางด้านถูเซิ่งหนานกำลังหัวใจสั่นไหว เพราะนางรู้สึกทึ่งกับพลังเวทที่คุณชายเพิ่งใช้
ในบรรดาสองคนที่รอดชีวิต ผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานมีสีหน้าขมขื่น เพราะแม้ว่านางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายวิญญาณนี้ก็ตาม แต่เพียงได้ยินชื่อนางก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี เพราะในต้าซางก็มีสัญญาซื้อขายสัตว์วิญญาณและสัญญาซื้อขายทาสที่คล้ายกันนี้ นางจึงคิดว่ามันควรจะเหมือนกัน
แต่ทั้งสองคนไม่กล้าต่อต้านจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้พวกตนไม่เหลือความแข็งแกร่งแล้ว ร่างของมิ่งตานเฒ่าที่กลายเป็นโคลนเมื่อครู่ยังกองอยู่ข้างๆ
ทั้งสองไม่สงสัยเลยว่าทันทีที่พวกตนปฏิเสธ คนตรงหน้าจะฆ่าพวกตนทันที
ลงนามสัญญาดีกว่าตายตอนนี้
อย่างน้อยก็อาจมีโอกาสที่ในอนาคตสัญญาจบสิ้นลง
ยิ่งไปกว่านั้นคือความหรูหราของเรือเซียนที่บุคคลนี้นั่งอยู่ มันเป็นเรือลำเดียวที่ทั้งสองเคยเห็นในชีวิต และผู้ที่สามารถเป็นเจ้าของยานพาหนะดังกล่าวได้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา บางทีเขาอาจเป็นคนสำคัญจากเมืองอื่น ดังนั้นการติดตามเขาจึงไม่เลวร้ายเกินไป
ตามที่ซูอันกล่าว ทั้งสองได้ใส่ข้อมูลความคิดลงในสัญญาและลงนามในสัญญาซื้อขายวิญญาณ จากนั้นพลังลึกลับเหมือนจะเชื่อมโยงทั้งสองคนเข้ากับซูอัน ทำให้ทั้งสองไม่สามารถต้านทานผู้ที่อยู่ตรงหน้าได้
สิ่งที่ทั้งสองไม่รู้คือสัญญาซื้อขายวิญญาณประเภทนี้ไม่สามารถทำลายได้แม้ว่าพวกตนจะบรรลุระดับหยวนเสินก็ตาม
“ดีมาก จากนี้ไปเราก็เป็นพวกเดียวกันแล้ว” เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนรู้ความ ซูอันจึงแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นกัน “พวกเจ้าแนะนำตัวให้ข้ารู้จักหน่อยสิ”
มิ่งตานเฒ่าเป็นผู้อาวุโสของนิกายไท่อี่ ชื่อหลี่กวนไห่ ซึ่งนิกายไท่อี่ก็เป็นหนึ่งในนิกายหลักของตงโจว ตีคู่มากับนิกายตงเสวียนของมิ่งตานเฒ่าที่ตายไปก่อนหน้านี้ โดยมีผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์เป็นเจ้านิกาย
แต่ผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานที่มีความสามารถนั้นค่อนข้างเกินความคาดหมายของซูอัน นางคือฉู่อินศิษย์คนรองของเจ้านิกายเทียนสุ่ยแห่งชิงโจว และการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆ
ซูอันส่งหลี่กวนไห่ผู้เป็นคนท้องที่ออกไปก่อน “ออกไปแล้วจงระวังคำพูดให้ดี”
หลี่กวนไห่เป็นผู้มีประสบการณ์และสามารถมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน เขาเข้าใจทันทีว่าซูอันหมายถึงอะไร เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกพลางเอ่ย “นายท่านโปรดอย่ากังวล บ่าวรู้ขอรับ”
ทัศนคติแบบนี้หมายความว่าเขาได้จัดตัวเองเป็นข้ารับใช้แล้ว
จากนั้นเขาติดตามหน่วยบุปผามรณะทั้งสามคนออกจากที่นี่
ฉู่อินถูกซูอันเก็บไว้ชั่วคราว
“ทดลองใช้สัญญาซื้อขายวิญญาณดีกว่า” ซูอันรู้สึกตื่นเต้นและออกคำสั่ง “คุกเข่าลง!”
ฉู่อินกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นขาของนางก็คุกเข่าลงโดยไม่ตั้งใจ
“?” นางได้แต่อ้าปากค้าง
เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?
“ยืนขึ้น”
ฉู่อินยืนขึ้นอีกครั้งตามคำสั่ง นางยังคงสับสน ทว่าร่างกายของนางดูเหมือนควบคุมไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“ถกกระโปรงขึ้น” ซูอันสั่งต่อ
ดวงตาของฉู่อินเบิกกว้างและใจนึกต่อต้าน แต่มือของนางดึงชายกระโปรงขึ้นจนเห็น...เอ่อ....กางเกงขายาวข้างใต้
กางเกงขายาวคลุมขาเรียวงามของนางจึงไม่มีทัศนียภาพให้มองเลย
ให้ตายเถอะ ใส่กางเกงขายาวไว้ใต้กระโปรงเนี่ยนะ
ซูอันไม่รู้จะสรรหาคำบ่นใดอยู่พักหนึ่ง
เขามองไปที่ฉู่อินตรงหน้าและทั้งสองจ้องมองกันเป็นเวลานาน
ซูอันเอียงศีรษะครุ่นคิด “ช่างเถอะ พูดตามตรงว่าคืนนี้เจ้ามีหน้าที่อุ่นเตียงและจงอย่ามีปัญหาใด เอาล่ะ พูดสิว่า : บ่าวเต็มใจ ขอบคุณนายท่าน”
ฉู่อินตกอยู่ในสภาวะโง่เขลา นี่เป็นเรื่องที่พูดได้แบบโจ่งแจ้งหรือ?
ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ซูอันราวกับมองคนขี้โกงคนหนึ่ง
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางไม่มีทางลงนามในสัญญาไร้สาระนั่นเด็ดขาด!
นางอ้าปากจะก่นด่าออกมา แต่เมื่อคำพูดนั้นมาถึงริมฝีปาก มันกลับกลายเป็นเสียงหวานๆ ที่พูดว่า “บ่าวเต็มใจ ขอบคุณนายท่าน”
“ดีมาก ในเมื่อเจ้าไม่มีปัญหาจึงถือเป็นการตัดสินใจด้วยความสุข”
ฉู่อินทำได้เพียงตอบสนองโดยการจ้องมองซูอันเท่านั้น เพราะความสามารถในการพูดของนางก็ถูกปิดกั้น มิฉะนั้นคงจะได้ยินคำด่าจากนางแน่นอน
……
ในคืนนั้น ฉู่อินนอนบนเตียงด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ
แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของนางทำให้เห็นสีหน้าประหม่าของนางชัดเจน
นึกถึงนางในฐานะศิษย์คนรองของจ้านิกายเทียนสุ่ยผู้สง่างามซึ่งฝึกฝนมานานกว่าสองร้อยปีจนบรรลุระดับมิ่งตานขั้นสูง เปรียบเสมือนปรมาจารย์แห่งโลกภายนอก วันนี้กลับถูกลดเกียรติเหลือเพียงเครื่องอุ่นเตียงของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเขามีรัศมีการบ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดเพียงยี่สิบปี แต่เขามีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ได้อย่างไร
อารมณ์ที่ซับซ้อนเกิดขึ้นในใจของนาง ความกลัวและความรำคาญใจเข้าครอบงำนาง
มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาแล้วผ้าห่มถูกยกขึ้น จากนั้นมีร่างกายที่อบอุ่นแทรกเข้ามาใต้ผ้าห่ม เขากอดนางไว้แบบลวกๆ
นางดิ้นเบาๆ พอเป็นพิธี
เพราะนางถูกสั่งไม่ให้ทำร้ายตนเองหรือนายท่าน แม้แต่แรงที่จะต่อสู้ก็ดูอ่อนแอมาก ราวกับว่าเป็นการยั่วยวนเสียมากกว่า
ฟุบ!
มีเสียงตบเบาๆ ที่บั้นท้ายกลมกลึงของนาง
“นอนหลับให้สบายเถอะ อย่าดิ้น”
จากนั้นร่างกายของนางก็หยุดดิ้นรนและนางทำได้แค่ลืมตานอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยทำหน้าที่เป็นหมอน
จนกระทั่งเช้าวันใหม่
พระอาทิตย์ขึ้นเหนือท้องฟ้า แสงแดดส่องเข้ามาทางขอบหน้าต่าง
นางจึงได้รู้ว่าค่ำคืนนั้นผ่านไปแล้ว
คนผู้นี้ใช้นางเพื่ออุ่นเตียงจริงๆ
แม้ตลอดทั้งคืนมือของเขาไม่หยุดซุกซนและการกอดยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาไม่ทะลุแนวป้องกันสุดท้ายซึ่งทำให้ฉู่อินสบายใจขึ้นบ้าง
ต้องทราบก่อนว่าศิษย์ทุกคนของนิกายเทียนสุ่ยเป็นผู้หญิงและไม่มีผู้ชายคนอื่นนอกจากศิษย์น้องเล็กที่เข้าร่วมนิกายโดยบังเอิญ นางได้รับการเลี้ยงดูจากอาจารย์ตั้งแต่เยาว์วัยและนิสัยของนางเจริญรอยตามอาจารย์ผู้อุทิศตนให้ความชอบธรรม นางไม่ค่อยสนใจเรื่องระหว่างชายหญิงและไม่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นเลย
ศิษย์น้องเล็กมีเพศที่แตกต่าง แม้พวกนางศิษย์พี่หญิงจะรักเอ็นดูเขาก็ตาม ทว่ายังต้องใส่ใจระยะห่างระหว่างชายหญิงด้วย ดังนั้นสถานที่ที่ศิษย์น้องเล็กอาศัยอยู่จึงเป็นลานที่แยกจากกัน
แต่ตอนนี้นางกลับทำหน้าที่เป็นหมอนให้ชายหนุ่มที่ยังไม่รู้ชื่อด้วยซ้ำ
ช่างน่าอาย...
และถึงแม้นางจะโกรธ แต่น่าแปลกที่นางไม่ได้แสดงความเกลียดชังออกมา
ดูเหมือนนางไม่ได้ไม่ชอบซูอันเลย นางยังแอบรู้สึกลึกๆ ว่าชายหนุ่มคนนี้ดูมีเสน่ห์ไม่เบา
จนกระทั่งซูอันสั่งให้นางช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า จิตใจของนางยังคันยุบยิบ