บทที่ 24 เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย
ศาลาพระจันทร์สีรุ้งเป็นสโมสรโสเภณีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหยานเจียวเป็น ที่แห่งนี้เป็นสถานที่นัดพบยอดนิยมสําหรับผู้ที่มีวัฒนธรรมและการศึกษาในเมืองหยานเจียว
ระหว่างศาลาโสเภณีและซ่องในโลกนี้นั้นมีความแตกต่างกัน ซ่องเป็นสถานที่สำหรับความใกล้ชิดทางร่างกายโดยตรง ซึ่งมักจะเป็นที่ที่มีขนาดเล็กและรอบคอบมิดชิด เช่นเดียวกับซ่องปีศาจแมงมุมที่ชูเหลียงได้ปราบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมันตั้งอยู่นอกเมืองและไม่เด่น
ในทางตรงกันข้าม ศาลาโสเภณีมีแนวโน้มที่จะขายผู้มีความสามารถทางศิลปะและความบันเทิง มันมีขนาดใหญ่ และชื่อเสียงด้านการเข้าสังคมและความบันเทิงก็ชัดเจนกว่า ผู้หญิงที่งดงามจะอยู่ข้างในคอยพาลูกค้าไปชิมเครื่องดื่มและชื่นชมการแสดงที่นั่น
แน่นอนว่าถ้ามีผู้ใดให้ข้อเสนออื่นๆ ตราบใดที่สาวงามเต็มใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สุภาพสตรีที่เป็นที่ต้องการอย่างมากเหล่านั้นจะไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องดังกล่าวง่ายๆ แม้จะมีค่าใช้จ่ายจํานวนมาก แต่ผู้คนก็อาจจะได้รับโอกาสเพียงการสนทนาและการสังสรรค์ที่เพลิดเพลินเท่านั้น การจะได้มีปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุได้ในที่แห่งนี้
เมื่อเร็วๆ นี้ เหยียนเสี่ยวหยู่ได้แสดงความปรารถนาดีต่อผู้แสดง [1] คนหนึ่งของศาลาพระจันทร์สีรุ้ง "รุ่ยอี้"
นี่เป็นข้อมูลที่ชูเหลียงได้รับจากคนรับใช้ตระกูลเหยียน คุณลุงคนนี้เป็นคนใจดี และยินดีที่จะแบ่งปันทุกสิ่งที่รู้เมื่อชูเหลียงถามด้วยความสุภาพ
ชูเหลียงจึงได้ให้เงินเป็นค่าตอบแทนถึงสิบตำลึงเพื่อแทนคำขอบคุณ..
..
ตกกลางคืน
ณ ศาลาพระจันทร์สีรุ้ง ชั้นล่างเต็มไปด้วยเสียงบรรเลงเพลงอันไพเราะและนักเต้นที่สง่างาม ผู้หญิงหลายคนสวมชุดผ้าโปร่งบางที่ประณีตและแกว่งไปมาอย่างอ่อนไหวภายใต้การบรรเลงของนักดนตรี
ที่ชั้น 1 แขกจะนั่งที่โต๊ะต่างๆ เพลิดเพลินกับอาหาร พวกเขาฟังบทบรรเลงและขับร้องไปพร้อมกับหญิงสาวที่งดงาม ชั้นสองมีการจัดที่นั่งที่หรูหราโอ่อ่าและผ้าม่านลูกปัดแบ่งห้องส่วนตัว ชั้นสามประกอบด้วยห้องส่วนตัวและมักจะได้รับการอุปถัมภ์จากคนที่ใจกว้างหรือกล้าหาญที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหยียนเสี่ยวหยู่ต้องอยู่ในสองประเภทหลัง
ดังนั้น ทันทีที่ชูเหลียงเข้าประตูไปเขาก็เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนทันที
ไม่นานนัก ผู้หญิงที่ถือพัดเดินมาด้วยแววตาเป็นประกาย "เรามิได้เจอคนใหม่ๆ มาที่นี่เสียนาน" เธอพูดเบาๆ "ท่านสนใจที่จะเชิญผู้หญิงของเราคนใดไปด้วยหรือไม่"
"ข้าเพียงแค่มาหาคนรู้จัก" ชูเหลียงกล่าวอย่างใจเย็น "เหยียนเสี่ยวหยู่อยู่ข้างบนหรือเปล่า"
"เช่นนี้นี่เอง ท่านเป็นเพื่อนของนายเหยียน รอสักครู่ ข้าจะให้คนพาท่านไป" เธอตอบ
รูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อเหลาของชูเหลียง พร้อมด้วยมารยาทที่สง่างาม นี่น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอช่วยเขา เขาดูเป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพเรียบร้อย แสดงให้เห็นว่าเขาไม่น่าจะสร้างปัญหา
เธอส่งสัญญาณให้คนรับใช้หนุ่มคนหนึ่งพาชูเหลียงไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสาม
ชายสองคนที่มีจอนหนายืนเฝ้าอยู่นอกห้องส่วนตัว เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้คุ้มครองคนใหม่ของเหยียนเสี่ยวหยู่ ระดับการฝึกฝนของพวกเขาสูงกว่านักเลงสองคนที่ชูเหลียงพบอย่างเห็นได้ชัด
"โปรดรอสักครู่เถิดนายท่าน ข้าจะเข้าไปแจ้งให้พวกเขาทราบ" คนรับใช้ผู้นำทางกล่าว
"มิจำเป็น ข้าเข้าไปเองได้" ชูเหลียงปฏิเสธและเดินตรงเข้าไปคนเดียว
ผู้คุ้มกันสองคนส่งพลังข่มขู่ออกมา เมื่อพวกเขาเห็นชูเหลียงเข้ามาใกล้และพวกเขาก็แสดงท่าทางอันน่าเกรงขามทันทีเพื่อส่งข้อความที่ชัดเจนว่าไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงไม่ได้กลัวแต่อย่างใด เขายังคงเดินเข้าไปใกล้และถามด้วยความเคารพ“ข้ามาพบเหยียนเสี่ยวหยู่น่ะ ข้าเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา”
"เพื่อนร่วมชั้นหรือ" ผู้คุ้มกันทางซ้ายขมวดคิ้ว "คุณหนูบอกว่าเขามิได้ชวนผู้ใดมาด้วย"
ผู้คุ้มกันทางพูดเข้าเรื่องอย่างเย็นชา "ออกไปเสียให้พ้น"
"ข้าเข้าใจแล้ว..." ชูตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ
...
"รุ่ยอี้จะมาเมื่อใดกัน" เหยียนเสี่ยวหยู่เอ่ยถามในห้องส่วนตัว เขาแสดงความไม่พอใจต่อหญิงสาวสองคนในชุดสดใสที่ดูกังวลและกลัวจนประหม่า
"รุ่ยอี้กำลังสนทนากับแขกอีกคน เธอจะมาถึงในไม่ช้า นายท่านเหยียนโปรดอดทนอีกหน่อยนะเจ้าค่ะ"
"ข้าใช้เงินกับเธอไปตั้งเท่าใดกันแล้ว เร่งให้ข้าเลยมิได้หรือ" บาดแผลบนใบหน้ายังคงชัดเจนมาก เขาพูดต่ออย่างโกรธเคืองว่า "ตอนนี้ข้ายิ่งอารมไม่ดีอยู่"
ด้วยความอับอายที่เขาได้รับเมื่อวันก่อนขณะถูกทำร้าย มันทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจ ตอนแรกเขามาเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้ตัวเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงเขาก็ต้องรอนางรุ่ยอี้เสียนาน
เขากำลังระบายความโกรธของเขา และทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงมาจากประตู ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกและพวกผู้คุ้มกันก็กลิ้งเข้ามา
"ใคร!" เหยียนเสี่ยวหยู่ยืนขึ้นทันทีและถาม
"นายท่าน เขายืนยันที่จะบุกเข้ามา เรา.. เราหยุดเขาไม่ได้" ผู้คุ้มกันคนหนึ่งอธิบายหลังจากพยายามลุกขึ้นมาได้
"ในเมืองหยานเจียว ใครกล้าท้าทายข้าเหยียนเสี่ยวหยู่คนนี้กัน" เขาเกือบจะอารมณ์เสียแล้ว
จังหวะนั้นชูเหลียงเดินเข้าไปในห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไอ้หยา..." ความโกรธของเหยียนเสี่ยวหยู่หายไปทันที ตอนแรกเขาสับสนอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ยิ้มอย่างสุภาพบนใบหน้า "... พี่ชู เอ่อ.."
ตอนนี้เขากลัวชูเหลียงมาก ไม่เพียงเพราะเขาสู้ชูเหลียงไม่ได้ แต่ยังเป็นเพราะพ่อของเขาเห็นเหรียญที่ชูเหลียงส่งมา และบอกเขาตรงๆ ว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรคนแบบนี้ได้ การแก้แค้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
ชูเหลียงกล่าวอย่างใจเย็น “ข้ามาหาเจ้า แต่พวกเขากลับไล่ข้าไป”
"พะ.. พวกเขาช่างไร้มารยาท" เหยียนเสี่ยวหยู่ขมวดคิ้วและตะโกน "พวกแกสองคน ออกไปซะ!"
ผู้คุ้มกันสองคนถูกด่าอย่างงงงวย พวกเขาได้แต่จากไปอย่างเศร้าโศกและปิดประตูตามหลังด้วย
"ฮ่าฮ่า พี่ชู นั่งลงก่อนเถิด" เหยียนเสี่ยวหยู่พูดด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ
"ขอบคุณ" ชูเหลียงเดินเข้ามาใกล้แล้วเหลือบมองไปที่เด็กหญิงสองคนที่อยู่ข้างๆ
สุภาพสตรีทั้งสองยังเด็กมาก ในการรับรู้ของพวกเธอ เหยียนเสี่ยวหยู่เป็นนักเลงหนุ่มที่น่ากลัวที่สุดในเมืองหยานเจียวแล้ว แต่พวกเธอไม่คิดเลยว่าหนุ่มหล่อคนนี้จะทําให้เหยียนเสี่ยวหยู่กลัวได้ถึงเพียงนี้
นี่เป็นผลให้พวกเธอหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มที่อ่อนโยนของชูเหลียงได้ขจัดความกลัวของพวกเธอไปอย่างรวดเร็ว คนหนุ่มที่ยิ้มแย้มแจ่มใส คงไม่ใช่คนเลวใช่หรือไม่..
"เบื้องหลังของพวกเจ้าสองคนมันอะไรกัน" ชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ชี้ไปข้างหลังพวกเธอและดูสับสนมาก
"อะไรนะ" หญิงสาวสองคนหันไปดู
โป้ก! โป้ก!
สิ้นเสียงกระแทก หญิงสาวสองคนก็ล้มลงกับพื้นทีละคน
ชูเหลียงอยู่ข้างหลังพวกเธอ ในมือถืออิฐสีทองอยู่ก้อนหนึ่ง สีหน้าค่อนข้างผิดหวัง
"อา.." เหยียนเสี่ยวหยู่ที่เห็นภาพทั้งหมดก็อ้าปากกว้างและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เขาตกใจนิดหน่อย
คนในตระกูลเหยียนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพนันและการค้าประเวณี ตั้งแต่วัยเด็กของเหยียนเสี่ยวหยู่ เขาก็มาเที่ยวย่านโคมแดงกับผู้ใหญ่แล้ว ที่นั่นเขาได้พบกับอุปกรณ์ประกอบต่างๆ
อย่างไรก็ตาม อิฐก้อนหนึ่งสําหรับเขาถือเป็นเรื่องแปลกใหม่
จากนั้นเห็นชูเหลียงก็ยืนมองก้อนอิฐสีเหลืองทองในมือ
หลังจากนั้น เขาก็ซ่อนอิฐก้อนนั้นไว้ “วางใจได้ พวกเขาสบายดี อิฐก้อนนี้เพียงทำให้เวียนหัวและหมดสติไปเท่านั้น.. แต่ตอนนี้เจ้าตกอยู่ในอันตราย รู้ตัวหรือไม่”
"อันตรายงั้นหรือ" เหยียนเสี่ยวหยู่หยุดชั่วคราวและพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านที่อยู่ต่อหน้าข้านี้อันตรายมาก ข้ารู้ดี”
"เฉินต้าเสีย1ชีวิตเมื่อคืน คนที่รังแกซือถูเหยียนเหลือเพียงแต่เจ้าคนเดียวแล้ว" ชูเหลียงพูดอย่างตรงไปตรงมา "ซือถูเหยียนอาจกลายเป็นผีย้อมหนังและได้รับความสามารถในการปลอมตัวเป็นผู้อื่น เธอสามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้รอบตัวเจ้า"
"หือ.. ว่าอย่างไรนะ" เหยียนเสี่ยวหยู่ตกใจ
ตนเคยได้ยินเรื่องที่ซือถูเหยี่ยนกลายเป็นวิญญาณแค้นแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ท้ายที่สุดแล้วเขาคิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนเหล่านั้น เขาเป็นผู้ฝึกตนและได้รับการคุ้มครองจากครอบครัว ไม่น่าจะวิญญาณตนใดทำร้ายเขาได้ขณะที่เขาอยู่ในความดูแลของแก๊งเสือดำของเขา
แต่..
..หากซือถูเหยียนกลายเป็นผีย้อมหนังในตํานานจริงๆ เธอจะเอาชีวิตของเขาในฐานะผู้ฝึกตนระดับต่ำได้อย่างง่ายดาย
เขาเข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์ตอนนี้ทันทีและรู้ว่าชูเหลียงมาช่วยเหลือ เขาจึงถามอย่างรีบร้อนว่า "พี่ชู ท่านช่วยข้าได้หรือไม่ขอรับ"
"ข้ามาเพื่อช่วยเจ้า" ชูเหลียงกล่าว "ข้าสงสัยว่าผีย้อมหนังมุ่งเป้าไปที่เจ้า นั่นคือเหตุผลที่ข้ามาที่นี่ ข้ามีวิธีตรวจจับผีย้อมหนัง คืนนี้ข้าจะตรวจสอบทุกคนที่เข้าใกล้เจ้า"
"ดีมากเลยขอรับ" เหยียนเสี่ยวหยู่พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น แล้วทําท่าทางไปที่เด็กหญิงสองคนบนพื้น "ท่านพี่ รีบตรวจสอบด้วย"
ชูเหลียงนิ่งไปแล้วพูดว่า "..ข้าตรวจสอบแล้ว"
1. ผู้แสดง : ในที่นี้หมายถึงผู้ให้ความบันเทิงคล้ายเกอิชา