บทที่ 205 ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
สำนักกระบี่มังกรเร้นลับของเรา ไม่เคยอยู่ในสายตาเลยงั้นหรือ!
วาจาของหยางเสี่ยวเทียน ทำทุกคน ณ เวลานี้ต่างตกใจไปตามๆ กัน
สีหน้าหลันอี้พลันมืดลง แค่วิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงระดับสิบเอ็ด กล้าดีอย่างไรดูถูกสำนักกระบี่มังกรเร้นลับอันทรงเกียรติ มีผู้ใดในใต้หล้านี้ด้วยหรือ ที่บอกว่าสำนักของพวกตนไม่อยู่ในสายตา มีเพียงผู้ยินดีเท่านั้นที่แม้ได้ยินชื่อยังต้องเคารพนับถือ
“เจ้า…” จิ่วอู๋ส่ายศีรษะพลางยกมือขึ้นปราม ครั้นเห็นหลันอี้กำลังเคลื่อนไหวพร้อมเปิดปากกล่าวอย่างใจเย็น
“อย่าได้ถือสา เขามันก็แค่มดปลวก ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
ในสายตาเขา หยางเสี่ยวเทียนเป็นเพียงแค่เด็กแปดขวบไม่มีความคิด เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าสำนักกระบี่มังกรเร้นลับหมายถึงสิ่งใด
คนเช่นหยางเสี่ยวเทียน ก็เพียงกบในบ่อน้ำของสำนักเสินเจี้ยนขนาดเล็กเท่านั้น
จางเฮ่าหลินกระแอมไอ ก่อนเผยยิ้มให้หยางเสี่ยวเทียน “เด็กน้อย เจ้านี่ช่างกล้าหาญ ที่รู้จักหยิ่งในศักดิ์ศรีตน แต่หากเจ้าต้องการเข้าร่วมหนึ่งในสิบสำนักชั้นยอด เพียงความสามารถเช่นเจ้า สิบสำนักชั้นยอดของพวกเรา ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ”
“พี่ใหญ่ของข้าแข็งแกร่ง และเก่งกาจกว่าข้ามากด้วย” หยางหลิงเอ๋อร์พูดอย่างมั่นใจ
วาจาไร้เดียงสาจากหยางหลิงเอ๋อร์ ทำทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะ
จางเฮ่าหลินยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าพี่ใหญ่เจ้าต้องแข็งแกร่งกว่า เพราะเขาปลุกวิญญาณยุทธ์เร็วกว่าเจ้าหนึ่งปี และตอนนี้ เขาก็เหนือกว่าเจ้าเป็นธรรมดา”
“แต่หากเมื่อใด ที่เจ้าได้เข้าร่วมสุดยอดสำนักเช่นเราเพื่อฝึกฝน ไม่ช้า เจ้าก็จะไล่ตามพี่ใหญ่ของเจ้า และจากนั้น ก็อยู่เหนือกว่าเขาแน่นอน!”
“เจ้า จะสามารถเป็นหนึ่งใต้หล้าหรือกลายเป็นเทพก็ได้ในอนาคต แต่นั่นไม่ใช่กรณีของพี่ใหญ่เจ้า”
“แต่พี่ใหญ่ข้า…” หยางเสี่ยวเทียนยกมือขวางหยางหลิงเอ๋อร์ พร้อมหันส่ายศีรษะห้ามปรามผู้เป็นบิดามารดาที่กำลังจะเอ่ยโต้เถียงบ้าง หวงอิ๋งผู้เคยวางตัวเรียบร้อยอ่อนโยน เพลานี้ ยืนกำมือแน่นจนตัวสั่น
ส่วนผู้เป็นบิดาอย่างหยางเฉา สีหน้าก็ดูอึมครึมยืนขบกรามกรอดด้วยโทสะ หลังพยายามทำใจให้สงบกระทั่งเริ่มเดือนพล่านไม่ไหว คนพวกนี้ เอาแต่พูดถึงสิ่งที่พวกตนประสบเห็นกันเพียงภายนอกเท่านั้น
ไม่มีหนึ่งในไฟประหลาดสิบอันดับแรก ชั่วทั้งชีวิต ก็ไม่มีวันหลอมโอสถระดับนิรันดร์ได้งั้นหรือ หึ! บุตรข้าหาต้องมีไฟประหลาดไม่
ครั้นหวงอิ๋งคิดได้ดังนั้น นางผู้ครั้งนี้จะไม่ยอมนิ่งเฉยใคร่ปรี่เข้าไปเผยสิ่งที่คนพวกนั้นอาจไม่มีวันคาดคิด ให้ได้รู้แจ้งว่าผิดพลาดแค่ไหนที่กล้าสบประมาทบุตรตน
“นายหญิง!” อูฉียกไม้เท้าขวางขณะหยางเฉาฉุดนางไว้ ทั้งคู่พร้อมส่ายศีรษะห้ามปราม หลังเห็นว่านางกำลังจะเผยสิ่งใด
ถึงสิ่งนั้นอาจแก้ปัญหาความคับอกคับใจนางตอนนี้ได้ก็จริง แต่จะนำภัยที่มิอาจหยั่งรู้มาสู่หยางเสี่ยวเทียนในภายภาคหน้าได้
เพลานี้ ทุกคนรอบกายหยางเสี่ยวเทียนต่างมิพอใจ แต่ต้องพยายามระงับความโกรธแลยับยั้งชั่งใจอันรุ่มร้อน นึกถึงผลที่อาจไม่เป็นสิ่งดีต่อหยางเสี่ยวเทียนเอาไว้ก่อน
หยางเสี่ยวเทียนหันมองผู้เป็นมารดา พร้อมเผยยิ้มให้นางหายกังวล แล้วจึงหันกลับมากล่าวกับจางเฮ่าหลิน จิ่วอู๋ เฉินหานซ่งและผู้อาวุโสคนอื่นๆ
“พวกท่านทุกคน ต่างก็ต้องการให้น้องสาวข้าเข้าร่วมสำนักของพวกท่าน แต่น้องสาวข้ามีเพียงคนเดียว ซึ่งไม่สามารถเข้าร่วมทั้งสามสำนักได้”
“เช่นนั้น ก็ให้นางเลือกเอง ว่าใคร่อยากเข้าร่วมสำนักไหน”
จางเฮ่าหลิน จิ่วอู๋และเฉินหานซ่งหันมองหน้ากัน ก่อนพยักหน้าเห็นชอบในที่สุด
“พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากไป” หยางหลิงเอ๋อร์หันร้องไห้กับหยางเสี่ยวเทียนระหว่างเขย่าแขนผู้เป็นพี่ชาย
อากัปกิริยาเช่นนี้ ทำหยางเสี่ยวเทียนอดนึกถึงเด็กหลายคน ที่ต่างร้องไห้งอแงหลังต้องเข้าโรงเรียนอนุบาลเป็นครั้งแรก
“ไม่ช้าก็เร็วในภายภาคหน้า เจ้าก็ต้องเลือกเข้าร่วมสักสำนักเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝน” หยางเสี่ยวเทียนเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของแม่นางตัวน้อย
“เจ้าไม่สามารถติดตามพี่ใหญ่ ท่านพ่อหรือท่านแม่ไปได้ตลอดหรอกนะ ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องไปเยี่ยม พร้อมนำขนมแลของกินที่เจ้าชอบติดมือไปด้วยอยู่แล้ว”
หลังหยางเสี่ยวเทียนเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงจริงจังสักพัก ที่สุด หยางหลิงเอ๋อร์ก็พยักหน้าแล้วเช็ดน้ำตาตนเอง
“แล้วเจ้า อยากเข้าร่วมสำนักใด” หยางเสี่ยวเทียนถาม
หยางหลิงเอ๋อร์หันมองไปยังจิ่วอู๋ จางเฮ่าหลินและเฉินหานซ่ง ก่อนละสายตาจากจิ่วอู๋แล้วมองจางเฮ่าหลินสลับไปมากับเฉินหานซ่ง
เมื่อจางเฮ่าหลินประสบเห็นสิ่งนี้ เขาจึงยิ้มรีบกล่าวให้นางเอียงเอนมาฝั่งตน “เจ้าหลิงเอ๋อร์ หากเจ้าเข้าร่วมสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์ของเรา เราสามารถสรรหาขนมแสนอร่อยที่เจ้าต้องการได้”
“จริงหรือ!” ดวงตาหยางหลิงเอ๋อร์สว่างวาว
“แน่นอน!” จางเฮ่าหลินพยักหน้าจริงจัง “ข้าสัญญา”
“เช่นนั้น ข้าจะเข้าร่วมสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์” หยางหลิงเอ๋อร์กล่าว
ครั้นเฉินหานซ่งได้ยินสิ่งนี้ ความมึนเมาก็พลันเปลี่ยนเป็นตะลึงทันใด เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ หยางหลิงเอ๋อร์ดูจะโน้มเอียงมาทางสำนักเทพพิสุทธิ์มากกว่า แต่โดยไม่คาดคิด นางกลับเปลี่ยนตัวเลือกในท้ายที่สุด หากรู้ว่าขนมจะดึงดูดความต้องการนางได้มากกว่า เขาคงจะสัญญาเรื่องนั้น
จางเฮ่าหลินและเหล่าผู้อาวุโสสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์ ต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินหยางหลิงเอ๋อร์กล่าวจะเข้าร่วมกับสำนักพวกตน
“เอาล่ะ เอาล่ะ!” จางเฮ่าหลินหัวเราะเสียงดัง “เจ้าหลิงเอ๋อร์ หากเจ้าเลือกเข้าร่วมสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์แล้ว พวกเราจะทุ่มทรัพยากรของเราเต็มที่ เพื่อฝึกฝนเจ้าแน่นอน”
ผลการตัดสินใจของนาง มิเพียงเฉินหานซ่งเท่านั้นที่ประหลาดใจ แต่หยางเสี่ยวเทียนก็รู้สึกเช่นกัน เพราะเดิมที ภายภาคหน้าเขาก็คิดจะเข้าร่วมสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์
ตอนนี้จึงรู้สึกโล่งใจ ที่ในอนาคตเขาและน้องสาวจะอยู่ในสำนักเดียวกัน ได้ดูแลซึ่งกันและกัน
ส่วนจิ่วอู๋จากสำนักกระบี่มังกรเร้นลับเพลานี้ ใบหน้าบึ้งตึงดูน่าเกลียด เขาสูดจมูกอย่างเย็นชา พร้อมพาหลันอี้เหินกลับไปในอากาศ ไม่กล่าวหรือหันเหลียวมองสิ่งใดด้วยฉุนเฉียว เว้นแต่หลันอี้ ที่ยังหรี่ตาหันมองหยางเสี่ยวเทียนและหยางหลิงเอ๋อร์อีกครั้งก่อนจาก
ไม่นานหลังจากนั้น เฉินหานซ่งก็จากไปพร้อมเหล่าผู้อาวุโสสำนักเทพพิสุทธิ์เช่นกัน เหลือเพียงจางเฮ่าหลินและคนอื่นๆ เท่านั้น
ตามความตั้งใจเดิมของหยางเสี่ยวเทียน เขาอยากให้หยางหลิงเอ๋อร์อยู่ต่อสักสองสามวันก่อนเดินทาง แต่จางเฮ่าหลินรู้สึกว่าเวลายิ่งยาวนาน อุปสรรคยิ่งมีมากอาจทำให้ยุ่งเหยิง ซึ่งเขาต้องการพานางกลับสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์โดยเร็วที่สุด