Chapter 15 น้ารองผู้กล้าหาญ
“เงินนี่ก็เป็นของแม่หนูด้วยเหมือนกัน ทำไมเธอจะรับมันไว้ไม่ได้? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าแม่ไม่เก็บเงินนี้ไว้เพื่อเลี้ยงดูพวกเรา แล้วทำไมจะต้องเก็บไว้เพื่อเลี้ยงดูลูกสาวคนอื่นด้วยล่ะ?” จี้หยวนหยวนทนไม่ไหวแล้วจึงตอบโต้กลับ
จี้เจียนกั๋วมองไปที่จี้หยวนหยวนด้วยความตกใจ เธอรู้ได้อย่างไรว่า เสิ่นเหม่ย มีลูกสาวคนหนึ่ง?
เมื่อ ซู่ ซิวฮวา เห็นว่า จี้หยวนหยวนพูด เธอก็ยิ่งเกรี้ยวกราด “แกไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดที่นี่นะ แกมันก็เป็นแค่เศษเงินที่ถูกทิ้งไว้ในกองขยะ ไม่ช้าไม่นานแกก็จะเป็นเหมือนแม่ของแก กลายเป็นเศษขยะที่ไม่มีใครเอา…”
ปากของ ซู่ ซิวฮวา นั้นดุร้ายเกินไปจริงๆ
หลี่ซู่ มองไปที่ ซู่ ซิวฮวา ด้วยความไม่เชื่อ "หยวนหยวนเป็นหลานสาวของตระกูลจี้ของคุณนะ"
มันคงจะดีกว่าถ้าหญิงชราคนนี้จะดุด่าเธอเพียงคนเดียว แต่นี่เธอก็ไม่เว้นแม้แต่เด็กอายุหกขวบด้วยซ้ำ
เมื่อเป็นดังนี้ จี้หยวนหยวนก็เริ่มร้องไห้และตะโกนอย่างสุดเสียง “คุณกำลังจะตีหนู!! คุณเป็นแม่สามีที่ชั่วร้ายมาก! พ่อกับแม่ของหนูหย่าร้างกันแล้วเพราะคุณ แต่คุณก็ยังไม่ยอมปล่อยแม่ของหนูไปอีก…ฮือ ..ฮืออ”
จี้หยวนหยวนใช้พละกำลังทั้งหมดของเธอตะโกนสุดเสียง จนกระทั่งคนเกือบทั้งหมู่บ้านได้ยิน
เธอต้องการเรียกหาพวกเขา ไม่เช่นนั้นทั้งสี่คนอาจจะเสียเปรียบจี้เจียนกั๋วและแม่ของเขาแน่ๆ
เธอยังเป็นเพียงเด็กหกขวบ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเธอก็เกือบเป็นศูนย์ แม้ว่าจี้ซีซวนและจี้ซีอัง จะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ทั้งสองก็ไม่สามารถเอาชนะจี้เจียนกั๋วได้อย่างแน่นอน หลี่ซู่และซู่ ซิวฮวาอาจจะสูสีกัน
จี้เจียนกั๋ว และ ซู่ ซิวฮวา ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นจี้หยวนหยวนตะโกนจนสุดปอด และผู้คนก็ทยอยออกมาทีละคน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้กลับเข้าไปในบ้านของตัวเองอีก
“ใครกล้ารังแกพี่สาวของฉัน” ทันใดนั้น มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมก้อนอิฐในมือ
เขาคือ น้าชายคนที่สอง “หลี่โหยง”
“จี้เจียนกั๋ว ฉันคิดว่าคุณคงเหนื่อยกับการมีชีวิตอยู่นักใช่ไหม? คุณคิดว่าไม่มีใครในตระกูลหลี่อันเก่าแก่ของเราจริงๆ หรือ? บอกไว้เลยนะว่าพี่ใหญ่จะกลับมาเร็วๆนี้ ถ้ายังกล้ารังแกพี่สาวและหลานๆของฉันอีก พวกเราพี่น้องจะสับคุณเละเป็นชิ้นๆ คอยดูสิ ?” หลี่โหยงสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังกับกางเกงขากระดิ่งและคีบบุหรี่อยู่ในปาก เขาถือก้อนอิฐไว้ในมือแล้วพูดอย่างไม่สุภาพ
จี้เจียนกั๋ว และซู่ ซิวฮวา ตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว
จี้เจียนกั๋ว รู้จักน้องเขยของเขาดี ตั้งแต่เขายังเด็ก เขาเคยชกกันมาหลายครั้งแล้ว
จี้เจียนกั๋ว ดึงแม่ของเขา ซู่ ซิวฮวา และพูดเสียงเบาๆว่า "แม่ เรากลับกันก่อนเถอะ"
ซู่ ซิวฮวา ยังคงคิดถึงเงินห้าพันหยวน เธอจะจากไปแบบนี้ได้ยังไง?
“คนในตระกูลหลี่ของเธอมากันแล้ว ดังนั้นอย่าคิดถึงเงินของครอบครัวจี้ของเรา เธอเอาเงินห้าพันหยวนไปจากลูกชายของฉัน เธอมันช่างหน้าด้านอะไรอย่างนี้ ? เธอมันสำส่อน คงอย่างจะสร้างความทรงจำตรงซุ้มประตูทางเข้า ช่างน่าขยะแขยงซะจริงๆ…” ซู ซิวฮวากำลังด่ากราดอย่างเต็มที่ ทันใดนั้น ก้อนอิฐก็ลอยตกลงมาจากเบื้องบน “ว้ายย..” เธอร้องเสียงหลง โชคยังดีที่เธอหลบทันไม่เช่นนั้นหัวของเธอคงแตกไปแล้ว
“ฉันมีปัญญาเลี้ยงดูหลานๆของฉันได้ ฉันจะคืนเงินห้าพันหยวนให้พวกคุณก็ได้ แต่เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พวกคุณนะ เอาไหมล่ะ หึ ?” หลี่โหยงยิ้มเย้ยเหมือนคนพาลพร้อมกับชั่งน้ำหนักก้อนอิฐในมือของเขา
ซู่ ซิวฮวา รู้สึกว่าเธอคิดผิดทันที เธอรีบจับมือของจี้เจียนกั๋วแล้วก้าวถอยหลังพร้อมกับพูดว่า “หลี่ซู่ แล้วเธอจะเสียใจ อย่ามาคุกเข่าอ้อนวอนพวกเราทีหลังก็แล้วกัน”
หลี่โหยงเยาะเย้ย“ไม่แน่ใจว่าใครจะอ้อนวอนใครกันแน่”
เขาไม่เคยเห็นใครโง่เง่าได้เท่ากับจี้เจียนกั๋วมาก่อน เมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้นในอนาคต คงจะมีสักวันที่พวกเขาจะเสียใจ
หลังจากที่ ซู่ ซิวฮวา และ จี้เจียนกั๋ว จากไปแล้ว จี้ซีอังก็โยนกิ่งไม้ในมือของเขาทิ้งและวิ่งไปหา หลี่โหยง อย่างมีความสุข “น้ารอง !”
หลี่โหยง เอื้อมมือออกไปอุ้ม จี้ซีอัง เหวี่ยงวนไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็วางเขาลง “เด็กดี คุณสูงขึ้นอีกแล้วนะ!”
จี้ซีอัง ยกนิ้วให้ หลี่โหยง “น้ารอง คุณกล้าหาญมากเลยนะฮะ”
ตอนนี้หลี่โหยงทำงานเป็นพ่อครัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในมณฑล ก่อนหน้านี้เป็นวันชาติ จึงมีผู้คนจำนวนมากจัดงานแต่งงานที่โรงแรม เขาจึงยุ่งมากจนไม่มีเวลากลับมาบ้านตอนที่รู้ว่าหลี่ซู่หย่า ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขากลับมาและรู้ว่าจี้เจียนกั๋ว ไอ้ทุเรศนั่นนอกใจเธอ เขาอดกลั้นความโกรธนั้นไว้ไม่ได้จริงๆ
จีซีอังยิ้มอย่างหน้าซื่อ “น้ารองกลับมาคราวนี้ ได้พาน้าคนสวยมาด้วยหรือเปล่า?”
หลี่โหยง เอื้อมมือออกไปสะบัดหน้าผากเด็กชายตัวน้อย “ฉันคิดว่าคุณกำลังคิดถึงอาหารอร่อยๆซะอีก”
ขณะที่ จี้ซีอัง และ หลี่โหยง กำลังพูดคุยและหยอกล้อกันอยู่ หลี่ซู่ก็เปิดประตู จี้ซีอังและหลี่โหยง จึงเดินตามเข้าไปข้างใน
จี้หยวนหยวนเอื้อมมือไปคว้ามือของจี้ซีซวน “พี่ใหญ่ เข้าบ้านกันเถอะ”
เมื่อเทียบกันแล้วจี้ซีอังช่างไร้เดียงสา ในขณะที่จี้ซีซวนมีแนวโน้มโตเกินตัว
จี้ซีซวนตรึกตรองในใจ แม้ว่าเขาจะอยู่ข้างหลี่ซู่ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเมื่อเห็นครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสุขด้วยกัน ต่างหันมาเผชิญหน้ากันในตอนนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้หยวนหยวน จี้ซีซวนก็เงยหน้าขึ้นและฝืนยิ้มพร้อมกับยื่นมือของเขาออกไปจับมือจี้หยวนหยวน
หลี่โหยงจงใจชะลอฝีเท้าของเขา เมื่อจี้ซีซวนเข้ามา เขาก็ตบหัวเพื่อเป็นการปลอบใจอย่างเงียบ ๆ
เมื่อจี้หยวนหยวนเข้ามาในห้อง จู่ๆ หลี่โหยงก็อุ้มเธอขึ้นมา “น้ารองซื้อชุดที่สวยมากมาให้หนูด้วยนะ ทำไมหนูไม่ลองใส่มันดูเลยล่ะ?”
จี้หยวนหยวน เพิ่งสังเกตเห็นว่า หลี่โหยง นำถุงบางอย่างมาด้วย
จี้หยวนหยวนยิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะน้ารอง”
หลี่โหยงอุ้มจี้หยวนหยวนเข้าไปในบ้าน “พี่สาว ถ้าไอ้สารเลวนั่นยังมีปัญหากับคุณอีก โทรหาฉันเลยนะ” ฉันจะพาพี่น้องของฉันไปจัดการเขาอย่างแน่นอน” ขณะที่เขาพูดกับหลี่ซู่ เขาถอดเสื้อคลุมขอจี้หยวนหยวน ออก
แม้ว่าคำพูดจะฟังดูดุร้าย แต่การเคลื่อนไหวของมือเขาก็อ่อนโยนมาก
หลี่ซู่ยิ้มอย่างขมขื่น “ยังไงซะ เขาก็ยังเป็นพ่อของเด็ก ฉันไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์มันแย่ลงไปมากกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากวันนี้เขาคงไม่กล้าทำอะไรพวกเราอีก”
หลี่โหยงหยิบชุดออกจากถุงแล้ววางทาบลงบนตัวจีหยวนหยวน
“เฮ้ แม่ ดูสิฮะ…” จีซีอังร้องเรียกหลี่ซูด้วยความประหลาดใจ “นี่มันเป็นตัวเดียวกับที่พวกเราเล็งไว้วันนี้ไม่ใช่เหรอฮะ?”
หลี่ซู่ กำลังเก็บผักเมื่อเธอได้ยินเข้า เธอก็ประหลาดใจเช่นกัน
จากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าหยวนหยวนจะได้ใส่เสื้อตัวนี้แล้วจริงๆ”
หลี่โหยงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรกันนี่?”
ก่อนที่ หลี่ซู่จะเอ่ยปาก จี้ซีอังก็ชิงเล่าให้หลี่โหยงฟังอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตั้งแต่เช้าเมื่อพวกเขาไปที่ที่ทำงานของจี้เจียนกั๋ว จนกระทั่ง ฉินเสี่ยวหมิ่นส่งพวกเขากลับบ้าน
ในช่วงเวลานี้ จี้หยวนหยวนมองดูเสื้อกั๊กบนตัวของเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ชาติที่แล้ว เสื้อตัวนี้เป็นของเธอ และชาตินี้มันก็ยังวนเวียนกลับมาให้เธอสวมมันอยู่ นี่มันหมายความว่าอะไรก็ตามที่ควรจะเกิดขึ้นในชีวิตก่อนของเธอจะยังคงเกิดขึ้นในชาตินี้ ใช่หรือไม่?
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
หลังจากได้ยินที่จี้ซีอังเล่าแล้ว หลี่โหยงก็มองครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นคงไม่ใช่เด็กธรรมดาแน่ๆ พวกเขาบอกว่าจะมาพรุ่งนี้เหรอ?”
หลี่ซู่ พยักหน้า “ใช่ พวกเขาบอกอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาจริงหรือเปล่า”
หลี่โหยงพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ในเมื่อพวกเขาบอกแล้วว่าจะมา พวกเขาก็จะต้องมาแน่นอน งั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะมาที่นี่ด้วยก็แล้วกัน”