ตอนที่แล้วตอนที่ 248 ความตื่นตระหนกของ ตระกูลฉี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 250 มือดี

ตอนที่ 249 ความคิดของ ซูเหวิน


“พี่ใหญ่ เราจะทำยังไงดี?”

ในห้องหนังสือของ ตระกูลฉี ตอนนี้มีแค่ ฉี เหยียนเจิง และฉีเซี่ยว สองคน

ฉีเซี่ยว เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มองไปที่ พี่ใหญ่ แล้วถามออกไป

เพิ่งเมื่อครู่นี้ เขาได้ยินจากปาก พี่ใหญ่ ที่บอกว่า ซูเหวิน ยังมีชีวิตอยู่ และทีมเฮยหุน ได้หายสาบสูญไปจากเมืองม่อแล้วจริงๆ

ในใจเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว

และต่อหน้าคำถามของน้องชาย ฉี เหยียนเจิง นิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะพูดว่า : “ตอนนี้มีทางเดียว นั่นคือการเชิญ(ขอ)ให้ เหล่าฟู่, เหล่าติง และประธานฮั่ว มาช่วย”

ทันทีที่ได้ยิน ฉีเซี่ยว ตกใจทันที จากนั้นเขาถามด้วยความสงสัยว่า : “พี่ใหญ่ พี่ต้องการขอให้ทั้งสามคนนั้นมาช่วย?”

“เป็นไปได้ยังไง? คู่ต่อสู้ครั้งนี้ของเราแข็งแกร่งถึงขนาดทำลาย ทีมเฮยหุน ของเราได้ ถ้าทั้งสามคนนั้นรู้.. พวกเขาจะยอมช่วยเราได้ยังไง?”

ฉีเซี่ยว ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้

แต่ ฉี เหยียนเจิง กลับโบกมือ : “มันต่างกัน ครั้งนี้ที่ฉันเชิญพวกเขามาช่วย ไม่ใช่เพื่อให้ช่วยจัดการ ซูเหวิน แต่ให้มาช่วยไกล่เกลี่ย”

“อะไรนะ พี่ใหญ่ นี่พี่...”

ฉีเซี่ยว อึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะรู้ว่า พี่ใหญ่ ..ของเขาเพิ่งพูดอะไรออกมา

ทันใดนั้นเขาก็แสดงท่าทางไม่เชื่อสายตาไปที่ พี่ใหญ่

“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น และที่ฉันต้องทำแบบนี้ไปก็เพราะ.. เราไม่มีทางเลือกแล้ว”

“ตอนนี้พวกเราแทบไม่มีใครเหลือ ส่วน ซูเหวิน ชายผู้นั้นมีไพ่อะไรในมือ.. เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ คือเขาแข็งแกร่งกว่าเรามาก ถ้าเขาส่งคนมาลอบสังหารเรา แกคิดจริงๆ หรือว่าเราจะหยุดได้?”

“ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทุกคน เราจำเป็นต้องรีบเชิญทั้งสามคนมาช่วย แล้วดูว่าพวกเขาจะช่วยให้เราทั้งสองฝ่ายยุติความแค้นกันได้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นฝ่าย ซูเหวิน ที่เป็นคนลงมือฆ่าคนของเราก่อน ไม่ใช่หรือ?”

ฉี เหยียนเจิง อธิบาย

มีทั้งความสิ้นหวัง และการประนีประนอมในคําพูดของเขา

แท้จริงแล้วมันยังมีอีกนัยหนึ่งในคำพูดเขา

คือการบอกน้องชายของเขาว่าอย่าหวังที่จะคิดแก้แค้นให้ลูกชายของเขาอีกต่อไป เพราะมันไม่หลงเหลือความหวังอะไรอีกแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลฉี ของพวกเขาได้พยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อจะแก้แค้นแล้ว

แต่เสียดายที่ศัตรูคราวนี้แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก

หากยังพยายามแก้แค้นต่อไป

ผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นคือ ทั้ง.. ตระกูลฉี ของพวกเขาอาจจะต้องเผชิญกับความโชคร้าย

หลังฟังคำของ พี่ใหญ่ ฉีเซี่ยว ดูมีท่าทางเหม่อลอย

ปากขยับแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

ใช่!

พี่ใหญ่ พูดถูก

ตอนนี้พวกเรามีเพียงเส้นทางนี้เท่านั้น

หลัง ซูเหวิน ฆ่าลูกชายของเขา เดิมเขามีความแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้

แต่แล้วมันอย่างไรล่ะ?

พวกเขา ตระกูลฉี ส่งทีมนักฆ่าอันดับต้นๆ ไปลอบสังหาร ซูเหวิน ถึงสองครั้งสองครา แต่ก็ล้มเหลวทั้งคู่

ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดว่า ซูเหวิน คนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน

อีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเขาจะต่อกรได้

ดังนั้นตอนนี้เราคงทำได้แค่เพียง.. เลือกที่จะยอมแพ้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉีเซี่ยว จึงพยักหน้า และเห็นด้วยกับความคิดเห็นของ พี่ใหญ่

ดังนั้น ความคิดนี้จึงได้ข้อสรุปแล้ว

ในบ่ายวันนั้น ฉี เหยียนเจิง ก็ได้ติดต่อเพื่อนเก่าของตนเอง และนัดหมายพบปะกัน

แต่ต้องบอกว่า…

ความคิดของคน ตระกูลฉี ค่อนข้างไร้เดียงสาเกินไป

พวกเขาหาเรื่อง ซูเหวิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามฆ่า ซูเหวิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เรื่องนี้มันจะจบลงง่ายๆ ได้ยังไง...?

.........

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกหนึ่งวันก็ผ่านไปในชั่วพริบตา..

เมืองม่อ, โรงแรม ฮิลส์

ในห้อง VIP สุดหรูหราแห่งหนึ่ง ซูเหวิน กำลังนั่งดื่มกินกับใครบางคนอยู่ บรรยากาศเวลานี้เรียกได้ว่าคึกคักมีชีวิตชีวามาก

แน่นอนว่า.. วันนี้ ซูเหวิน ไม่ได้เชิญพรรคพวกของเขามา แต่เชิญเพื่อนในวงการธุรกิจมาสองสามคน

หนึ่งในนั้นมี หยาง เฉาชิง, รองประธานจาก Worster Group

และประธานเจิ้ง ที่เคยช่วย ซูเหวิน ติดต่อบอดี้การ์ดถึงสองครั้งในก่อนหน้านี้

จุดประสงค์หลักที่เชิญ ประธานเจิ้ง มาทานข้าวด้วยกันในวันนี้ แน่นอนว่าเพื่อขอบคุณเรื่องบอดี้การ์ด

นอกเหนือจากนั้นคือ.. ตระกูลฉี ที่พยายามจะจัดการกับเขา

พวกเขาไม่เพียงรู้ที่อยู่บ้านของเขาเท่านั้น

ตอนนี้พวกเขารู้แม้แต่กระทั่งที่อยู่บ้านตระกูลเซี่ยแล้วด้วย

ดังนั้นเขาจึงต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว ลุงเซี่ย และคนอื่นๆ เพิ่มอีก เขาจึงต้องหาบอดี้การ์ดเพิ่ม

แน่นอนวันนี้ที่เชิญ ประธานเจิ้ง มาทานข้าวยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง คือหวังให้ ประธานเจิ้ง ช่วยเขาหานักฆ่าให้ได้

นักฆ่าที่มีฝีมือแข็งแกร่ง และต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถเป็นผู้นำได้

และเหตุผลที่เขาต้องการจ้างนักฆ่านั้นมันก็ง่ายมาก…

ในเมื่อคน ตระกูลฉี ชอบส่งนักฆ่ามาจัดการกับเขา

ทำไมเขาจะส่งนักฆ่าไปจัดการกับ ตระกูลฉี ไม่ได้?

แต่สิ่งที่ ซูเหวิน ไม่รู้คือ…

ความต้องการของเขานั้นทำให้ ประธานเจิ้ง รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

“ประธานซู ที่คุณบอกว่าต้องการจ้างบอดี้การ์ดเพิ่มเติมนั้น.. มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่ที่คุณต้องการหานักฆ่าที่เก่งกว่าทหารรับจ้าง ซึ่งเรื่องนี้เกรงว่ามันอาจจะดูยากหน่อย”

ประธานเจิ้ง พูดขึ้นทันใดนั้น

คุณรู้เหตุผลไหมว่าทำไมทหารรับจ้างชั้นยอดถึงถูกเรียกว่า ‘ชั้นยอด’

นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นที่สุดอยู่แล้ว

ส่วนคนที่เก่งกาจยิ่งไปกว่าพวกเขา แม้แต่ ประธานเจิ้ง ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก

“อย่างนี้นี่เอง..”

“ถ้าอย่างนั้น ประธานเจิ้ง พอจะมีเพื่อนในวงการที่รู้จักนักฆ่าบ้างไหม? แนะนำผมให้รู้จักหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากจะลองถามพวกเขาดู”

ซูเหวิน กล่าวต่อ

ถ้าหากคุณไม่รู้จักอีกฝ่าย ก็ไม่เป็นไร

ครั้งหน้าเขาค่อยถามหาจากเพื่อนคนอื่นๆ ดูอีกที

แต่เมื่อ ซูเหวิน ถามเช่นนี้ ประธานเจิ้ง กลับทำตาเป็นประกาย : “ประธานซู ถ้าคุณต้องการจ้างนักฆ่า ผมพอมีคนที่จะแนะนำให้กับคุณได้ เขาชื่อ จ้าวชิง เขาเป็นประธานของ ซิงไห่ กรุ๊ป เขามีความสัมพันธ์กับวงการนักฆ่า แถมยังมีบอดี้การ์ดที่เป็นนักฆ่าอยู่ข้างกายของเขา ลองขอให้เขาช่วยดูอาจมีประโยชน์ก็ได้..”

พูดจบ ประธานเจิ้ง ก็โทรหาเพื่อนคนนี้ โดยเชิญเขามาร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน

และเมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่า ประธานเจิ้ง และซูเหวิน ต้องการชวนเขามาร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน

อีกฝ่ายพลันดีใจ ก่อนจะกล่าวตอบตกลงทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด

เมื่อเพื่อนของ ประธานเจิ้ง มาถึง ทุกคนก็ทำความรู้จักกัน แล้วเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนักฆ่า

ต้องบอกว่า เพื่อนของ ประธานเจิ้ง คนนี้ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เขารู้เรื่องนักฆ่ามากกว่าคนทั่วไปมาก..

ไม่เพียงแต่สามารถติดต่อกับพวกนักฆ่าบางคนได้เท่านั้น

ในขณะเดียวกัน เขายังรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับวงการนักฆ่าอีกด้วย

หลังจากฟังข้อมูลเหล่านี้ ซูเหวิน ก็เข้าใจแล้ว

นักฆ่าที่ ตระกูลฉี ส่งมา แบบที่เก่งกว่าทหารรับจ้างชั้นยอดนั้น ในวงการนักฆ่ามีคนแบบนี้ไม่มาก

ยิ่งคนอย่าง ฉู่ เทียนเฟย คนที่เป็นตำนานนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง.. พวกเขามีอยู่น้อยมาก

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ว่าทำไม ตระกูลฉี ถึงมีความมั่นใจมากขนาดนี้

ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะมีฝีมือจริงๆ

ซูเหวิน จึงถามกับ ประธานจ้าว ต่อไปว่า เขาสามารถแนะนำเขาให้รู้จักกับนักฆ่าฝีมือดีได้หรือไม่ ประธานจ้าว พยักหน้า และตอบว่า : “มีอยู่.. แต่ไม่มากครับ และฝีมือน่าจะพอๆ กันได้กับสุดยอดทหารรับจ้าง”

“แต่ผมยังรู้จักนักฆ่าคนหนึ่ง ซึ่งคนคนนี้เก่งกาจมาก เขาเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของบอดี้การ์ดที่เป็นนักฆ่าของผม อีกทั้งฝีมือของเขายังเก่งกว่าบอดี้การ์ดของผมมาก”

“เมื่อก่อนผมเคยคิดจะจ้างเขามาเป็นบอดี้การ์ด แต่เขาเรียกร้องค่าตอบแทนสูงเกินไป แถมนิสัยก็ออกจะประหลาดมาก ผมเลยล้มเลิกความคิดนั้นไป”

“ถ้าคุณต้องการ.. ผมสามารถให้บอดี้การ์ดของผมติดต่อเขา เพื่อดูว่าจะจ้างเขามาได้หรือไม่”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด