ตอนที่ 7 หุบเขาอุ่นเมฆา
ตอนที่ 7 หุบเขาอุ่นเมฆา
หลินมู่ถือจอบวิญญาณปฐพีเอาไว้อย่างภาคภูมิใจ เขาเฝ้ามองมันอยู่นาน นี่คือการขัดเกลาอาวุธครั้งแรกของเขา ในอนาคตการเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดจะต้องพึ่งพาสิ่งนี้
ตกกลางคืน หลินมู่เก็บจอบวิญญาณปฐพีไว้ในกระท่อมภายในมิติวังวนจันทรา หลังจากนั้นหยิบฟูกไปนั่งที่บ่อปลาอีกครั้งแล้วเริ่มฝึกฝนเคล็ดหยกวารี
ภายใต้แสงจันทราส่องสว่าง หลินมู่กระทำเช่นเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยาดฝนโปรยลงในบ่อต่อเนื่อง
น้ำภายในบ่อค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นช้า ๆ
รุ่งเช้า หลินมู่หยุดมือ หลังจากเขาพยายามอย่างหนักมาตลอดทั้งคืน เขาเห็นว่าน้ำขึ้นมาถึงครึ่งบ่อแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อฝึกฝนอย่างหนัก ขนาดของเมฆที่ปรากฏก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาสามารถใช้เคล็ดหยกวารีเพื่อรดน้ำในบริเวณที่กว้างใหญ่เท่ากับปากบ่อน้ำแห่งนี้ได้แล้ว
หลินมู่เดินกลับเข้ามาในห้อง ปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่มิติวังวนจันทรา
เขาเริ่มนั่งขัดสมาธิภายในกระท่อม
ด้วยพลังวิญญาณที่สมบูรณ์รอบกายทำให้ร่างกายของเขายิ่งสดชื่น และเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
หลินมู่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนวิชาจิตเก้าทิศ เขาดูดซับพลังวิญญาณโดยรอบอย่างกระหาย และเปลี่ยนแปลงให้มันกลายเป็นพลังจิตวิญญาณภายในกายของตนอย่างบ้าคลั่ง
จนกระทั่งช่วงเย็น หลินมู่เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ในแววตาเปล่งประกายความสุข และเขาสัมผัสได้ว่าในการฝึกฝนหนึ่งวันนี้เขาได้รับผลตอบแทนมากถึงสามเท่า
พอตกกลางคืน เขาก็เริ่มฝึกฝนเคล็ดหยกวารีอีกครั้งเช่นเคย
……
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งเดือน
เป็นเวลาครึ่งเดือนที่หลินมู่หมกตัวอยู่แต่ภายในบ้าน ยกเว้นเพียงการออกไปรับประทานอาหารที่โถงผลาหารวิญญาณเป็นครั้งคราว สุดท้ายแล้วหลินมู่ฝึกฝนอยู่ในมิติวังวนจันทราในช่วงกลางวัน และฝึกฝนเคล็ดหยกวารีในช่วงกลางคืน
ครึ่งเดือนต่อมา หลินมู่สามารถเติมน้ำลงในบ่อปลาได้เสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้เคล็ดหยกวารีก็ก้าวเข้าสู่ขั้นกลางแล้ว
สิ่งที่น่ายินดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือพลังจิตวิญญาณในกายของเขาเพิ่มขึ้นมากโข และขอบเขตยุทธ์เข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสี่เรียบร้อยแล้ว
ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสี่!
นี่คือความก้าวหน้าของเขาครั้งแรกในปีนี้!
หลินมู่เชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะท้ายที่สุดแล้วภายในมิติวังวนจันทรามีพลังวิญญาณมากมาย มันมากกว่าในลานบ้านของเขากว่าสามเท่า เท่านี้ก็เพียงพอที่จะรองรับการฝึกฝนประจำวันของหลินมู่แล้ว และเขาใช้จี้วังวนจันทราดูดซับแสงจันทร์ยาวนานกว่าครึ่งเดือน เวลานี้จี้ที่ห้อยคอของเขากลายเป็นสีขาวสุกใสไร้ที่ติ
ด้วยขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสี่ และเคล็ดหยกวารีขั้นกลางของหลินมู่ในเวลานี้น่าจะเพียงพอที่จะให้เขาหางานทำได้
ปัจจุบันหลินมู่เหลือหินวิญญาณระดับต่ำในมือเพียงสิบแปดก้อน และภายในครึ่งปีเขาจะต้องมอบให้กับสำนักสิบก้อน หลินมู่รู้ดีว่าเขาจะต้องหางานทำเพื่อรับหินวิญญาณ เขาไม่สามารถนั่งเฉยรอคอยโชคชะตาได้ อีกทั้งภูเขาแห่งนี้ก็ค่อนข้างแห้งแล้งมากด้วย
หลินมู่รู้เพียงทักษะการเพาะปลูกพืชเท่านั้น และมีงานไม่มากที่เหมาะสมกับเขา หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หลินมู่ก็นึกถึงสถานที่ที่เหมาะสมกับตนได้
เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดีที่สุด ก่อนจะออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
หุบเขาอุ่นเมฆาเป็นสถานที่สำคัญของสำนักดาบพันปักษา สมุนไพรวิญญาณ ยาจิตวิญญาณแทบทั้งหมดในสำนักล้วนแต่ได้รับจากสวนโอสถในหุบเขาอุ่นเมฆา
ภายในหุบเขาอุ่นเมฆา ค่อนข้างมากด้วยหมอกหนา ทำให้วิสัยทัศน์ค่อนข้างที่จะคับแคบไปสักหน่อย
หลินมู่หยินอยู่ทางเข้าหุบเขา และไม่คิดเร่งรีบเข้าสู่ภายใน สุดท้ายแล้วมีค่ายอาคมมากมายในสองข้างทางของหุบเขาแห่งนี้ แรงกดดันมหาศาลทำให้หลินมู่ไม่กล้าที่จะขยับตัวอย่างหุนหันพลันแล่น
“มีผู้ใดอยู่หรือไม่? ข้าหลินมู่ ศิษย์ชั้นนอกต้องการพบพวกท่าน” หลินมู่ตะโกน
ทันทีที่พูดจบ ค่ายอาคมสองข้างทางก็หายไป แรงกดดันก่อนหน้าทั้งหมดหายไปสิ้น ชายคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มใจดี เขาอายุประมาณยี่สิบปี สวมใส่เสื้อคลุมสีเขียวพลิ้วไหวตามสายลม
หลินมู่จดจำได้ทันทีว่าชายผู้นี้ได้ช่วยเหลือเขาไว้ในวันนั้น เขารีบโค้งคำนับแล้วกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “เป็นพี่ชายนั่นเอง ข้าต้องขอบคุณท่านมากแล้วที่ช่วยกล่าวแทนข้าเมื่อวันนั้น ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?”
ศิษย์ในชุดคลุมสีเขียวยิ้มจาง “น้องชาย เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพนัก ข้านามว่าจางลั่วสวี เป็นศิษย์ทรงเกียรติของสวนโอสถนี้”
หลินมู่อบอุ่นใจขึ้นมาก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพิ่งลาออกจากการเป็นคนรับใช้ก่อนหน้านี้ และข้าไม่ได้ทำงานในลานมาสักพักแล้ว เวลานี้ถึงคราวสมควรข้าจึงมาถามว่าที่นี่ต้องการคนงานเพิ่มหรือไม่?”
จางลั่วสวีพยักหน้า “เป็นจริง ในหุบเขาอุ่นเมฆากำลังขาดแคลนคนทำงาน เช่นนั้นข้าขอถามสักหน่อยเถิดว่าน้องชายถนัดด้านใดหรือ?”
หลินมู่กล่าวออกไปอย่างเคอะเขิน “ข้าละอายใจจริง ๆ ที่ต้องบอกท่านว่าข้าทราบเพียงทักษะการเพาะปลูกเท่านั้น และสิ่งที่ข้าพอจะทำได้คือการใช้เคล็ดหยกวารีขั้นกลาง… เช่นนี้พอจะมีงานให้ข้าหรือไม่?”
จางลั่วสวียิ้มกว้างทันที “แน่นอน แน่นอนว่ามี สวนโอสถแห่งนี้ไม่มีอุปกรณ์สร้างฝน และเจ้าจะทำหน้าที่ตรงนี้” เขาหยุดพูดชั่วขณะเพื่อระงับความตื่นเต้นก่อนจะพูดต่อว่า “มากับข้าเถิด ข้าจะพาเจ้าไปดูสวนโอสถภายในหุบเขานี้”
หลินมู่เดินติดตามไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองผ่านเส้นทางสู่หุบเขา และเมื่อใดที่ทั้งสองก้าวผ่านเส้นทางต่าง ๆ ค่ายอาคมโดยรอบก็จะเลือนหายไปด้วย แต่หลังจากผ่านพ้นไปแล้ว ค่ายอาคมก็จะเปิดใช้งานขึ้นอีกครั้ง หลินมู่มองทุกอย่างและเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
จางลั่วสวีมองเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของหลินมู่จึงกล่าวอธิบายอย่างใจเย็น “ค่ายอาคมกล่านี้ถูกสร้างโดยอาวุโสของสำนัก แม้ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานก็ไม่อาจบุกเข้ามาได้ตามต้องการ” เขาหยกจี้หยกในมือให้หลินมู่รับชมก่อนจะอธิบายว่า “มีเพียงจี้หยกนี้เท่านั้นที่จะทำให้เดินไปมาในหุบเขาอุ่นเมฆาได้อย่างอิสระ แต่เฉพาะภายในหุบเขาอุ่นเมฆาด้านนอกเท่านั้น หุบเขาอุ่นเมฆาแบ่งออกเป็นสองส่วนคือหุบเขาด้านใน และหุบเขาด้านนอก สมุนไพรวิญญาณที่ปลูกในหุบเขาด้านนอกอยู่ในระดับสามหรือต่ำกว่านั้น ทั้งหมดจะได้รับการจัดการโดยผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณ ส่วนสมุนไพรวิญญาณที่ปลูกในหุบเขาด้านในจะสูงกว่าระดับสาม ส่วนด้านในนั้นเป็นอย่างไรข้าก็ไม่ทราบ”
เขาหยิบจี้หยกสีขาวอีกชิ้นออกมาจากถุงเก็บของแล้วมอบให้หลินมู่ จากนั้นกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จี้หยกนี้เจ้าจะต้องนำติดตัวไว้ และห้ามลืมเด็ดขาดเมื่อจะต้องมาที่นี่ นอกจากนี้อย่าได้หลงทางเข้าสู่หุบเขาด้านในเด็ดขาด ค่ายอาคมเหล่านั้นสามารถสังหารเจ้าได้ในพริบตา จดจำให้ดี”
หลินมู่รับจี้หยกไว้พร้อมกล่าวตอบรับเสียงหนัก “ศิษย์น้องจะจดจำคำแนะนำของท่านให้มั่น”
ทั้งสองเดินพูดคุยกันไประหว่างทางจนกระทั่งมาถึงหญ้าวิญญาณที่มีสีขาวคล้ายหิมะ เวลานี้จางลั่วสวีหยุดฝีเท้าลง
“เป็นที่นี่ ที่ดินวิญญาณสามหมู่นี้เป็นแปลงยาสูบ มันชอบร่มเงา และต้องได้รับน้ำทุกสามถึงห้าวัน นับจากวันนี้ไปเจ้าจะรับผิดชอบในการเตรียมน้ำให้กับต้นยาสูบทั้งหมด และในทุกเดือนเจ้าจะได้รับค่าจ้างเป็นหินวิญญาณระดับต่ำสามก้อน ยาจิตวิญญาณหนึ่งขวดในทุกเดือน เช่นนี้เจ้าคิดว่าอย่างไร?” จางลั่วสวีชี้ไปที่ต้นยาสูบตรงหน้าพร้อมหันกลับมาถามหลินมู่
ได้หินวิญญาณเพิ่มจากเดิมหนึ่งก้อน หลินมู่ย่อมไม่ปฏิเสธโดยธรรมชาติ เขาพยักหน้ารับทันที “ข้าไม่มีปัญหา แล้วต้นไม้วิญญาณอื่น ๆ ไม่ต้องการฝนหรือขอรับ?” เขาไม่ลืมที่จะถามความสงสัย
จางลั่วสวีกล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ในหุบเขาอุ่นเมฆามีฝนเพียงพอแล้ว ซึ่งเพียงพอที่จะดูแลการเติบโตของหญ้าวิญญาณพวกนั้น อย่างไรก็ตามต้นยาสูบเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสอง มีความต้องการน้ำสูงกว่าสมุนไพรชนิดอื่น เช่นนี้จึงต้องมีผู้ดูแลมันเป็นพิเศษ” เขาหันมองหลินมู่ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “แล้วเช่นนั้นทำไมน้องชายจึงไม่ลองใช้เคล็ดหยกวารีเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยล่ะ? ข้าจะได้รับชมด้วย”
หลินมู่รีบตอบกลับ “ข้าจะแสดงให้ท่านดูขอรับ แต่ช่วยอดทนกับข้าด้วย”
หลังพูดอย่างนั้นแล้ว ใบหน้าของเขากลับกลายเป็นเคร่งขรึม หลังจากสูดลมหายใจลึกแล้วเขาเริ่มร่ายเวทย์ในใจ เมฆขนาดสามฉื่อปรากฎขึ้นด้านหน้า สีขาวควบแน่นเต็มไปด้วยไอน้ำเข้มข้น หลินมู่คลายมือออกอย่างระมัดระวัง ก่อนที่หยาดฝนจะโปรยลงตรงหน้าอย่างนุ่มนวล
นี่คือเคล็ดหยกวารีขั้นกลาง!
จางลั่วสวีปรบมือพร้อมกล่าวชื่นชม “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ! เคล็ดหยกวารีของเจ้ายอดเยี่ยมแล้ว นับจากวันนี้ข้าฝากดูแลต้นยาสูบเหล่านี้ด้วย”
หลินมู่ยกยิ้ม “ศิษย์พี่ก็กล่าวยกยอข้าเกินไป มันเพียงทักษะเล็กน้อยไม่มีสิ่งใดน่าชื่นชม”
ใบหน้าของจางลั่วสวีเผยความเคร่งขรึมออกมาก่อนจะกล่าวเสียงหนัก “น้องชายเอ๋ย จงอย่าดูถูกตนเอง เป็นบุรุษควรมีความทะเยอทะยาน ถนนสู่หนทางเซียนเต็มไปด้วยหนามแหลมคม หากไร้ซึ่งแรงผลักดัน จะเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะผ่านพ้นเส้นทางนี้ได้ กล่าวสัญญากับข้าเสีย…”
หลินมู่เผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาด้วย เขาโค้งคำนับหนักแน่นก่อนจะกล่าวตอบรับ “ขอบคุณศิษย์พี่แล้ว ข้าจะปฏิบัติตามคำสอนของท่าน”
จางลั่วสวียกยิ้ม “มันไม่ใช่คำสอนใด มันเป็นความคิดของข้าเท่านั้น ขอน้องชายอย่าได้ขบขันแล้ว”
หลินมู่รีบโต้แย้ง สุดท้ายแล้วคำพูดของจางลั่วสวีสร้างแรงผลักดันให้กับเขาได้มากจริง ๆ แต่สุดท้ายแล้วก่อนที่เขาจะมีพลังเพียงพอ เขาจะต้องระมัดระวังตัวให้มากเช่นเดิม
เมื่อเห็นว่าหลินมู่เริ่มเข้าใจแล้ว จางลั่วสวียกยิ้มก่อนจะพูดต่อไปว่า “วันนี้เราพอแค่นี้เถิด นับจากวันนี้ไปเจ้าจะต้องสร้างฝนให้กับต้นยาสูบในทุกสามถึงห้าวัน ถ้าหากพบเจอสิ่งใดผิดปกติเกี่ยวกับมัน โปรดแจ้งต่อข้าในทันที ข้าจะได้มาดูแลมันให้ทันเวลา”
หลินมู่พยักหน้ารับอย่างสุภาพ