ตอนที่ 6 จอบวิญญาณปฐพี
ตอนที่ 6 จอบวิญญาณปฐพี
หลินมู่กลับมาที่ยอดเขาตะวันตกอีกครั้ง
เขายังไม่ได้กลับไปที่ลานบ้านของตนในทันที แต่มุ่งหน้าไปที่โถงผลาหารวิญญาณก่อน
อาหารยังคงจำเป็นสำหรับผู้ฝึกตนในขอบเขตกลั่นลมปราณ เพียงแต่แตกต่างจากคนธรรมดาตรงที่ไม่จำเป็นต้องกินบ่อยครั้งเกินไป เพียงมื้อเดียวก็สามารถมีชีวิตต่อไปได้ถึงสองสามวันแล้ว และหากฝึกฝนจนเข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐาน ถึงเวลานั้นผู้ฝึกตนไม่จำเป็นต้องได้รับอาหารก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้
ภายในโถงผลาหารวิญญาณไม่จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณเพื่อซื้ออาหาร ทุกสิ่งอย่างภายในนี้เป็นสิทธิประโยชน์โดยตรง หลินมู่สั่งอาหารและนั่งลงที่มุมห้องเพื่อรับประทานอาหารอย่างเงียบ ๆ
หลังจากรับประทานเสร็จแล้ว หลินมู่กลับมาที่ลานเล็กของตนอีกครั้ง
หลังจากมาถึงห้องเงียบของตนแล้ว หลินมู่หยิบถุงผ้าออกมาอีกครั้งและเปิดมันออกอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เวลานี้เขาเห็นหินวิญญาณระดับต่ำเหลืออยู่ยี่สิบเอ็ดก้อน
หลินมู่เก็บถุงผ้าเข้าสู่อ้อมแขนก่อนจะมุ่งหน้าสู่หอสีขาวโดยตรง
ขณะนี้เป็นช่วงเที่ยงวัน และมีศิษย์ไม่มากนักที่มายังยอดเขาโรยอรุณ หลินมู่จึงเดินเข้าสู่หอสีขาวได้อย่างสบายใจ
แต่ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ภายใน ศิษย์นอกเดินออกมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “พี่ชาย ท่านต้องการสิ่งใด? เป็นอาวุธวิญญาณหรือว่ายาจิตวิญญาณเล่า?”
หลินมู่หยุดฝีเท้าก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ข้าอยากซื้อวัสดุสำหรับขัดเกลาอาวุธ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ต้อนรับยิ่งสดใสมากขึ้น “เช่นนั้นพี่ชายตามข้ามาเถิด ข้าจะพาไปรับชม”
เขาเป็นผู้ขายสินค้าต่าง ๆ ให้หอสีขาว และสิ่งที่เขาจะได้รับคือค่านายหน้า ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจะได้รับหินวิญญาณมากขึ้น เพียงแต่ว่าเขาไม่ใช่ศิษย์นอกเพียงคนเดียวที่ทำงานเช่นนี้ การแข่งขันภายในหอสีขาวค่อนข้างดุเดือดไม่น้อยแล้ว
หลังจากเดินเข้ามาในร้าน หลินมู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขากล่าวตรงประเด็นทันที “ข้าต้องการแท่งทองสัมฤทธิ์ กริชเหล็กเขียว ค้อนเหล็กเนื้อละเอียด และแก่นแท้ไม้เอล์ม”
กู่เฉินได้ยินแล้วคาดเดาความตั้งใจของหลินมู่ได้ทันที เขายกยิ้มตอบกลับอย่างสุภาพ “พี่ชาย เจ้าอยากจะขัดเกลาจอบวิญญาณปฐพีใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดจึงต้องเดือดร้อนทำเองด้วยเล่า? ข้ามีอุปกรณ์สำเร็จอยู่ที่นี่แล้ว และมันถูกสร้างขึ้นอย่างดี ข้าสามารถรับประกันได้ว่าเจ้าจะพึงพอใจแน่”
หลินมู่ส่ายศีรษะโดยตรง “ข้ามีเวลาเหลือเฟือและต้องการสร้างมันด้วยตัวเอง และมันจะช่วยฝึกฝนความเข้าใจของข้าด้วย”
กู่เฉินยกยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะไปหยิบสิ่งต่าง ๆ ให้”
หลังจากนั้นสักครู่ กู่เฉินรวบรวมทุกสิ่งใส่ถุงผ้า ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเงยหน้าถามหลินมู่ว่า “ท่านต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?”
หลินมู่ชี้กองวัสดุกลั่นอาวุธตรงหน้าก่อนจะถามว่า “ต้องใช้หินวิญญาณเท่าใดสำหรับซื้อสิ่งของพวกนี้”
กู่เฉินยิ้ม “วัสดุเหล่านี้หาพบได้ทั่วไปและมีราคาถูกมาก มันมีราคาเพียงหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งถึงสองก้อนเท่านั้น”
หลินมู่หยิบหินวิญญาณออกมาสองก้อนมอบให้กู่เฉิน ก่อนจะหยิบถุงผ้าขึ้นมาแล้วกล่าวคำลา
กู่เฉินเดินมาส่งจนสุดประตูก่อนจะกล่าวกับหลินมู่ว่า “หากคราวหน้าเจ้ามาซื้อของที่นี่อีกครั้ง สามารถแวะเวียนมาพบข้าได้เสมอ”
หลินมู่พยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับสู่ยอดเขาตะวันตก
ระหว่างทางกลับ หลินมู่มีความคิดมากมายผุดขึ้นในใจ
ความปรารถนาที่จะฝึกฝนในใจของเขายากจะมีผู้ใดเทียบเท่า เขาตัดสินใจที่จะใช้ประโยชน์จากแปลงที่ดินวิญญาณสามหมู่ในมิติวังวนจันทราให้คุ้มค่าที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการขัดเกลาจอบวิญญาณปฐพีให้สำเร็จเสียก่อน สิ่งนี้จำเป็นต่อการเพาะปลูกที่สุด
การขัดเกลาจอบวิญญาณปฐพีเป็นหัวข้อที่ศิษย์พี่ใหญ่หลิงอวิ๋นนำมาบรรยายในวันนี้ การที่เขาจะลองปรับแต่งมันด้วยตนเองจึงไม่อาจกระตุ้นความสงสัยของผู้อื่นได้ อีกทั้งตัวเขายังไร้ชื่อเสียงและไม่เป็นที่สนใจอยู่แล้ว เช่นนี้จึงไม่ต้องระมัดระวังใดนัก แต่เพราะเขาเป็นคนรอบคอบและระวังตัวเสมอ อย่างไรก็จะไม่ประมาทเด็ดขาด
กลับมาสู่ห้องเงียบอีกครั้ง หลินมู่ค่อย ๆ หยิบวัสดุกลั่นอาวุธออกจากถุงผ้า จากนั้นเริ่มลงมือขัดเกลาจอบวิญญาณปฐพี
เขานั่งมองวัสดุตรงหน้าอย่างพิจารณา เวลานี้เขานึกถึงสิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่หลิงอวิ๋นบอกกล่าวไว้อีกครั้งอย่างละเอียด หลังจากแยกย่อยเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ แล้ว เขาก็เริ่มปรับแต่งมันด้วยความเข้าใจของตนเอง
ความจริงแล้ว หากใช้คำว่า ‘การกลั่น’ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมนักสำหรับจอบวิญญาณปฐพี เพราะในบรรดาอาวุธเวทมนตร์ทั้งหมดแล้ว จอบวิญญาณปฐพีไม่ถือเป็นอาวุธด้วยซ้ำ มันไม่อาจติดอันดับอาวุธระดับต่ำ หน้าที่ของมันมีเพียงการไถพรวนดิน และกระจายพลังวิญญาณลงสู่พื้นดินอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อสมุนไพรวิญญาณที่ต้องดูดซับพลังวิญญาณจากดิน
สำหรับผู้ฝึกตนคนอื่น แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมไม่มีประโยชน์ในสายตาของพวกเขา แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเพาะปลูก จอบวิญญาณปฐพีถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้
หากต้องการผลผลิตที่ยอดเยี่ยม คนผู้นั้นจำเป็นต้องมีจอบวิญญาณปฐพี นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนที่ชื่นชอบการเพาะปลูกทั้งหมดล้วนทราบดี
หลินมู่ถือค้อนเหล็กไว้ในมือ ก่อนจะทุบแท่งทองสัมฤทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาพยายามก่อรูปร่างของมันให้คล้ายกับจอบมากที่สุด แต่หลังจากทุบตีนานกว่าครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งเจ็บแขน เขาก็พบว่าแท่งทองสัมฤทธิ์นี้ยังไม่มีรูปร่างที่ใกล้เคียงคำว่าจอบแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะล้มเหลว หลังจากสูดลมหายใจลึกเขาเริ่มทุบแท่งทองสัมฤทธิ์อีกครั้งเพื่อให้มันกลับสู่ลักษณะเดิม จากนั้นค่อย ๆ เริ่มปรับรูปร่างของมันใหม่
หลินมู่พยายามเรียนรู้จากประสบการณ์ก่อนหน้า และเริ่มทุบตีมันด้วยความจริงจัง
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง รูปร่างของมันเริ่มมองเห็นแล้วว่าเป็นจอบ แม้จะไม่งดงาม แต่ส่วนโค้งเว้าที่ควรมีก็ปรากฏแล้ว ด้ามจอบอาจจะไม่กลมมากนักแต่ถือว่าใช้งานได้
การสร้างรูปร่างของจอบเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ต่อไปจะต้องสลักอักขระไว้บนจอบ มันเปรียบเสมือนการสร้างค่ายอาคมเล็ก ๆ และวิธีการนี้ไม่ได้ซับซ้อนนัก หลินมู่จดจำวิธีได้แม่นยำ แต่สิ่งที่เขาต้องใส่ใจคือห้ามมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด และความพยายามก่อนหน้าจะกลายเป็นสูญสิ้นโดยสมบูรณ์
เขาถือกริชเหล็กไว้ในมือก่อนจะเริ่มแกะสลักจอบอย่างระมัดระวัง และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด เขาจะค่อย ๆ ลงมือแกะสลักทีละน้อยและเคลื่อนไหวให้ช้าที่สุด เวลานี้เขามาถึงครึ่งทางแล้ว เหงื่อเม็ดใหญ่เริ่มผุดออกมาจากหน้าผาก
หลินมู่ใช้เวลาสองชั่วโมงในการสลักอักขระค่ายกล หลังจากมองเส้นคลุมเครือที่ปรากฏบนจอบ เขารู้สึกพอใจมากแม้มันจะคดเคี้ยวไปสักหน่อยก็ตาม สุดท้ายนี่คือการขัดเกลาอาวุธชิ้นแรกของเขา และถ้าหากมันประสบความสำเร็จ มันจะส่งผลดีต่อตัวเขาด้วย ผู้ฝึกตนขอบเขตสูงส่งไม่จำเป็นต้องทำเช่นเดียวกับเขา คนเหล่านั้นสามารถก่อค่ายอาคมทรงพลังได้เพียงโบกมือ เมื่อนำมาเทียบกับหลินมู่แล้ว ทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
สองขั้นตอนแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางหินวิญญาณไว้บนจอบ แม้จะฟังดูง่ายแต่การปฏิบัติจริงค่อนข้างยากพอสมควร ประการแรกคือตำแหน่งของหินวิญญาณ จะต้องวางลงที่จุดศูนย์กลางของค่ายอาคม จากนั้นให้สร้างหลุมเล็ก ๆ ให้เพียงพอกับขนาดของหินวิญญาณ และที่สำคัญที่สุดในระหว่างการสร้างหลุมห้ามกระทบกระเทือนต่อค่ายอาคมที่สลักไว้ก่อนหน้าเด็ดขาด
หลินมู่เช็ดเหงื่อทั้งหมดก่อนจะเริ่มใช้กริชเหล็กขูดเอาเศษทองแดงออกทีละน้อย จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ปรากฏรูสี่เหลี่ยมเล็กขึ้นใต้จอบ รูนี้เพียงพอแล้วที่จะใส่หินจิตวิญญาณลงไป
หลินมู่หยิบหินวิญญาณออกจากถุงผ้าก่อนจะยัดมันใส่รูสี่เหลี่ยมตรงหน้า จากนั้นเอาไม้เอล์มด้านข้างสอดเข้าไปในตัวจอบ
เมื่อทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกัน ลำแสงเจือจางปรากฏขึ้น… จอบวิญญาณปฐพีเล่มใหม่ได้ถือกำเนิดแล้ว!
หลินมู่จ้องมองมันอย่างมีความสุข นี่คือความพยายามอย่างหนักหลายชั่วโมงของเขา!