ตอนที่แล้วตอนที่ 4 หอซ่อนวิถี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 จอบวิญญาณปฐพี

ตอนที่ 5 ศิษย์พี่ใหญ่หลิงอวิ๋น


ตอนที่ 5 ศิษย์พี่ใหญ่หลิงอวิ๋น

กว่าจะกลับมาถึงลานบ้านอีกครั้งก็ดึกแล้ว

หลินมู่เงยหน้ามองจันทราสุกสกาวบนท้องฟ้า ก่อนจะตัดสินใจว่าจะออกไปฝึกฝนที่ลานด้านนอกเพื่อที่จี้วังวนจันทราจะได้ดูดซับแสงจันทร์ให้เต็มที่

เขาหยิบเอาแผ่นหยกเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุออกมาจากอ้อมแขน ก่อนจะปลดปล่อยจิตสำนึกเข้าสู่ภายใน และเริ่มศึกษามันอย่างช้า ๆ

มีทักษะการฝึกห้าธาตุอยู่ภายในแผ่นหยกใบนี้ คือเคล็ดหยกวารี เคล็ดธาตุทอง เคล็ดหญ้าพฤกษา เคล็ดอัคคีสีชาด และ เคล็ดก่อปฐพี แต่ละวิชามีหน้าที่หลักเป็นของตัวเอง

สิ่งแรกที่หลินมู่เรียนรู้คือเคล็ดหยกวารี

น้ำ… ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสมุนไพรและยาจิตวิญญาณ หากฝึกฝนเคล็ดหยกวารีได้ถึงระดับสูงแล้ว ไม่เพียงแต่จะเป็นปัญหาในการใช้ฝนเพื่อรดน้ำ แต่หยาดฝนเหล่านั้นจะเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณมากมายซึ่งจะช่วยทำให้สมุนไพรทั้งหมดเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม และอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ

หลินมู่เริ่มควบแน่นพลังภายใน และริเริ่มนึกถึงเมฆาที่แผ่นหยกของเคล็ดหยกวารีกล่าวถึง

เมฆาคือพื้นฐานของเคล็ดหยกวารี หากไม่สามารถควบแน่นเมฆาขึ้นได้ ก็จะไม่มีวันเรียนรู้ทักษะเคล็ดหยกวารีได้

เพียงแต่หลินมู่ไม่มีประสบการณ์การใช้เวทย์มาก่อน และไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เขาก็ไม่อาจควบแน่นเมฆาขึ้นได้เลย

หลินมู่ฝึกซ้อมจนกระทั่งถึงกลางดึก เขาปวดข้อมือและนิ้วทั้งหมด แต่กลับไม่มีเมฆาก้อนใดปรากฏให้เห็น

แม้หลินมู่จะเหนื่อยมาก แต่เขาก็ไม่คิดหยุดยั้งและฝึกฝนต่อไป

หลังจากพยายามศึกษาเคล็ดหยกวารีซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเคี่ยวเค้นในทุกประโยคอย่างเชื่องช้า ก่อนจะสัมผัสได้ถึงการตรัสรู้ในใจ

กลางดึก จันทราเลือนหายไปในเมฆดำ บริเวณโดยรอบมืดลงอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นเอง หมอกสีขาวเจือจางปรากฏขึ้นในความมืด ละอองน้ำเจือจางล่องลอยเรียบง่ายบนฝ่ามือของหลินมู่

หมอกน้ำนี้ไม่ต่างจากควันบางเบา หมอกก็จางจนแทบมองไม่เห็น

หลินมู่มีความสุขมาก เพราะหลังจากศึกษาอยู่นานเขาก็สามารถควบแน่นหมอกขึ้นมาได้ แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่เคล็ดหยกวารีกล่าวถึงหรือไม่…

หลังจากดีดนิ้ว ทักษะนี้ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ และชั้นม่านหมอกค่อย ๆ มีหยดน้ำร่วงหล่นสู่พื้นดิน จนสามารถทำให้พื้นดินแห่งนี้ชุ่มชื้นได้พอสมควร

แต่มันยังห่างไกลจากการจะนำไปรดน้ำในแปลงดินวิญญาณ เพราะเคล็ดหยกวารีที่หลินมู่ศึกษาได้บอกกล่าวไว้ว่า เคล็ดหยกวารีแบ่งออกเป็นสามระดับ และตอนนี้เขายังอยู่ใน ขั้นต้นก่อกำเนิดเมฆา หากต้องการใช้เคล็ดหยกวารีเพื่อรดน้ำให้กับเหล่าสมุนไพรวิญญาณ เขาจะต้องเร่งฝึกฝนให้ถึงขั้นกลางเป็นอย่างน้อย

หลินมู่ยังคงเคลื่อนไหวต่อไป เขาเริ่มร่ายเวทย์อย่างช้า ๆ จนกระทั่งมีหยดน้ำร่วงหล่นสู่พื้นดินตรงหน้าจนเปียกชุ่ม

แสงจันทราสาดส่องลงผ่านก้อนเมฆมาอีกครั้ง และลานบ้านทั้งหมดสว่างราวกับในเวลากลางวัน

สายตาของหลินมู่หันมองบ่อปลาที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาถึง บ่อแห่งนี้เหือดแห้งไปเนิ่นนานแล้ว เขาจึงมีความคิดที่จะใช้เคล็ดหยกวารีขั้นต้นของตนเพิ่มเติมน้ำให้กับบ่อปลานี้

หลินมู่ยังคงฝึกฝนต่อไป เมฆาที่เขาสร้างเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับบ่อปลาตรงหน้า

เวลานี้เขาสามารถใช้เคล็กหยกวารีทำให้พื้นที่บ่อปลาเปียกชุ่ม แต่ว่าเขาต้องใช้เวลาตลอดทั้งคืนกว่าน้ำจะเต็มบ่อ

บ่อปลาขนาดใหญ่นี้ถูกเติมเต็มได้ภายในคืนเดียว

แสงแดดยามเช้าส่องผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นไม้กระทบลงบนใบหน้าของหลินมู่ จึงเผยให้เห็นความมุ่งมั่นในแววตาของเขาชัดเจน

หลินมู่ไม่คิดเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ยังมีเมฆาล่องลอยบนฝ่ามือของเขา และหยาดฝนยังโปรยปรายลงไม่ขาดสาย แม้ว่าเมฆานี้จะไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่มันก็ยังหนาแน่นยิ่งกว่าก่อนหน้า

ทันใด เสียงระฆังก้องกังวาลพลันดังขึ้นจากระยะไกล

ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

เสียงระฆังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา

หลินมู่หยุดมือทันที เขารีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะวิ่งตรงไปที่ยอดเขาชมเมฆาทันที

ขณะเดียวกัน หลายร่างปรากฏตัวขึ้นภายในลานทางยอดเขาตะวันตก ทั้งหมดล้วนแต่มีเป้าหมายจุดเดียวกันก็คือยอดเขาชมเมฆา นอกจากนี้ยังมีเหล่าศิษย์พี่ขี่นกกระเรียนขาวและบินอย่างเชื่องช้ามุ่งหน้าสู่ยอดเขาชมเมฆาด้วยเช่นกัน

หลินมู่ใช้เวลากว่าครึ่งก้านธูปกว่าจะวิ่งมาถึงยอดเขาชมเมฆา เขาหยุดพักหายใจสักครู่ก่อนจะค่อย ๆ ขยับฝีเท้าเข้าใกล้

หลังพักหายใจสักครู่ เขารีบเข้าสู่ตำหนักเซียน และพบเห็นฝูงชนมากมายส่งเสียงอึกทึกไม่น้อย ภายในนี้มีผู้คนมากมายนับร้อย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นศิษย์นอกเช่นเดียวกับหลินมู่ เขากวาดสายตามองโดยรอบจนกระทั่งพบเจอฟูกแล้วค่อยนั่งลง

ที่นั่งบนสุดเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปี ใบหน้าขาวราวกับหยก คิ้วรูปดาบคมเข้ม ดวงตาเปล่งประกายราวดวงดาว เวลานี้เขาอยู่ในชุดคลุมสีเขียวสะอาดตา ซึ่งออร่าในกายแตกต่างจากคนนับร้อยภายในตำหนักแห่งนี้โดยสมบูรณ์

เป็นศิษย์พี่ใหญ่หลิงอวิ๋น เขาอยู่ในอันดับห้าของศิษย์ใน และมักจะออกมาบรรยายความรู้ต่าง ๆ ให้กับศิษย์นอกบ่อยครั้ง หลินมู่เองก็ได้เรียนรู้วิชาจิตเก้าทิศมาจากเขาด้วยเช่นกัน

บางครั้งศิษย์พี่ใหญ่หลิงอวิ๋นจะสอนทักษะฝึกฝนบางอย่าง และหลินมู่จะมาที่ชั้นเรียนทุกครั้งหากว่ามีเวลา สุดท้ายแล้วการเข้าเรียนเช่นนี้ทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย

หลิงอวิ๋นไอเบา ๆ ทำให้ทั่วทุกหนแห่งพลันเงียบลงทันที มันเงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

ทุกคนเฝ้ารออย่างกระตือรือร้น แววตาเปล่งประกายมุ่งมั่น ลมหายใจถูกกลั้นไว้โดยไม่รู้ตัว ทั้งหมดเฝ้ารอให้หลิงอวิ๋นกล่าวบางอย่างด้วยใจจดจ่อ

หลิงอวิ๋นเห็นความปรารถนาของทุกคนแล้วจึงเริ่มกล่าวเชื่องช้า “เอาล่ะ พี่น้องทั้งหลาย วันนี้ข้าจะมาบอกเล่าถึงวิธีการขัดเกลาอาวุธ และหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะตั้งใจฟัง และหากไม่คิดสนใจก็จงออกไปอย่าได้เสียเวลาอยู่ที่นี่”

เสียงของเขาไม่ดังนัก แต่เพราะเขามีขอบเขตยุทธ์ที่ค่อนข้างสูง เช่นนี้ทุกคนภายในตำหนักจึงได้ยินเสียงเขาชัดเจนราวกับกระซิบข้างหู

“ทักษะการขัดเกลาอาวุธนั้นมากมาย และยังลึกซึ้งมากด้วย หากพวกเจ้าต้องการเชี่ยวชาญในด้านนี้ สุดท้ายแล้วต้องใช้เวลา ความทุ่มเท และความอดทนอย่างถึงที่สุด เอาล่ะ วันนี้ข้าจะบอกเล่าถึงพื้นฐานการขัดเกลาอาวุธให้ฟังก่อนแล้วกัน และวันนี้ข้าจะสาธิตวิธีการขัดเกลาจอบวิญญาณปฐพีด้วย”

หลังพูดจบแล้ว เขามองเหล่าศิษย์นอกทั้งหมด ก่อนจะเริ่มหยิบสิ่งต่าง ๆ ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจึงเริ่มบรรยายโดยตรง

หลินมู่เฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของหลิงอวิ๋นอย่างไม่กะพริบตา เพราะเกรงว่าจะพลาดขั้นตอนสำคัญไป

การเคลื่อนไหวของหลิงอวิ๋นเป็นไปอย่างลื่นไหล แท่งทองสัมฤทธิ์ในมือของเขาเริ่มควบแน่นก่อตัวเป็นจอบ เขายังคงเคลื่อนไหวต่อไป จนก่อเกิดพลังวิญญาณเปล่งประกายออกจากฝ่ามือ จากนั้นควบแน่นพลังวิญญาณแล้วประทับมันลงในจอบก่อนจะสลักอักขระโบราณพร้อมฝังหินวิญญาณลงไปในตัวจอบอย่างคล่องแคล่ว

กระบวนการทั้งหมดลื่นไหลไม่มีสะดุด ทุกคนที่รับชมอยู่รอบด้านเผยสีหน้าประทับใจอย่างช่วยไม่ได้

แม้หลินมู่จะไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย ทว่ามีหลายอย่างที่เขายังไม่เข้าใจ สุดท้ายแล้วการเคลื่อนไหวของศิษย์พี่หลิงอวิ๋นราบรื่นเสียจนเพลิดเพลินในการรับชม ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายต้องฝึกฝนหนักเพียงใดจึงจะเคลื่อนไหวได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ในใจของเขายังคงชื่นชมศิษย์พี่หลิงอวิ๋นไม่หยุดหย่อน ส่วนหูยังคงรอรับฟังการบรรยายจากอีกฝ่ายอย่างใจจดจ่อด้วย

ศิษย์พี่หลิงอวิ๋นไม่ทำให้เขาผิดหวัง เมื่อเห็นว่าศิษย์นอกหลายคนยังสับสน เขาจึงอธิบายต่อไปว่า “มีสามหลักการใหญ่ ๆ ในการขัดเกลาอาวุธที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ประการแรกคือการขึ้นรูปวัสดุ ประการที่สองคือการสลักค่ายกลลงไปในตัววัสดุ และประการที่สามคือการฝังหินวิญญาณ ทั้งหมดนี้คล้ายว่าดูง่ายดาย แต่ถ้าหากพวกเจ้าลองลงมือทำด้วยตนเอง พวกเจ้าจะเข้าใจมันแตกต่างกันไป และสิ่งนี้ถือว่าจะมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนของพวกเจ้าด้วย เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะเริ่มอธิบายโดยละเอียด และบอกกล่าวถึงสิ่งที่พวกเจ้าต้องระมัดระวังให้มาก…”

การบรรยายคราวนี้กินเวลานานกว่าสามชั่วโมง ทุกคนล้วนแต่ตั้งใจฟังไม่มีใครคิดเดินออกไป

ในสำนักดาบพันปักษา มีเพียงศิษย์พี่หลิงอวิ๋นเท่านั้นที่ไม่เห็นแก่ตัว เขาคอยดูแลและสอนทักษะให้กับศิษย์นอกบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดเขาก็หยิบยื่นให้ศิษย์นอกเสมอ ดังนั้นทุกคนจึงค่อนข้างเชื่อฟัง และประทับใจในเจตนาดีของหลิงอวิ๋นอย่างยิ่ง

หลังบรรยายเสร็จสิ้นแล้ว หลิงอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขามากนัก ชายหนุ่มเพียงยกยิ้มก่อนจะจากไป

ผู้คนรอบตัวเริ่มเดินออกไปทีละคน แต่หลินมู่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้เงียบ ๆ

หลังจากยืนยันว่าจดจำทุกสิ่งได้แล้ว เขาจึงลุกขึ้นและออกจากตำหนักแห่งนี้

หลินมู่จ้องมองแสงแดดสีทองที่สาดส่องลงมาบนพื้น และตระหนักได้ว่าการบรรยายในคราวนี้มีความสำคัญกับเขาอย่างยิ่งใหญ่…

3 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด