ตอนที่ 4 หอซ่อนวิถี
ตอนที่ 4 หอซ่อนวิถี
พลบค่ำ หลินมู่ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น
หลังจากนอนหลับเต็มอิ่มถึงเก้าชั่วโมง หลินมู่ทั้งรู้สึกสดชื่นและเหนื่อยล้าไปพร้อม ๆ กัน
เขาตัดสินใจว่าจะค่อย ๆ ดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
การเผชิญหน้ากับหม่าฮวาหยวนไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาต้องการคือการสะสมความแข็งแกร่งอย่างลับ ๆ และรอจนกระทั่งถึงเวลาที่เหมาะสมในการจัดการกับหม่าฮวาหยวน แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับเลวร้ายขึ้นกะทันหัน ถ้าหากเขาไม่ระมัดระวังเพียงพอ หม่าฮวาหยวนอาจจะลงมือเอาเปรียบ ทำให้เขาอับอาย และอาจจะถึงขั้นต้องเจ็บตัวด้วยซ้ำ
สุดท้ายแล้วหลินมู่ย่อมไม่หวาดกลัวเรื่องเหล่านั้น เพราะเขามีจี้วังวนจันทรา สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเวลาต่างหาก
เวลาภายในมิติวังวนจันทราเร็วกว่าโลกภายนอกถึงสองเท่า ซึ่งทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของเขามีมากกว่าศิษย์ทั่วไป ที่ดินวิญญาณทั้งสามหมู่สมควรได้ใช้สอยอย่างเต็มที่ เขาต้องการปลูกสมุนไพรวิญญาณ เพื่อนำมากลั่นเป็นยาอายุวัฒนะ หากทำได้แล้วขอบเขตยุทธ์ของเขาก็จะได้รับการปรับปรุงด้วยเช่นกัน หากสิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามที่คิดไว้ เขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะไล่ตามศิษย์เหล่านั้นไม่ทันอีกต่อไป
นี่คือขุมทรัพย์ของเขา และเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
เพียงแต่ว่าการปลูกหญ้าวิญญาณเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะ ผู้ฝึกตนที่ไม่เข้าใจในคุณสมบัติทางยา และหญ้าวิญญาณจะไม่สามารถปลูกมันได้ นอกจากนี้การปลูกมันจะต้องเรียนรู้เคล็ดวิชาพื้นฐานทั้งห้าด้วย ซึ่งประกอบไปด้วยเคล็ดหยกวารีจำเป็นต่อการรดน้ำหญ้าวิญญาณ เคล็ดธาตุทองสำหรับกำจัดวัชพืชและแมลง เคล็ดหญ้าพฤกษาสำหรับเพิ่มการเจริญเติบโตของหญ้าวิญญาณ และเพื่อ…
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องใช้หินวิญญาณซื้อ ยังไม่รวมถึงเมล็ดหญาวิญญาณ หรือเคล็ดวิชาพื้นฐานทั้งห้าด้วย
แม้สำนักดาบพันปักษาจะไม่อนุญาตให้ศิษย์ทั้งหมดออกจากสำนักโดยง่าย แต่ก็ยังมีตลาดค้าขายใกล้เคียงกับประตูสำนัก อย่างเช่นหอสีขาวที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโรยอรุณ สถานที่แห่งนั้นมีอาวุธเวทมนตร์ ยาอายุวัฒนะ เครื่องราง เมล็ดพืช และอีกมากมายครบครัน ส่วนตรงข้ามของหอสีขาวเป็นหอซ่อนวิถี มีเคล็ดวิชาจิตวิญญาณ ทักษะดาบ และทักษะอื่น ๆ อีกมากโข
ตราบใดที่ผู้ฝึกตนมีหินวิญญาณเพียงพอ ทุกสิ่งที่นี่สามารถซื้อขายได้เสมอ อีกทั้งเมื่อเทียบกับราคาของโลกภายนอก ที่นี่นับว่าถูกกว่ามาก
หลินมู่หยิบฟูกในห้องนอนออกมาพร้อมกับยกอิฐสีเขียวขึ้นจากพื้นดิน ภายในมีถุงผ้าสีเข้มซ่อนอยู่ภายใต้ก้อนอิฐ เขาดึงเอาถุงผ้านั้นออกมาอย่างช้า ๆ
หลังเปิดถุงผ้าออกอย่างระมัดระวังแล้ว ด้านในมีหินวิญญาณระดับต่ำถึง 40 ก้อน ทั้งหมดคือเงินออมของหลินมู่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
หินวิญญาณเต็มไปด้วยพลังวิญญาณมากมาย สิ่งนี้สามารถช่วยปรับปรุงขอบเขตยุทธ์ได้ และยังเป็นสกุลเงินพื้นฐานที่ดีที่สุดในโลกฝึกตน หินวิญญาณจึงถือว่ามีความสำคัญและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแท้จริง
หลินมู่ไม่ยินดีที่จะใช้หินวิญญาณสำหรับการฝึกฝน เขารู้สึกว่าการใช้สิ่งนี้เพื่อฝึกฝนมันสิ้นเปลืองเกินไป เช่นนี้เขาจึงฝึกฝนด้วยตนเองเสมอมา หลังจากอดทนมานานกว่าสามปี เขาสามารถสะสมหินวิญญาณได้มากกว่า 40 ก้อนแล้ว
นี่คือสมบัติทั้งหมดของหลินมู่ในปัจจุบัน
หลังจากห่อถุงผ้ากลับคืนอย่างระมัดระวังแล้ว หลินมู่เดินออกจากลานเล็กและมุ่งหน้าสู่ยอดเขาโรยอรุณ
ยอดเขาโรยอรุณอยู่ติดกับลานของหลินมู่ และมันค่อนข้างมีชื่อเสียงในด้านความงดงามของแสงอาทิตย์อัสดง
หลังจากหลินมู่มาถึงยอดเขาโรยอรุณแล้ว เขาไม่มีเวลามากพอที่จะเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์งดงามตรงหน้า สิ่งนี้ถือเป็นความหรูหราที่เขาไม่มีโอกาสสัมผัส ฝีเท้าของเขายังคงก้าวตรงมุ่งหน้าสู่หอซ่อนวิถีโดยตรง
หอซ่อนวิถีอยู่ตรงข้ามกับหอสีขาว ทั้งสองถูกสร้างขึ้นบนยอดเขาโรยอรุณ อาคารไม้สามชั้นเรียบง่าย และสง่างามดูเป็นธรรมชาติ
พลบค่ำแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเหลืออยู่ภายในหอซ่อนวิถี ชายชราผิวสีดอกกุหลาบนั่งอยู่ด้านหลังของประตูหอ เขาหลับตาลงพักผ่อนอย่างเรียบง่าย เวลานี้หลินมู่ไม่อาจทราบถึงขอบเขตยุทธ์ของเขาได้เลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงโค้งคำนับในความเงียบและเดินเข้าสู่หอซ่อนวิถี
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายชราคล้ายไม่รู้สึกตัว เขาไม่ลืมตาขึ้นมองด้วยซ้ำ
หอซ่อนวิถีแบ่งออกเป็นสามชั้น แต่ละชั้นจะมีทักษะในระดับที่แตกต่างกัน ยิ่งขึ้นสู่ชั้นสูงมากเท่าไหร่ ระดับของทักษะที่วางขายก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
เวลานี้หลินมู่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสาม เขาสามารถเดินเตร็ดเตร่ได้ในชั้นหนึ่งเท่านั้น
ภายในหอซ่อนวิถี ชั้นไม้พะยูงวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ละชั้นไม้แบ่งออกเป็นช่องจำนวนมาก และในช่องแต่ละช่องมีแผ่นหยกลอยอยู่ภายใน และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าศิษย์ทั้งหมด กรอบไม้เหล่านี้จะมีสัญลักษณ์จำแนกประเภทของทักษะไว้เด่นชัด เช่นทักษะจิตวิญญาณ ทักษะการใช้ดาบ หรือทักษะอื่น ๆ
สำนักดาบพันปักษาเป็นสำนักที่ฝึกฝนวิชาดาบ เช่นนั้นในหอซ่อนวิถีจึงเต็มไปด้วยทักษะกระบวนท่าดาบ ตามด้วยทักษะจิตวิญญาณ และสุดท้ายทักษะเวทมนตร์นับว่าน้อยนิดเพียงหยิบมือ
หลินมู่เดินต่อไป ผ่านกรอบไม้เรียงราย และในที่สุดก็พบเจอกับเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ
เขาหยิบมันมาอย่างสบาย ๆ ชิ้นหยกล่องลอยอยู่เหนือฝ่ามือของเขา เวลานี้เขาถ่ายเทพลังจิตวิญญาณตรวจสอบ ปรากฏข้อความหนึ่งขึ้นในใจชัดเจน
เคล็ดอัคคีสีชาด หนึ่งในเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ ต้องการหินวิญญาณระดับต่ำ 5 ก้อน
หลินมู่หยิบหยกอีกชิ้นขึ้นมา ก่อนจะใช้พลังจิตวิญญาณตรวจสอบ ข้อความที่ปรากฏเหมือนกันกับชิ้นก่อนหน้าทุกประการ
เคล็ดธาตุทอง หนึ่งในเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ ต้องการหินวิญญาณระดับต่ำ 5 ก้อน
……
เขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมาหลายแผ่น และข้อความทั้งหมดที่ปรากฏเหมือนกับข้างต้นไม่ผิดเพี้ยน
เขาหยิบมันขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะถ่ายเทพลังจิตวิญญาณลงไป คราวนี้สีหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสีด้วยความตื่นเต้น
เคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ ประกอบด้วย เคล็ดธาตุทอง เคล็ดหญ้าพฤกษา เคล็ดหยกวารี เคล็ดอัคคีสีชาด เคล็ดก่อปฐพี ต้องการหินวิญญาณระดับต่ำ 20 ก้อน
นี่คือเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุฉบับรวม!
ถ้าหากซื้อแผ่นหยกนี้ เขาจะสามารถประหยัดหินวิญญาณระดับต่ำได้ถึง 5 ก้อนเมื่อเทียบกับการซื้อห้าทักษะแยกจากกัน
แต่อย่างไรแล้วเขาก็ยังรู้สึกกดดันไม่น้อยที่จะต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำถึง 20 ก้อนในคราวเดียว เพราะมันคือครึ่งหนึ่งของเงินออมตลอดสามปีที่ผ่านมา
หลินมู่ลังเลสักครู่ แต่สุดท้ายก็กัดฟันซื้อมันกลับมา
ประการแรก เขาคือผู้ที่มีรากวิญญาณธาตุทั้งห้า ดังนั้นเขาจึงฝึกฝนได้ทั้งหมด ประการที่สองเขาสามารถประหยัดหินวิญญาณระดับต่ำได้ถึง 5 ก้อน ซึ่งมันถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง และประการที่สาม เขาต้องซื้อทักษะการเพาะปลูกเหล่านี้ เพื่อไม่ให้ที่ดินวิญญาณภายในมิติวังวนจันทราต้องแห้งแล้งไร้ประโยชน์ มิฉะนั้นคงเสียของไม่น้อยแล้ว
หลังตัดสินจได้แล้ว เขาหยิบแผ่นหยกเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุออกไปที่ประตูหอซ่อนวิถี
เมื่อมาหยุดยืนตรงหน้าของชายชรา หลินมู่เห็นว่าชายชรายังคงหลับอยู่ แต่เขาก็ต้องกัดฟันรบกวนอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อชายชราตื่นขึ้นแล้ว ดวงตาของเขาราวกับบ่อน้ำลึกไร้ก้น มันทั้งสงบและยากจะหยั่งรู้
หลินมู่โค้งคำนับอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดว่า “ผู้เยาว์ได้เลือกแผ่นหยกแล้ว อยากให้อาวุโสช่วยตรวจสอบขอรับ”
ชายชราหยิบแผ่นหยกขึ้นมาเหลือบมอง ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หินวิญญาณระดับต่ำ 20 ก้อน”
หลินมู่หยิบถุงผ้าของเขาออกมา นับหินวิญญาณระดับต่ำ 20 ก้อนแล้วมอบให้กับชายชราด้วยมือทั้งสองข้าง
ทันทีที่หินวิญญาณระดับต่ำถูกวางในมือของชายชราแล้ว เขาเก็บมันลงในถุงเก็บของที่เอว จากนั้นชายชรายื่นแผ่นหยกให้หลินมู่อีกครั้งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม “ไปได้”
หลินมู่โค้งคำนับพร้อมออกจากหอซ่อนวิถีเงียบ ๆ
หลังจากหลินมู่เดินออกจากหอซ่อนวิถีแล้ว ใบหน้าของชายชราผู้นั้นพลันกระตุกแผ่วเบา มุมปากยกยิ้มขึ้นไม่รู้ตัว แววตาเปล่งประกายวูบไหวยินดี แต่เพียงเสี้ยววินาทีสีหน้าของเขากลับคืนสู่ปกติ ไร้ซึ่งชีวิตชีวาราวกับคนแก่ใกล้ตาย