ตอนที่แล้วตอนที่ 1 หลินมู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 เผชิญหน้า

ตอนที่ 2 จี้วังวนจันทรา


ตอนที่ 2 จี้วังวนจันทรา

หลินมู่นั่งขัดสมาธิภายในห้องมืดเงียบสงบ นาทีนี้เขากำลังจดจ่อกับการฝึกฝน

เขาฝึกฝน ‘วิชาจิตเก้าทิศ’ อย่างเงียบ ๆ จิตสำนึกของเขาหลุดลงสู่ภวังค์ล้ำลึกจนกระทั่งหลอมรวมกันอยู่ในจุดตั้งมั่นของลมหายใจ

พลังวิญญาณไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณในกาย และทุกครั้งที่มันโคจรไปโดยรอบ พลังวิญญาณจะเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด

เป็นเพราะขอบเขตยุทธ์ของหลินมู่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสาม แม้เขาจะฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งคืน แต่เขาก็สามารถโคจรพลังวิญญาณในกายได้เพียงเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เชื่อมั่นว่าถ้าหากฝึกฝนอย่างหนักก็จะสามารถหลุดพ้นจากความอ่อนแอได้ในสักวันหนึ่ง ตราบใดที่เขาอดทน เขาจะได้รับสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่า

หลินมู่ใช้จิตสำนึกตรวจสอบการโคจรของพลังวิญญาณในร่างกาย หลังจากพลังวิญญาณไหลเวียนคงที่กว่าหนึ่งสัปดาห์ ไม่นานพวกมันก็ค่อย ๆ กลับเข้าสู่ตันเถียนตามเดิม และหากพิจารณาให้ดีแล้วจะมองเห็นร่องรอยของพลังวิญญาณเจือจางอยู่ภายในร่างกายของหลินมู่ด้วย

และการตรวจสอบทุกสิ่งในร่างกายเป็นทักษะที่ง่ายที่สุด และถูกรวมไว้ในวิชาจิตเก้าทิศ ทักษะนี้เป็นทักษะพลังจิตระดับสองที่สำนักได้สั่งสอนเมื่อหลินมู่เข้าสู่สำนักในคราวแรก แม้ว่าระดับของมันจะไม่มาก แต่มันคือรากฐานสำคัญทางพลังจิต และศิษย์นอกส่วนใหญ่ของสำนักดาบพันปักษาต้องฝึกฝน สุดท้ายพลังวิญญาณที่ได้รับจะถูกพลังจิตขัดเกลาให้บริสุทธิ์ และพวกเขาจะไม่กลายเป็นบ้าในภายหลัง

การเพิ่มพลังจิตถือเป็นการฝึกฝนอีกส่วนหนึ่งเช่นกัน ผู้ฝึกตนจะต้องให้ความสำคัญกับการฝึกฝน ทั้งเส้นโลหิตจิตวิญญาณ ยาจิตวิญญาณ และหินวิญญาณล้วนแต่มีประโยชน์ในการปรับปรุงขอบเขตยุทธ์ ถ้าหากไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผู้ฝึกตนเหล่านั้นจะทำได้เพียงพึ่งพาตัวเอง และต้องฝึกฝนอย่างหนักเท่านั้น

พลังเวทย์ถือเป็นการใช้พลังจิตวิญญาณควบคุม เพียงแต่ว่าทักษะเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ครอบครอง และมันจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณซื้อมา หรือไม่ก็ต้องมีอาจารย์ฝึกฝนให้ ในเวลานี้ทักษะการใช้พลังจิตตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่หลินมู่เรียนรู้ได้เท่านั้น

พลังจิตวิญญาณถือเป็นพื้นฐานของทุกสรรพสิ่ง และพลังเวทย์ถือเป็นส่วนขยายของพลังจิตวิญญาณ ทั้งสองล้วนส่งเสริมและพึ่งพากันและกัน

ผ่านไปเนิ่นนาน หลินมู่ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง

ขณะนี้จันทราลอยเด่นเป็นสง่าอยู่บนท้องฟ้า ดวงจันทร์เปล่งประกายสดใสไปทั่วบริเวณ

แสงจันทราสาดเข้ามาภายในห้องเล็กแห่งนี้ ก่อนจะสะท้อนบนจี้หยกแจ่มชัด จี้หยกบนหน้าอกของหลินมู่พลันเปล่งแสงเรืองรองออกมาอย่างน่าประหลาดใจ

หลินมู่หันมองมันด้วยความสนใจทันที เขาหยิบยกมันขึ้นมารับชมอย่างระมัดระวัง สีหน้ากลับกลายเป็นเคร่งขรึมก่อนจะเผยความประหลาดใจในที่สุด

เขาตระหนักได้ว่าแสงจันทร์ที่ส่องสว่างมากระทบกำลังทะลักเข้าสู่ภายในของจี้หยกชิ้นนี้ราวกับกระแสน้ำหลาก

จี้หยกถึงกับสามารถดูดซับแสงจันทราได้งั้นหรือ? เขาเริ่มมองดูมันอย่างระมัดระวังทันที

เวลานี้เขาใช้จิตสำนึกเพื่อตรวจสอบจี้หยกตรงหน้า แต่สุดท้ายต้องผิดหวังเพราะไม่พบเจอสิ่งใด เขาทำได้เพียงมองมันอยู่ด้านนอกไม่อาจทะลวงเข้าสู่ภายในได้

แต่หลินมู่กลับยิ่งประหลาดใจไม่รู้จบ

แสงจันทราถึงกับสามารถเข้าสู่ภายในจี้หยกได้ แต่จิตสำนึกกลับถูกปิดกั้นงั้นหรือ? หลินมู่ยังคงครุ่นคิดหาหนทาง

หลังจากนั่งคิดสักครู่หนึ่ง เขาจึงตระหนักบางอย่างขึ้นได้ เวลานี้เขากรีดนิ้วพร้อมหยดเลือดลงบนจี้หยก ในแววตาเผยความคาดหวังชัดเจน เลือดสีแดงสดของหลินมู่ค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ภายในของจี้หยกช้า ๆ ก่อนจะหายไปหมดสิ้น จี้หยกเผยสีขาวนวลไร้ที่ติ และเมื่อบวกกับแสงจันทร์ที่สาดส่องมาก็ยิ่งเปล่งประกายความบริสุทธิ์มากขึ้น

หลังจากหยดเลือดหลอมรวมกับจี้หยกโดยสมบูรณ์แล้ว หลินมู่สัมผัสได้ว่าตัวเขากับจี้หยกมีบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกัน

เพียงขยับความคิด เสี้ยววินาทีต่อมาสายตาของเขามืดดับและหายไปจากสถานที่เดิม

ก่อนที่ร่างกายจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในสถานที่ไม่รู้จัก เขาล้มลงบนพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เวลานี้สายตากวาดมองสถานที่โดยรอบด้วยความประหลาดใจ

นี่คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณล้นหลาม หมอกหนาปรากฏทุกหนแห่ง หลินมู่ยืนอยู่หน้ากระท่อมหลังเล็ก เขามองที่ดินวิญญาณสามหมู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย

หลินมู่มองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามีอักษรสี่ตัวปรากฏด้านบนของกระท่อม… มิติวังวนจันทรา

กระท่อมนี้เรียบง่ายไม่ต่างจากบ้านทั่วไป ความแตกต่างของมันคงมีเพียงขนาดเท่านั้น

หลินมู่ผลักประตูให้เปิดออกและพบว่าภายในของกระท่อมว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอื่น

เขาตกตะลึงสักครู่ก่อนจะยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าว่างเปล่า เขาคิดว่าโชคชะตากำลังอวยพรมอบสมบัติล้ำค่ามากมายให้ แต่สุดท้ายแล้วไม่มีสิ่งใดปรากฏแม้แต่น้อย

เมื่อเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ครั้งแรก เขาคิดว่าจะได้พบเจอสมบัติแห่งสวรรค์และโลก หรือทักษะวิชาชั้นยอด แต่เมื่อเปิดประตูออกแล้ว ภายในกลับว่างเปล่าเหมือนกับอารมณ์ของเขาในเวลานี้ไม่ผิดเพี้ยน

ไม่นานหลินมู่ก็ตระหนักได้ถึงความจริง มีที่ดินวิญญาณอยู่ด้านนอก และไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในบ้าน อย่างนั้นหมายความว่าบรรพบุรุษของเขาคงอยากจะให้คนรุ่นหลังได้พยายามเพื่อให้ได้รับมาซึ่งรางวัลที่ต้องการ

หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว หลินมู่ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา และอยากจะค้นหาความพิเศษของจี้หยกนี้ต่อ

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เขามองเห็นข้อดีสองประการของมันแล้ว

ประการแรก พลังวิญญาณภายในมิติวังวนจันทราหนาแน่นมากกว่าโลกภายนอกถึงสองเท่า ถ้าหากเขาฝึกฝนอยู่ภายในนั้น เขาจะได้รับผลลัพธ์เป็นสองเท่าจากความพยายามเพียงครึ่ง! ประการที่สอง ที่ดินวิญญาณสามหมู่เป็นที่ยอดเยี่ยม หลินมู่คิดว่ามันน่าจะเป็นที่ดินระดับสอง และเขาจะสามารถกลั่นยาวิญญาณด้วยตนเองได้ หลังจากนั้นขอบเขตยุทธ์ของเขาก็จะไม่หยุดนิ่งอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน หลินมู่เองก็ยังลอบคาดเดาว่าพลังวิญญาณภายในจี้หยกนี้อาจจะสัมพันธ์กับแสงจันทร์ที่จี้หยกดูดซับเอาไว้ด้วย

ตัวเขาเองไม่ทราบว่าจี้หยกนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษรุ่นใด แต่ถ้าหากหลินมู่ไม่ได้เข้าสู่เส้นทางการฝึกตน เขาคงไม่อาจทราบถึงความลับเหล่านี้แน่

เวลานี้เขาทราบถึงทุกสิ่งแล้ว ถือว่ามันคือโชคชะตาของเขา หลินมู่จะคว้ามันเอาไว้แน่นอน และจะฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้นอีก

เมื่อเข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐานเขาจะได้กลับไปเยี่ยมบิดามารดาอีกครั้ง เวลานี้หัวใจอันเหี่ยวเฉาของเขาคิดถึงผู้ให้กำเนิดแทบจะขาดใจแล้ว

สายตายังคงจับจ้องจี้หยกเอาไว้ ดวงตามีน้ำใสเอ่อล้นอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดเขาก็ตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง เวลานี้เขาเข้าสู่จี้หยกแล้ว แต่ทำไมมันถึงยังห้อยอยู่ที่คอของเขาล่ะ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ภายในจี้หยก หรือว่าอยู่ด้านนอกจี้หยก?

เพียงนึกคิด เขาออกจากมิติวังวนจันทรา และปรากฏตัวขึ้นในห้องเงียบอีกครั้ง

จี้หยกยังคงห้อยอยู่ที่คอของเขาเช่นเดิม แสงจันทร์ยังสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา แต่ว่าตำแหน่งของดวงจันทร์แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง

หลินมู่กระชับจี้หยกในมือไว้แน่น ทุกสิ่งอย่างราวกับเป็นความฝัน มันเหมือนกับภาพลวงตาเสียจนเขาไม่อยากจะเชื่อ ในใจเต็มไปด้วยพลังแห่งการต่อสู้พลุ่งพล่าน

ตอนนี้เขานึกคิดได้ว่าตนอยู่ภายในจี้หยกนานนับชั่วโมง แต่ทำไมดวงจันทร์ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม?

เขานึกคิดวนไปมาอยู่นาน ก่อนจะหยิบไม้จันทน์ออกมาจุดไฟ จากนั้นก็เข้าสู่มิติวังวนจันทราอีกครั้ง และจุดไม้จันทน์ภายในนี้ด้วย

หลินมู่มองไม้จันทน์ที่กำลังเผาไหม้ไปอย่างช้า ๆ ด้วยใจจดจ่อ ไม้จันทน์ถูกเผาทีละน้อยจนกระทั่งเหลือเพียงเถ้าถ่าน

หลินมู่ไม่รีรอและรีบกลับออกไปที่ห้องของตนทันที

ไม้จันทน์ในห้องนี้ยังคงเผาไหม้ต่อไป แต่ว่ามันเพิ่งจะมาถึงครึ่งทางเท่านั้น!

หัวใจของหลินมู่แทบจะระเบิดออก ดวงตาของเขาเปล่งประกายยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ เข้าใจแล้ว! เวลาภายในมิติวังวนจันทราเร็วกว่าโลกภายนอกสองเท่า! ถ้าหากฝึกฝนภายในนั้นสักสองวัน เท่ากับว่าเวลาของโลกภายนอกเพิ่งผ่านไปวันเดียว!

เวลานี้หลินมู่ยิ่งตื่นเต้นยิ่งยินดี ร่างกายของเขาร้อนผ่าวเพราะความตื่นเต้น

จี้หยกนี้จะทำให้ขอบเขตยุทธ์ของเขาทัดเทียมกับผู้อื่น! มันชดเชยข้อเสียของรากวิญญาณที่เขามีได้เป็นอย่างดี! ต่อให้เวลานี้จะวิ่งตามหลัง แต่อีกไม่นานก็จะติดตามพวกนั้นได้แน่นอน

ถือเป็นสมบัติล้ำค่า! ห้ามให้ผู้ใดทราบถึงการมีอยู่ของมันเด็ดขาด… หลินมู่กล่าวเตือนตัวเองในใจ

เขาทราบถึงความสำคัญของการรักษาความลับเป็นอย่างดี สุดท้ายแล้วการสังหารผู้คนเพื่อฉกฉวยเอาสมบัติของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องแปลกในโลกผู้ฝึกตน เพียงยาวิญญาณหนึ่งขวดยังถูกฉกชิงไปได้ หากว่ามีใครทราบถึงพลังพิเศษของจี้หยกนี้ แน่นอนว่าเขาคงจะถูกฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา

แต่อีกอย่างหนึ่ง จี้หยกนี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เขากลับมาโต้ตอบผู้อื่นได้ใช่หรือไม่?

หลินมู่กอดจี้วังวนจันทราไว้แน่น โดยถือว่ามันคือชีวิตและจิตใจของเขานับจากวันนี้

หลินมู่หยิบฟูกน้อยของเขาแล้วเดินออกสู่ลานด้านนอก แสงจันทร์ในลานสว่างยิ่งกว่าภายในห้องหลายเท่า เขาวางฟูกลงแล้วนอนลง จี้หยกวางอยู่บนอกเช่นเดิม เขาปล่อยให้มันดูดซับแก่นแท้จันทราต่อไป เพื่อเติมเต็มพลังวิญญาณภายในมิติวังวนจันทราให้เต็ม

สายตาจับจ้องแสงจันทร์สดใสตรงหน้า เขาทั้งนอนไม่หลับ และไม่อาจฝึกฝนต่อไปได้

เพราะในคืนนี้จิตใจของเขาว้าวุ่นเหลือเกิน…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด