Chapter 13 ผู้ช่วยชีวิต
เด็กชายยังคงพูดต่อ จี้หยวนหยวนตกตะลึงเมื่อได้ยินชื่อของเขา
มู่เชิง? เด็กชายคนนี้ชื่อมู่เชิงเหรอ?
ไม่แปลกใจเลยที่เธอรู้สึกว่าใบหน้าของเด็กชายคนนี้คุ้นตามาก นี่คือเวอร์ชันจิ๋วของฉินมู่เชิง ใบหน้าของเขาหล่อเหลามาตั้งแต่เขายังเด็ก
“คุณปู่ฮะ ผมได้รับการช่วยเหลือจากคุณน้าและก็น้องสาวตัวน้อย ผมจะรออยู่ที่นี่นะฮะ โปรดขอให้น้าเล็กนำเงินจำนวนนึงมาด้วยนะฮะ”
หลังจากวางสายแล้ว เจ้าของร้านก็ดูเวลาแล้วยื่นมือออกมา “หนึ่งหยวน”
หลี่ซู่ จ่ายเงินหนึ่งหยวนและมองไปที่ ฉินมู่เชิง“เพื่อนตัวน้อย เดี๋ยวจะมีคนมารับเธอแล้วใช่มั้ย”
ฉินมู่เชิง พยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ผมมีคุณน้าอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่ เธอจะมารับผมทีหลัง”
หลี่ซู่กำลังคิดว่ากลับบ้านไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ นอกจากนี้ มันค่อนข้างอันตรายสำหรับ ฉินมู่เชิง ที่ต้องอยู่ที่นี่ตามลำพัง เธอจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณน้าก็จะรออยู่ที่นี่กับคุณด้วยก็แล้วกัน”
เธอมองไปรอบๆ และเห็นร้านอาหารอยู่ไม่ไกล จึงถามว่า “หิวไหมจ๊ะ? น้าจะเลี้ยงคุณเอง!”
ฉินมู่เชิงลูบท้องของเขาพร้อมทั้งกลืนน้ำลาย “ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนคุณน้าหน่อยนะฮะ เมื่อคุณน้าของผมมา ผมจะขอให้เธอคืนเงินให้คุณ”
หลี่ซูยิ้มเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ”
หลี่ซู เอื้อมมือไปจับมือของ ฉินมู่เชิง
ฉินมู่เชิง ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเดินตาม หลี่ซู่ อย่างเชื่อฟัง
จี้ซีอังและจี้ซีซวนต่างก็จับมือของจี้หยวนหยวนแล้วเดินตามไปข้างหลัง
ในขณะนี้ มีเสียงแหบแห้งที่ฟังดูเหมือนเสียงวิทยุที่หมดสภาพดังขึ้นในหัวของจี้หยวนหยวน
****[ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เป็นเจ้าของ สำหรับการเปิดใช้งาน Koi Constitution ]****
-
จู่ๆ จี้หยวนหยวนก็หยุดเดินและมองไปที่จี้ซีซวน “พี่ใหญ่ คุณได้ยินเสียงอะไรบ้างไหม”
จี้ซีซวนก็ส่ายหัวด้วยความงุนงง “เสียงอะไรหรอ?”
จี้หยวนหยวนมองไปที่จี้ซีอังอีกครั้ง “แล้วพี่รองล่ะ ?”
จีซีอังก็ส่ายหัว “หยวนหยวน เกิดอะไรขึ้น?”
จี้หยวนหยวนขมวดคิ้วและส่ายหัว เมื่อเห็นว่า หลี่ซู่ และ ฉินมู่เชิง เริ่มเดินห่างจากพวกเขาแล้ว เธอก็รีบพูดว่า "เรารีบไปกันเถอะ"
หลังจากเข้าไปในร้าน หลี่ซู่ ก็สั่งบะหมี่หนึ่งชามสำหรับ ฉินมู่เชิง และซาลาเปาสำหรับลูกทั้งสามคน แต่เธอไม่มีอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่า ฉินมู่เชิง หิวโหยและกินบะหมี่ในชามอย่างรวดเร็ว
ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงรักษาความสุภาพของเขาไว้ และการเคลื่อนไหวของเขาก็ดูสง่างามมาก
หลังรับประทานอาหาร หลี่ซู่ ก็พาเด็กๆ ออกไปข้างนอก
เธอกลัวว่าน้าของฉินมู่เชิงจะหาเขาไม่เจอ เธอจึงจงใจหาสถานที่ที่ยืนเห็นได้อย่างเด่นชัด
เมื่อมองไปที่ ฉินมู่เชิง ในขณะนี้อารมณ์ของจี้หยวนหยวนนั้นซับซ้อนมาก
คนนี้เป็นสามีเก่าของเธอในชาติที่แล้ว เขากลายเป็นผู้ชายที่เธอเกลียดในเวลาเพียงแค่สามปี แต่เขายังเป็นคนเดียวนอกเหนือจากครอบครัวของเธอ ที่ห่วงใยชีวิตเธอหลังจากที่เธอหายตัวไป
บางทีในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไม ฉินมู่เชิง ถึงแต่งงานกับเธอในชีวิตก่อนหน้านี้ และทำไมเขาถึงตามหาเธออย่างบ้าคลั่งหลังจากที่เธอหายตัวไป
อาจเป็นเพราะการเผชิญหน้าครั้งนี้ เมื่อเขายังเด็กใช่หรือไม่?
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ มันเป็นความไม่ตั้งใจของเธอ ซึ่งเธอแทบจะไม่มีส่วนในการช่วยเหลือให้เขารอดจากเหตุการณ์นี้เลย
อย่างไรก็ตาม ในชีวิตก่อนหน้านี้ จี้เจียนกั๋ว และ ฉินมู่เชิง ไม่เคยเล่าถึงการเผชิญหน้าครั้งนั้นกับเธอเลย เธอไม่รู้มาก่อนว่าเธอเคยพบกับฉินมู่เชิงแล้วเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก
มันจะเป็นความประสงค์ของสวรรค์หรือเปล่านะ? แม้ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในชีวิตนี้ แต่ เธอได้พบกับ ฉินมู่เชิงโดยบังเอิญ อีกครั้ง
นี่เป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอใช่ไหม? โอกาสที่เธอจะได้ชดเชยให้กับ ฉินมู่เชิงอย่างนั้นเหรอ?
ขณะที่เธอคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของจี้หยวนหยวนก็แดงก่ำ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะอยากเข้าใกล้ฉินมู่เชิงมากขึ้น
หลี่ซู่ เฝ้าดูขณะที่ จี้หยวนหยวน เข้ามาใกล้เด็กชายตัวน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ และสีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
แล้วเธอก็รู้สึกว่ามันน่าขำ ดวงตาของสาวน้อยคนนี้แทบจะจ้องไปที่ใบหน้าของเขา เธอคงคิดว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นก้าวเล็กๆ ของเธอ
หลี่ซู่ ระงับเสียงหัวเราะของเธอและนั่งลง เธอถามเบา ๆ “หยวนหยวน หนูชอบพี่ใหญ่คนนี้ไหม?”
จี้หยวนหยวนฟื้นคืนสติ ตอนที่เธอได้ยินคำพูดของหลี่ซู เธอแปลกใจที่รู้ว่าตัวเธอได้ย้ายไปอยู่เคียงข้างฉินมู่เชิงแล้ว เธออยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 20 เซนติเมตร
ทันใดนั้น สีหน้าของจี้หยวนหยวนเริ่มเขินอายและโกรธขึ้นเล็กน้อย
ฉินมู่เชิงมองดูจี้หยวนหยวนด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าเล็กๆ ของเขาก็เริ่มแดงก่ำเช่นกัน
ฉินมู่เชิง อายุสิบปีแล้ว เขามีความเข้าใจคำว่า 'ชอบ' อยู่แล้ว
จี้หยวนหยวนไม่ได้พูดอะไร เธอแค่หันกลับมาแล้วเหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของ หลี่ซู่ โดยซุกหน้าไว้ในอ้อมแขนของเธอ
เธอจะชอบเด็กสิบขวบได้ยังไงกัน?
เมื่อเห็นดังนี้ หลี่ซู่ ก็ทำได้เพียงลูบหัวของจี้หยวนหยวนเท่านั้น “เอาล่ะ เอาล่ะ แม่จะไม่พูดอีกแล้ว”
หลังจากรออยู่ข้างนอกประมาณสิบห้านาที เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างกังวลใจ “มู่เชิง!”
ฉินมู่เชิงเหลียวมอง สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายลงทันที “คุณน้าเล็ก ผมเองฮะ!”
ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก “มาทางนี้เร็วๆสิ พี่สาว?”
หลี่ซู่ ก็มองดูและรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าน้าเล็กของ ฉินมู่เชิง คือ ฉินเสี่ยวหมิ่น จริงๆ
จี้หยวนหยวนก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน ฉินเสี่ยวหมิ่น จริงๆ แล้วคือน้าเล็กของ ฉินมู่เชิงอย่างนั้นหรอ?
แต่ทำไมเธอจึงไม่เคยพบกับ ฉินเสี่ยวหมิ่น ในชีวิตก่อนหน้านี้เลยล่ะ? เมื่อพวกเขาแต่งงานกัน ผู้คนมากมายจากตระกูลฉินไปที่นั่น เธอเดินตามหลัง ฉินมู่เชิง และเข้าไปพบกับพวกเขาทุกคน เธอยังได้รับของขวัญอีกด้วย
แต่เหตุใด ฉินเสี่ยวหมิ่น และผู้อำนวยการฉิน จึงไม่ปรากฏในความทรงจำของเธอเลย
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ” หลี่ซูยิ้ม
ฉินเสี่ยวหมิ่น มองที่ หลี่ซู่ อย่างถี่ถ้วนและพูดด้วยความประหลาดใจว่า "พี่สาว ชุดนี้เหมาะกับคุณจริงๆ เมื่อกี้ฉันเกือบจะจำคุณไม่ได้แล้ว”
หลี่ซู่ เม้มริมฝีปากของเธอด้วยความเขินอาย “ขอบคุณนะ”
ฉินเสี่ยวหมิ่น ขับรถมาที่นี่ “พี่คะ มันช้ามากแล้ว ฉันจะส่งคุณกลับบ้านก่อน วันนี้ฉันรีบออกมาเลยไม่ได้เอาอะไรมาเลย พรุ่งนี้ฉันจะพามู่เชิงมาเยี่ยมคุณอย่างเป็นทางการ”
ฉินมู่เชิงเป็นเด็กน้อยคนเดียวของตระกูลฉิน การหายตัวไปเพียงไม่กี่วัน ทำให้ครอบครัวของเขาวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นหลังจากได้รับข่าว เธอก็ยืมรถรีบมาโดยไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย เธอมีเงินเพียงไม่กี่เหรียญติดตัว แต่เนื่องจากเธอเป็นคนช่วยมู่เชิงไว้ เธอจึงไม่ควรติดเงินมาเพียงแค่ไม่กี่เหรียญแบบนี้
หลี่ซูลังเลเล็กน้อย “ฉันไม่รบกวนคุณดีกว่า…”
ฉินเสี่ยวหมิ่น ไม่ยอมให้ หลี่ซู่ปฏิเสธ เธอดึงหลี่ซู่ ไปที่ด้านข้างของรถ “พี่คะ เข้าไปในรถเถอะ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะมู่เชิงที่ทำให้พี่สาย ฉันไม่สบายใจถ้าพี่จะพาเด็กทั้งสามคนกลับบ้านด้วยรถบัส”
ตอนนี้มันเวลาหกโมงเย็นแล้ว ท้องฟ้าก็มืดสนิท
หลี่ซู่ เห็นว่าเธอปฏิเสธไม่ได้ และเมื่อมีลูกทั้งสามคนบนถนนยามค่ำคืน เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ เธอจึงขึ้นรถ “ขอบคุณมากนะ”
ฉินเสี่ยวหมิ่นขับรถขณะที่ หลี่ซู่ นั่งอยู่บนที่นั่งถัดจากคนขับ เด็กทั้งสี่คนตัวเล็กมากจึงเบียดตัวอยู่ที่เบาะหลัง
เนื่องจากมีเด็กอยู่ในรถ ฉินเสี่ยวหมิ่น จึงขับรถอย่างระมัดระวังและช้ามาก ระหว่างทางเธอจึงถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นหลี่ซู่ ก็เล่าให้เธอฟังว่าพวกเขาช่วย ฉินมู่เชิงได้อย่างไร ยิ่งเธอเล่ามากเท่าไหร่ สีหน้าของ ฉินเสี่ยวหมิ่นก็ขึงขังขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่เธอเล่าจบ ฉินเสี่ยวหมิ่น ก็ตะคอกออกมาอย่างสุดกลั้น “ไอ้เจ้าพวกหมาจนตรอก ทำได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ”