บทที่ 86 เรือขนส่งแนวหน้า
บทที่ 86 เรือขนส่งแนวหน้า
มองดูผู้ฝึกตนตระกูลโจวย้ายหินจิตวิญญาณกล่องแล้วกล่องเล่า ออกมาจากห้องสมุดตระกูลหมั่ว
ดวงตาของเฉินเต้าเสวียนสงบนิ่ง…
เทียบกับสิ่งที่ตระกูลเฉินของเขาได้รับจากตลาดอาวุธวิเศษของผู้ฝึกตนแล้ว แม้ว่าทรัพย์สินเหล่านี้จะมีจำนวนไม่น้อย แต่เฉินเต้าเสวียนก็ไม่ได้สนใจ
แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐาน และผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณของตระกูลโจวเหล่านี้ กลับแตกต่างออกไป
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกหลานของตระกูลโจว แต่ตระกูลโจวมีผู้ฝึกตนจำนวนมากและมีกฎที่เข้มงวด
โดยทั่วไปแล้ว นอกเหนือจากเงินประจำปีคงที่ ที่ได้รับจากการรับใช้ในหน่วยลาดตระเวนแล้ว พวกเขายังสามารถเพลิดเพลินกับสวัสดิการที่ซ่อนอยู่ต่างๆ ของตระกูลได้เท่านั้น
ในแง่ของทรัพยากรบ่มเพาะ ลูกหลานของตระกูลโจวทั่วไปนั้น ไม่ร่ำรวยเท่ากับผู้ฝึกตนตระกูลเฉิน
อย่างน้อยผู้ฝึกตนตระกูลโจวทั่วไป ก็ไม่สามารถจัดหาโอสถ และข้าวจิตวิญญาณเสริมการบำเพ็ญเพียรได้อย่างต่อเนื่อง
ตามที่โจวมู่เฉิงกล่าว
เงินเดือนประจำปีของผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณในหน่วยลาดตระเวน ได้เพียง 500 หินจิตวิญญาณเท่านั้น
เงินจำนวนนี้เป็นเงินก้อนโตในสายตาของผู้ฝึกตนอิสระ แต่สำหรับลูกหลานตระกูลโจวแล้ว มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของภูเขาน้ำแข็ง ไม่เพียงพอที่จะซื้อโอสถเสริมได้ตลอดทั้งปี
เงินที่โจวมู่เฉิงมอบให้โจวซือเลี่ยงเป็นค่าขนม อาจมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ!
เงินเดือนประจำปีของผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานนั้นสูงกว่ามาก แต่ก็มากกว่าลูกหลานขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นปลายเพียงเท่าตัว คือ 1,000 หินจิตวิญญาณ
แน่นอน ขอบเขตสร้างรากฐานที่นี่หมายถึง ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้น!
ผู้ดูแลที่รับผิดชอบเรือรบหลิงซวีอย่างโจวมู่เฉิง ซึ่งเป็นขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลาย จะมีเงินเดือนประจำปีสูงกว่ามาก โดยปกติจะมากกว่า 5,000 หินจิตวิญญาณ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
ไข่มุกจิตวิญญาณระดับสอง 5 เม็ด ที่ตระกูลเฉินมอบให้โจวมู่เฉิงเป็นสินบนก่อนหน้านี้ เทียบได้กับเงินเดือนประจำปีของเขาหนึ่งปี
นี่คือเหตุผลที่โจวมู่เฉิงถึงบอกว่าเฉินเซียนเหอนั้นใจกว้าง
และเพราะที่กล่าวมาทั้งหมด…
เห็นได้ว่าผู้ฝึกตนตระกูลโจวตื่นเต้นมากแค่ไหน เมื่อเห็นหินจิตวิญญาณมากกว่า 30,000 ก้อนในห้องสมุดตระกูลหมั่ว
เพราะตามกฎที่ไม่ได้พูดกันของทะเลหมื่นดวงดาว สำหรับตระกูลเล็กๆ เช่นตระกูลหมั่วที่ถูกริบทรัพย์และสังหารล้างตระกูล หลังจากรายงานไปยังนิกายกระบี่เฉียนหยวนแล้ว เบื้องบนมักจะตรวจสอบเพียงว่าอาชญากรรมของตระกูลหมั่วนั้นเป็นความจริงหรือไม่?
ส่วนทรัพย์สินที่ริบมาได้ มักจะเป็นของหน่วยลาดตระเวนตระกูลโจว นิกายกระบี่เฉียนหยวนมักจะไม่ยึดไป
นี่คือเหตุผลที่ผู้ฝึกตนตระกูลโจวส่งเสียงโห่ร้องอย่างมีความสุข
เท่าที่พวกเขารู้จักนิสัยของโจวมู่เฉิงแล้ว พวกเขาแต่ละคนจะได้รับหินจิตวิญญาณจำนวนมาก
แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณระดับล่างสุด พวกเขาก็จะได้รับหินจิตวิญญาณมากกว่าร้อยก้อน ซึ่งเทียบเท่ากับเงินเดือนหลายเดือนของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร ใช่ไหม?
หลังจากทิ้งผู้ฝึกตนหน่วยลาดตระเวนกลุ่มหนึ่ง ไว้เพื่อจัดการกับปุถุชนของตระกูลหมั่ว
ส่วนคนอื่นๆ รวมถึงเฉินเต้าเสวียน ทั้งหมดกลับไปที่เรือรบหลิงซวี
เมื่อมาถึงเรือรบหลิงซวี
โจวมู่เฉิงมองไปที่เฉินเต้าเสวียนแล้วถามว่า "หลานเสวียน เจ้าจะกลับเกาะซวงหูหรือไปเมืองกวงอัน?"
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เฉินเต้าเสวียนก็โค้งคำนับแล้วพูดว่า "รบกวนท่านลุงโจวพาข้าไปส่งที่เมืองกวงอันด้วย!"
"ไม่รบกวนกหรอก พวกเรากำลังจะกลับไปพักผ่อนพอดี"
ก่อนที่โจวมู่เฉิงจะพูดจบ โจวซือหยวนที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแล้วพูดว่า "น้องเฉิน คราวนี้เรากลับไป ต้องดื่มกันให้หนำใจหน่อยนะ"
เฉินเต้าเสวียนมองไปที่โจวมู่เฉิงและโจวซือหยวน ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบว่า "ตกลง! พวกเรามาดื่มกันจนกว่าจะไม่รู้เรื่องไปข้างหนึ่ง!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ดี ดื่มกันจนกว่าจะไม่รู้เรื่องไปข้างหนึ่ง!"
ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทุกคน
เรือรบหลิงซวีก็มุ่งหน้าไปยังเมืองกวงอันอย่างรวดเร็ว
ความเร็วในการบินของเรือรบหลิงซวีนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง
ระยะทางที่เรือมังกรฟ้าใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือน
เรือรบหลิงซวีใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามก็มาถึงเมืองกวงอัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะมาถึงเมืองกวงอัน
จูาๆ ก็มีเสียงดังมาจากเรือรบหลิงซวี
"พวกท่านดูสิ นั่นคือเรือขนส่งแนวหน้าหรือเปล่า?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของโจวมู่เฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จากนั้นก็แสดงความยินดีอย่างยิ่ง รีบเดินไปที่ดาดฟ้า และมองไปในทิศทางที่ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณของตระกูลโจวผู้นั้นชี้นิ้ว
โจวมู่เฉิงเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลาย สายตาของเขาดีกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณมาก
เขาเห็นจุดดำเล็กๆ ที่ขอบฟ้า กำลังบินเข้าหาเมืองกวงอันอย่างรวดเร็ว
จากความเร็ว แม้จะไม่เร็วเท่ากับเรือรบหลิงซวี แต่ก็ไม่ได้ช้ากว่ากันมากนัก
โจวมู่เฉิงที่เคยรับใช้ในด่านเจิ้นหนานจำได้ในพริบตา นั่นคือเรือขนส่งที่กลับมาจากแนวหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวมู่เฉิงก็พูดด้วยความดีใจ "วันนี้เป็นวันมงคลจริงๆ พวกเราเพิ่งจะได้เงิน จากนั้นก็ได้พบกับเรือขนส่งแนวหน้าที่กำลังกลับมา"
"เย้!!!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์ออกมา
เฉินเต้าเสวียนที่ไม่รู้เรื่องราวก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่โจวซือหยวนที่อยู่ข้างๆ แล้วถามว่า "พี่ใหญ่โจว เรือขนส่งแนวหน้านี้หมายถึง เรือที่ขนส่งเสบียงในสนามรบอาณาจักรฉู่หยุนใช่หรือไม่?"
"ใช่แล้ว!"
โจวซือหยวนพยักหน้าแล้วพูดอย่างตื่นเต้น "ทุกๆ สองสามปี เรือขนส่งแนวหน้าจะมาที่เมืองต่างๆ ในแคว้นชางโจวครั้งหนึ่ง เพื่อขนส่งวัสดุต่างๆ ที่ยึดได้ในแนวหน้ามายังเมืองต่างๆ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้
เฉินเต้าเสวียนก็นึกได้ว่า พ่อค้าทาสคนนั้นเคยพูดถึงการขนส่งทาสสตรีจากแนวหน้า ตอนที่เขาไปซื้อทาสที่ตลาดค้าทาสในเมืองกวงอัน
คิดๆ ดูแล้ว มันก็น่าจะเป็นเรือขนส่งลำนี้ที่ขนทาสเหล่านั้นมา
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน โจวมู่เฉิงก็ถอนหายใจ
"ถ้าด่านเจิ้นหนานยังอยู่ มันก็คงไม่จำเป็นต้องขนส่งเสบียงทุกๆ สองสามปี ในอดีตเมืองกวงอันจะมีเรือขนส่งแนวหน้ามาเยือนทุกปี น่าเสียดาย..."
โจวมู่เฉิงส่ายหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้
อารมณ์ตื่นเต้นของทุกคนก็ค่อยๆ จางหายไป
การล่มสลายของด่านเจิ้นหนาน ไม่เพียงแต่นำมาซึ่งความตายและบาดเจ็บของผู้ฝึกตนหลายล้านคนในปีนั้น แต่ยังรวมถึงความสูญเสียผลประโยชน์ที่นับไม่ถ้วน
ในอาณาจักรฉู่หยุน นิกายกระบี่เฉียนหยวนได้สร้างเมืองเซียนขนาดใหญ่เจ็ดแห่ง
เมืองเซียนด่านเจิ้นหนานเป็นหนึ่งในนั้น
โดยมีเมืองเซียนทั้งเจ็ดแห่งเป็นศูนย์กลาง นิกายกระบี่เฉียนหยวนได้สร้างระบบป้องกันที่สมบูรณ์แบบ
เมืองเซียนแต่ละแห่งจะแผ่ขยายอิทธิพลไปยังหลายๆ แคว้นในอาณาจักรฉู่หยุน และดินแดนเหล่านี้ล้วนเป็นฐานที่มั่นสำหรับผู้ฝึกตนทะเลหมื่นดวงดาว ในการปล้นสะดมทรัพยากรจากอาณาจักรฉู่หยุน
แคว้นชางโจวและหลายๆ แคว้นโดยรอบในทะเลหมื่นดวงดาว ล้วนอาศัยทรัพยากรจากหลายๆ แคว้นใกล้เมืองเซียนด่านเจิ้นหนาน
โดยปกติ
หลังจากที่ผู้ฝึกตนแนวหน้าคัดเลือกทรัพยากรเหล่านี้แล้ว ทรัพยากรที่เหลือส่วนใหญ่จะถูกขนส่งมายังแนวหลังของทะเลหมื่นดวงดาว
และเป็นเพราะกลยุทธ์การหล่อเลี้ยงสงครามด้วยสงครามนี้เอง ทำให้ผู้ฝึกตนทะเลหมื่นดวงดาวสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในเวลาเพียงสี่ร้อยปี
โดยเฉพาะผู้ฝึกตนอิสระในทะเลหมื่นดวงดาว
เมื่อสี่ร้อยปีก่อน ในช่วงเวลาที่เสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินสร้างความโกลาหลให้กับทะเลหมื่นดวงดาว
แทบจะไม่มีผู้ฝึกตนระดับสูงในหมู่ผู้ฝึกตนอิสระ ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำเช่นเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินนั้นหายากยิ่งในหมู่ผู้ฝึกตนอิสระ
ผู้ฝึกตนระดับสูงเกือบทั้งหมด ส่วนมากมาจากตระกูลใหญ่ และจากนิกายกระบี่เฉียนหยวนเท่านั้น
แต่ด้วยสงครามสี่ร้อยปีระหว่างทะเลหมื่นดวงดาว และอาณาจักรฉู่หยุนมี่ผ่านมานี้ ได้ทำให้ผู้ฝึกตนระดับสูงที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ได้ถือกำเนิดขึ้นในหมู่ผู้ฝึกตนอิสระ
ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตทารกวิญญาณก็มีอยู่ไม่น้อย
ในแง่ของอำนาจ พวกเขาค่อยๆ สามารถแข่งขันกับผู้ฝึกตนจากตระกูลใหญ่ๆ ได้
จากนั้นต่อมา ตระกูลเซียนต่างๆ ก็ตระหนักว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เป็นผลดี พวกเขาจึงส่งลูกหลานของตนไปยังสนามรบอาณาจักรฉู่หยุนเพื่อฝึกฝนและรับทรัพยากรบ้าง
ในช่วงแรกของการโจมตีอาณาจักรฉู่หยุน ลูกหลานของตระกูลใหญ่ๆ จะไม่เต็มใจไปที่สนามรบ เพราะตระกูลใหญ่ๆ ไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรการบ่มเพาะ พวกเขาเลยไม่จำเป็นต้องให้ลูกหลานของตนไปเสี่ยงตายในสนามรบ
ผลก็คือ หลังจากที่พวกเขาเห็นผู้ฝึกตนอิสระผงาดขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็ตื่นตระหนก และรีบส่งลูกหลานของตนไปที่สนามรบบ้าง
และด้วยการล่มสลายของด่านเจิ้นหนาน เรื่องนี้เท่ากับว่าแคว้นชางโจวและหลายๆ เมืองโดยรอบสูญเสียฐานที่มั่นในอาณาจักรฉู่หยุน
แถมเพราะเหตุการณ์นี้
ยังทำให้ผู้ฝึกตนแคว้นชางโจวในสนามรบอาณาจักรฉู่หยุน พวกเขาต้องไปรับใช้เหล่าแคว้นอื่น
ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ฝึกตนแคว้นชางโจวจะถูกเลือกปฏิบัติ และดูถูกเหยียดหยามหรือไม่ เมื่อพวกเขาไปรับใช้ในแคว้นอื่น
เพียงแค่เรื่องแคว้นอื่นจะไม่แบ่งปันทรัพยากรของแคว้นตนกับแคว้นชางโจว มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ฝึกตนแค้วนชางโจวนับไม่ถ้วนรับไม่ได้แล้ว
แต่ถึงแม้จะรับไม่ได้ การที่แคว้นชางโจวได้สูญเสียเมืองเซียนด่านเจิ้นหนาน มันก็เป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้
ในฐานะแคว้นที่สูญเสียดินแดน แคว้นชางโจวจึงถูกตัดลดการจัดหาทรัพยากรมาโดยตลอดในเวลากว่า 50 ปีมานี้
และเรือขนส่งแนวหน้าของเมืองกวงอัน ก็เปลี่ยนจากการมาทุกปี เป็นทุกๆ สองถึงสามปีแทน…