บทที่ 39 หลี่ผิงอันในที่สุดก็โด่งดัง
"ศิษย์พี่... ศิษย์พี่?"
หลี่ผิงอันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย หันไปมองมู่หนิงหนิงที่เขย่าตัวเขาเบาๆ
เขาหลับไปนานแค่ไหนกัน ทำไมถึงมืดค่ำแล้วเนี่ย
หลี่ผิงอันเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ข้างกายมีแต่อาจารย์ของเขายืนไขว้มือหลังอยู่ 'แท่นผู้ชม' ขนาดใหญ่ที่เคยอยู่ตรงนี้ เหลือเพียงก้อนที่เขานั่งอยู่ก้อนเดียว
เวทีประลองรอบสุดท้ายนั้นกลับลงไปที่ก้นหุบเขาแล้ว
ศิษย์จากแต่ละยอดเขาต่างเดินทางกลับไปที่ยอดเขาของตัวเองกันหมดแล้ว
ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งกับอีกหนึ่งท่านที่ข้าหนวดขาวโพลนยืนอยู่ไม่ไกล กำลังมองมาทางหลี่ผิงอันพร้อมรอยยิ้ม
หลี่ผิงอันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เขายังต้องไปพิสูจน์เรื่อง 'อุปกรณ์ที่เจ้าใช้นั้นเจ้าหล่อเอง' อยู่อีกต่างหาก
มู่หนิงหนิงที่ยืนอยู่ข้างๆ บอกเสียงเบาว่า "ท่านผู้อาวุโสทั้งสองรอศิษย์พี่มาพักใหญ่แล้วนะ"
"เดี๋ยวข้าจะไป"
หลี่ผิงอันจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แค่นอนไปครู่เดียวก็รู้สึกสดชื่นผ่องใสไปทั้งกายใจ ตั้งแต่วิญญาณธาตุยันร่างเต๋า ล้วนมีความรู้สึกเปิดกว้างอย่างบอกไม่ถูก
เขาหันไปมองมู่หนิงหนิงที่กำลังจะตามเขาไป
"ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องตามข้าไปก็ได้ วันนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกๆ หรอก"
"ข้ารู้หมดแล้ว!"
ดวงตามู่หนิงหนิงเป็นประกายฉายแววเคืองเล็กน้อย พลางโชว์ป้ายหยกสื่อสารในมือ แล้วบ่นว่า
"อาจารย์ของข้าบอกว่า ถ้าเซียนยอดเขาเมฆเหินมารังแกศิษย์จากยอดเขาหมอกของเรา ก็ให้ข้ากดป้ายหยกเรียกพวกนางมาทะเลาะเถียงกันได้เลย
แข่งขันในสำนักแพ้แล้วยังไม่ยอมรับอีกหรือไง ยังจะเอาเรื่องอีก!
ศิษย์พี่อย่าเป็นห่วงเลย พวกเรามีเหตุผลจะกลัวอะไร พวกเรายอดเขาหมอกไม่เคยแพ้ใครในการทะเลาะเถียง!"
ชิงซุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าหุบปากยิ้ม
หลี่ผิงอันราวกับเห็นชิงซุ่ยในร่างวิญญาณชูกำปั้นตะโกน "ใช่แล้ว" "ถูกต้อง" อยู่ข้างๆ
เขาหัวเราะพูดไม่ออก "ก็ได้ ถ้าศิษย์น้องอยากตามมาก็มาเถอะ แต่ยอดเขาเมฆเหินกับยอดเขาหมอกของเรา ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสำนักว่านหยุนจง อย่าไปทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เลย วันนี้เจ้าไม่ต้องพูดอะไรสักคำ ไม่ต้องส่งสัญญาณเรียกคน เดี๋ยวข้าจัดการเอง"
มู่หนิงหนิงยื่นปากน้อยๆ พึมพำว่า "ก็ได้ ข้าจะทำตามที่ศิษย์พี่บอก ก็ข้ากลัวคนอื่นจะมารังแกศิษย์พี่นี่นา"
"ในสำนักนี้ ใครจะมารังแกข้าได้ล่ะ"
หลี่ผิงอันยิ้มพลางเดินไป โยกหัวไหวไหล่พูดประโยคหนึ่ง
"พ่อข้า หลี่ต้าจื่อ"
ชิงซุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมา
หลี่ผิงอันรีบเสริมทันที "และอาจารย์ข้า ชิงซุ่ยเซียน"
ชิงซุ่ยยิ้มพลางเชิดหน้าขึ้น ดูจะพอใจที่หลี่ผิงอันเอ่ยชื่อแซ่ตนเองเช่นนี้
มู่หนิงหนิงหัวเราะคิกคักแล้วกระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆสีขาวข้างเท้าของชิงซุ่ย เดินตามหลังอาจารย์ของนางไป
หลี่ผิงอันรีบไปหาผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่ง ถูกท่านผู้อาวุโสคนนี้คว้าแขนเขาเอาไว้ สองคนพูดคุยและรีบไปยังหอสรรพสิ่งพร้อมกัน
ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งกระซิบถาม "วันนี้มีความมั่นใจรับมือสถานการณ์นี้หรือไม่"
"ท่านผู้อาวุโสวางใจได้" หลี่ผิงอันกระซิบตอบพร้อมรอยยิ้ม "เมื่อวานตอนที่ข้าใช้เทคนิคลับกดดันศิษย์จากยอดเขาเมฆเหิน ก็คิดวิธีรับมือหลังจากนั้นเอาไว้แล้ว กลับกลัวว่าพวกเขาจะไม่มาหาเรื่องซะอีก"
"หือ?"
ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งจ้องมองหลี่ผิงอันด้วยดวงตาที่ไม่ใหญ่นัก พลางกระซิบต่อ
"เจ้าสำนักกำลังให้ความสนใจเรื่องนี้อยู่ ถึงแม้แขกส่วนใหญ่จะจากไปแล้ว แต่ยังมีเจ้าสำนักอีกสองสามท่านอยู่ที่นี่ พวกเขาเพียงแค่ตรวจสอบด้วยญาณทัศนะเท่านั้นก็ปิดบังเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว
เจ้าอย่าได้ทำตามอารมณ์หนุ่มๆ ของเจ้าเชียว ถ้าหากไม่มีวิธีรับมือ ข้าผู้ด้อยธรรมก็จะช่วยปกปิดให้หนึ่งสองเรื่อง"
"ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เมตตา ศิษย์น้อยเก็บเอาไว้ในใจแล้ว"
หลี่ผิงอันได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วทันที กระซิบถามเสียงเบาว่า
"ท่านผู้อาวุโสช่วยเชิญผู้อาวุโสเขตในมาสักสองสามท่านได้ไหมครับ มาช่วยกันปิดผนึกหอสรรพสิ่ง ไม่ให้เจ้าสำนักสองสามท่านนั้นสืบดูได้"
"ทำไมหรือ"
"วันนี้ข้าไม่เพียงแต่จะมอบเคล็ดวิชาระเบิดพลังจิตฉบับร่างแรกให้สำนักเท่านั้น"
หลี่ผิงอันพูดเสียงนุ่ม
"วิธีหล่ออุปกรณ์ที่พ่อของข้าคิดค้นมานานถึงสามปี จู่ๆ วันนี้ก็คิดออก พ่อจะอาศัยปากของข้าเสนอแนะต่อสำนัก เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงรายได้หินวิญญาณของสำนัก"
สายตาของผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งฉายแววสงสัย
หากเป็นศิษย์ขั้นควบแน่นปราณคนอื่นพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งต้องจัดให้ผู้จัดการสักสองสามคนพาศิษย์ผู้นั้นไปชำระจิตใจแน่นอน
แต่ตอนนี้คนที่พูดคือหลี่ผิงอัน...
"เจ้าไปหอสรรพสิ่งช้าๆ หน่อย"
ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งกระซิบ
"ข้าจะไปรายงานเจ้าสำนัก เจ้าสำนักบอกก่อนหน้านี้ว่า อยากจะจัดการเรื่องนี้ต่อหน้าเพื่อนเซียนจากนิกายอื่นๆ เพื่อไม่ให้ใครมาพูดว่าสำนักว่านหยุนจงจัดการเรื่องอย่างไม่ยุติธรรม"
หลี่ผิงอันกล่าวขอบคุณ "ขอบคุณท่านผู้อาวุโส"
"เรื่องเล็ก" ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งกลายเป็นแสงรุ้งสาดไปที่ยอดเขาหลักอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสเขตนอกอีกท่านมองหลี่ผิงอันอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งคุยอะไรกับศิษย์เยาว์วัยนี้ แต่ตอนนี้ก็ทำตามที่ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งบอก ชะลอความเร็วบนเมฆลงเกือบครึ่ง
หลี่ผิงอันแต่เดิมคิดว่าหอสรรพสิ่งจะถูกปิดผนึกอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่ทำเอาเขาตกใจยิ่งกว่าก็คือ ผู้อาวุโสเยี่ยนเชิ่งไปแล้วกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วบอกเขาเพียงประโยคเดียวว่า
"เจ้าสำนักบอก... ปิดผนึกอะไรกัน มีอะไรที่พูดกับคนนอกไม่ได้อีกล่ะ เรื่องนี้ต้องพูดกันให้ชัดเจนต่อหน้าต่อตา กันไม่ให้พวกเพื่อนนิกายอื่นหัวเราะเยาะเรา!
หลี่ผิงอัน เจ้าก็ไปแสดงให้ดูเต็มที่เลย ในเมื่อเจ้าสำนักพูดไว้เช่นนี้แล้ว เจ้ายังมีความกังวลอะไรอีกเล่า"
หลี่ผิงอัน:...
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น
เมื่อหลี่ผิงอันลงจอดที่หน้าหอสรรพสิ่ง ก็มีก้อนเมฆขาวลอยพานักพรตวัยกลางคนห้าคน สามชายสองหญิง ค่อยๆ ร่อนลงในหอสรรพสิ่ง นักพรตทั้งหลายรีบประสานมือคารวะ เรียกพวกเขาว่า 'เจ้าสำนัก'
เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากของหลี่ผิงอัน
ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่เจ้าสำนักไม่ไล่เจ้าสำนักจากนิกายอื่นออกไป แต่ยังพาพวกเขามาที่นี่โดยตรงเลยต่างหาก!
ตอนที่หลี่ผิงอันตัดสินใจว่า วันนี้ต่อให้ตัวเองโดนด่าบ้างก็จะไม่เอาสายการผลิตอุปกรณ์ออกมา เพื่อไม่ให้ความลับทางการค้ารั่วไหล
กลับได้ยินเสียงส่งข่าวคุ้นเคยแว่วมา แต่กลับพูดว่า
"ผู้อาวุโสเยี่ยนบอกว่า เจ้าจะมอบเคล็ดวิชาระเบิดพลังจิตให้สำนัก แล้วยังช่วยปรับปรุงรายได้หินวิญญาณของสำนักได้ด้วย
เอาล่ะ มาแสดงความสามารถของศิษย์สำนักว่านหยุนจงพวกเราให้เจ้าสำนักพวกนั้นได้เห็นกัน!
ก่อนหน้านี้เคยอนุญาตให้เจ้าครอบครองสมบัติสองสามชิ้น หากเจ้าแสดงได้ดีในวันนี้ ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเพิ่มอีกสองสามชิ้น ว่าอย่างไร"
หลี่ผิงอันมองไปยังนักพรตวัยกลางคนผู้นั่งอยู่ตรงกลางหอพลางถูกเซียนจำนวนมากล้อมรอบ รู้แล้วว่าเมื่อวานใครเป็นคนส่งข่าวมาหาเขา จึงก้มหัวคารวะลงไปทันที
เมื่อเจ้าสำนักพูดเช่นนี้แล้ว ในฐานะศิษย์เขาก็แค่ทำตามก็พอ
เดี๋ยวจะสาธิตให้ดูเลยก็แล้วกัน
อุปกรณ์ 'สายพานการผลิตมาตรฐานทดลองใช้' นี้ ยังไงซะก็ต้องล้าสมัยสักวันอยู่แล้ว
...
ตอนนี้ในหอสรรพสิ่งมีคนมารวมตัวกันอยู่นับร้อย ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ในสำนักที่มาดูเรื่องสนุก และบางส่วนมารับรางวัลการแข่งขัน
ผู้ชมพวกนี้ยืนล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม ล้อมพื้นที่สำหรับการ 'โต้วาที' ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ด้านในมีคนยืนอยู่สองกลุ่ม ฝั่งซ้ายคือเจินเซียนและศิษย์บางส่วนจากยอดเขาเมฆเหิน ส่วนทางขวาคือหลี่ต้าจื่อ เวยเหยียนจื้อ มู่หนิงหนิง และนางเซียนอีกสองสามคนจากยอดเขาหมอก
หลี่ผิงอันยืนอยู่กึ่งกลางของวงครึ่งวงกลม มีเทียนเซียนอาจารย์ของเขายืนอยู่เบื้องหลัง
เจ้าสำนักว่านหยุนจงและผู้นำนิกายอื่นๆ หลังจากนั่งลงแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
มีผู้อาวุโสเขตในผมขาวคนหนึ่งลุกขึ้น ประสานมือยกขึ้นเล็กน้อยต่อเหล่าศิษย์ในสำนัก
ผู้อาวุโสท่านนี้ดูน่าเกรงขามยิ่ง เหลือบมองไปที่พวกยอดเขาเมฆเหินที่ยืนกันอยู่ในกลุ่มคน และหวังไจ้จื่อผู้หน้าแดงหูแดงแต่ไม่กล้าเงยหน้า แล้วพูดเสียงดัง
"เรื่องที่เซียนยอดเขาเมฆเหินไม่พอใจผลการต่อสู้ในการประลองครั้งนี้ ขอชี้แจงให้กระจ่างตรงนี้เลย
คำพูดของเซียนยอดเขาเมฆเหินมีสามข้อ
ข้อแรก สำนักเราทำไมถึงให้ศิษย์จากศาลเมฆาพลบ เรียนรู้วิชาเซียนขั้นสูงของสำนัก
ตามกฎสำนักแล้ว มีเพียงศิษย์เขตในที่ถึงขั้นเพียรบำเพ็ญสุญญตา เท่านั้นจึงจะเรียนวิชาเงามายาหมื่นหมอกจากอาจารย์ของตัวเองได้
มีคำชี้แจงอะไรในข้อนี้หรือไม่?"
"มี!"
เวยเหยียนจื่อรีบก้าวออกมา ประสานมือคารวะรอบด้าน แล้วพูดเสียงดังฟังชัด
"เรียนท่านผู้อาวุโส หลี่ผิงอันเรียนวิชาเซียนนี้ ผ่านการอนุมัติจากผู้อาวุโสหอถ่ายทอดวิชามาแล้ว
หลังจากข้าผู้ด้อยธรรมเป็นเซียนที่ศาลาเมฆาพลบ ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลย ถึงแม้หลี่ผิงอันจะมีพื้นฐานไม่ค่อยดี แถมยังเริ่มฝึกปราณตอนโตแล้ว ความก้าวหน้าจึงช้ากว่าคนอื่นจริงๆ แต่เขามีจิตใจที่มุ่งมั่นในวิถีเต๋าอย่างแท้จริง ความคิดอ่านช่างเฉียบแหลมน่าทึ่ง ใช้เวลาเพียงปีเดียวก็เข้าใจและฝึกฝนเทคนิคพื้นฐานของวิชาเงามายาหมื่นหมอกได้อย่างเชี่ยวชาญ
เขาอยากเรียน ข้าผู้ด้อยธรรมก็ออกหน้าค้ำประกันให้ เขาถึงได้ฝึกปราณ
พวกท่านคงเห็นในการประลองครั้งนี้ หลี่ผิงอันมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมในเรื่องวิชาอาคม ยันต์ และเขตแดน!
สำนักของเราจะไม่เอาใจใส่ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร"
เวยเหยียนจื้อช่างเปิดอกคุยสนุกสนาน!
คำพวกนี้เขาเก็บเอาไว้นานถึงสองปีครึ่งแล้ว!
เหล่าเซียนโดยรอบต่างพยักหน้าเห็นด้วย
การที่หลี่ผิงอันสามารถติดอันดับสามสิบได้ในการประลองครั้งนี้ ก็เพราะเขาเข้ามาฝึกฝนยังไม่ถึงสามปี ทำให้ระดับพลังต่ำกว่าศิษย์คนอื่นไปมาก แต่หากเขามีกำลังในขั้นกลางของเพียรบำเพ็ญสุญญตา ด้วยเทคนิควิชาเซียน ยันต์ เขตแดน และเคล็ดวิชาระเบิดพลังจิต การคว้าอันดับสามในการแข่งรอบสุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ผู้อาวุโสเขตในผู้เป็นประธานการประชุมหันไปถามเซียนยอดเขาเมฆเหิน "คำชี้แจงนี้พวกเจ้ามีข้อโต้แย้งอะไรอีกหรือไม่"
อาจารย์ของหวังไจ้จื่อรีบตอบ "ไม่มีแล้วขอรับ"
ผู้อาวุโสเขตในพูดต่อ "ข้อสอง ทำไมสำนักถึงให้อุปกรณ์จำนวนมากกับศิษย์เพียงคนเดียว ตามกฎสำนักแล้ว ศิษย์คนหนึ่งจะได้รับจัดสรรหินวิญญาณและวัตถุดิบไม่เพียงพอที่จะหล่ออุปกรณ์มากมายถึงเพียงนี้ ระหว่างการต่อสู้ครั้งก่อน หลี่ผิงอันใช้อุปกรณ์นับร้อยชิ้น"
หลี่ผิงอันก้าวออกมาข้างหน้าประสานมือ "ท่านผู้อาวุโส! ขอให้ท่านถามข้อที่สามก่อน ศิษย์น้อยจะชี้แจงข้อสองภายหลัง"
"ดี"
ผู้อาวุโสพยักหน้า "ข้อที่สาม... ถ้อยคำนี้ช่างไร้สาระนัก เหล่าเซียนยอดเขาเมฆเหินกล่าวว่าเจ้าให้ความสำคัญแก่อุปกรณ์มากกว่าเส้นทางธรรม ลืมต้นกำเนิดไขว่คว้าผลลัพธ์ และจะนำพาให้วัฒนธรรมของสำนักเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี"
หลี่ผิงอันยิ้มตอบ "ศิษย์น้อยเพียงแค่มีความสำเร็จในหนทางเต๋าต่ำเกินไป ไม่เคยปล่อยปละละเลยการฝึกตนเลยแม้แต่น้อย มู่หนิงหนิงศิษย์น้องหญิงที่สนิทกับข้าสามารถเป็นพยานได้"
มู่หนิงหนิงได้ยินดังนั้นก็กระโดดออกมาทันที คารวะต่อผู้อาวุโส แล้วร้องเสียงดังว่า
"ข้าเองรู้จักกับศิษย์พี่หลี่ผิงอันมานาน เรื่องการบำเพ็ญเพียร ข้ารู้สึกละอายใจเหลือเกิน
เมื่อศิษย์พี่หลี่ผิงอันอยู่ในขั้นฝึกปราณ เขาก็หยั่งรู้วิธีหมุนเวียนปราณทั่วร่างแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ฝึกฝนทุกวันอย่างไม่ย่อท้อ แม้กระทั่งตอนที่ข้าได้อาจารย์คอยสอนอย่างตั้งใจแล้ว ระดับพลังของศิษย์พี่หลี่ผิงอันก็ยังก้าวหน้ากว่าข้าเสมอ
หากกล่าวว่าศิษย์พี่หลี่ผิงอันให้ความสำคัญแก่อุปกรณ์มากกว่าเส้นทางธรรม นั่นช่างเป็นถ้อยคำที่ไร้สาระเหลือเกิน!"
ผู้อาวุโสเขตในหัวเราะเบาๆ พลางลูบเคราเล็กน้อย เสียงอ่อนโยนขึ้นมากเมื่อพูดกับมู่หนิงหนิง "มีความกล้าทางความคิดดีมาก เจ้ารอฟังอยู่ข้างๆ ก่อนเถอะ"
"รับทราบเจ้าค่ะ"
มู่หนิงหนิงคารวะอีกครั้ง แล้วกลับไปยืนอยู่หลังบรรดานางเซียนแห่งยอดเขาหมอก บีบกำปั้นอย่างเหงื่อแตก
ผู้อาวุโสถาม "เหล่าเซียนยอดเขาเมฆเหิน มีข้อโต้แย้งอะไรอีกหรือไม่"
"ไม่มีแล้วขอรับ" อาจารย์ของหวังไจ้จื่อถอนหายใจ "เมื่อวานก็เป็นเพราะพวกข้าโมโหชั่ววูบ จึงได้ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ไป การไปยุ่งเกี่ยวกับศิษย์น้อยเช่นนี้ไม่สมควรเลย ขอท่านผู้อาวุโสลงโทษด้วย"
ผู้อาวุโสเขตในผงกศีรษะอย่างเชื่องช้า "ในเมื่อพวกเจ้ายอมรับผิดแล้ว เรื่องนี้..."
"รอก่อน!"
มีผู้อาวุโสเขตนอกท่านหนึ่งขมวดคิ้ว
"ข้อสองนี่ไม่ควรอธิบายสักหน่อยหรือ"
ทันใดนั้นทั่วหอก็เงียบกริบจนได้ยินเสียงเข็มตก
หลี่ต้าจื่อที่ยืนยิ้มแย้มมาตลอดก็ค่อยๆ เก็บรอยยิ้ม ขมวดคิ้วมองผู้อาวุโสท่านนั้น พลางจะก้าวออกไป
"ศิษย์น้อย!"
หลี่ผิงอันก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าว โค้งคำนับให้เจ้าสำนักทันที
"ข้ามีวิธีหล่ออุปกรณ์ใหม่มามอบให้สำนัก! นี่ก็เป็นคำตอบว่าทำไมข้าถึงมีอุปกรณ์นับร้อยนำมาใช้ต่อสู้ได้!"
เหล่าผู้อาวุโส เซียน และศิษย์ทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป
แต่แรกพวกเขาก็แค่มาดูเรื่องสนุกเท่านั้น แต่หลายคนได้ฟังสิ่งที่หลี่ผิงอันพูดแล้วก็ขมวดคิ้วบ้าง
พวกเขากลัวว่าศิษย์คนนี้จะอ่อนเยาว์เกินไป และจะทำเรื่องน่าขายหน้าอะไรขึ้นมา
หลี่ต้าจื่อมองร่างของลูกชายตัวเอง พลางยิ้มออกมาบางๆ ถึงแม้ไม่อยากจะแย่งซีนลูกชาย แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาต้องพูดแล้วจริงๆ
"เจ้าสำนักพี่ใหญ่! วิธีที่ลูกชายข้าจะนำมามอบให้สำนักในวันนี้ จะทำให้ทุกท่านตาแตกแน่นอน!"
"ฮ่าๆๆๆ"
เสียงหัวเราะของเจ้าสำนักดังก้องไปทั่วทั้งหอ
"หลี่ต้าจื่อศิษย์น้อง ข้ารู้อยู่แล้วว่าหลี่ผิงอันเด็กคนนี้มีความคิดอ่านที่เฉียบแหลม แต่เจ้าอย่าได้พูดเกินจริงเกินไป ถ้าหลี่ผิงอันไม่สามารถทำให้พวกเราตาแตกได้จริงๆ ข้าผู้ด้อยธรรมจะต้องลงโทษเจ้าแน่!"
เป็นการปูทางให้พ่อลูกหลี่ต้าจื่อโดยตรงเลย
หลี่ต้าจื่อค้อมตัวลงเล็กน้อย ประสานมือยิ้มตอบ "เจ้าสำนักวางใจเถอะ ต้องไม่ผิดหวังแน่นอน... หลี่ผิงอัน ลูกก็แสดงวิธีหล่ออุปกรณ์ที่ลูกคิดได้ให้ดูหน่อยเถอะ"
"พ่อครับ นี่เป็นสิ่งที่พ่อสอนข้าเองนะ"
หลี่ผิงอันถอนหายใจพลางยิ้ม ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อครั้งใหญ่ อุปกรณ์เก็บของทรงกลมสิบสองชิ้นก็ลอยออกมาจากตัว แล้วค่อยๆ กระจายออก
หลี่ผิงอันประกาศเสียงดัง "ข้าต้องการลูกศิษย์มาช่วยสิบสองคน ยิ่งระดับต่ำยิ่งดี!"
ผู้คนรอบด้านมองหน้ากันไปมา ต่างงุนงงไม่เข้าใจ มีเพียงมู่หนิงหนิงที่ก้าวออกมาทันที
"ข้าจะไป!"
ศิษย์กระบี่คนหนึ่งกระโดดออกมา เป็นกู่ชิงเฉิงจากยอดเขาเมฆกระบี่ที่รู้จักกับหลี่ผิงอันตอนประลองครั้งก่อน
พอกู่ชิงเฉิงออกมา ก็มีลูกศิษย์อีกสิบกว่าคนพากันออกมา ระดับพลังล้วนอยู่ในขั้นเพียรบำเพ็ญสุญญตาและผสานสัจธรรม
หลี่ผิงอันประสานมือคารวะบรรดาศิษย์รุ่นน้อง จากนั้นให้พวกเขายืนอยู่หลังอุปกรณ์เก็บของคนละชิ้น แล้วเปิดอุปกรณ์ออก นำอุปกรณ์สิบสองชิ้นที่มีรูปร่างประหลาดออกมาตามลำดับ แต่ละชิ้นมีขนาดไม่เล็กเลย
หลี่ผิงอันถกแขนเสื้อขึ้น ก้มหน้างุ่นง่านอยู่ครู่หนึ่ง เชื่อมต่อ 'สายพาน' สองเส้น เชื่อมโยงอุปกรณ์ชิ้นใหญ่ทั้งสิบสองชิ้นนี้เข้าด้วยกัน
จากนั้นหลี่ผิงอันใส่หินวิญญาณเข้าไปในอุปกรณ์เหล่านั้นทีละชิ้น ตรายางบนอุปกรณ์ก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น
หลี่ผิงอันอธิบายโดยสมัครใจว่า
"ตรายางนี้ข้าแก้ไขมาจากเขตแดนหล่อ เพียงต้องฝังหินวิญญาณลงไป อุปกรณ์ทั้งสิบสองชิ้นก็จะทำงานได้เอง หากไม่อยากสิ้นเปลืองหินวิญญาณ ก็สามารถดัดแปลงให้ใช้พลังเซียนหรือพลังปราณขับเคลื่อนได้"
ผู้อาวุโสเขตนอกด้านข้างอุทานขึ้นมา "เตาหลอมกับเตายานี่ไม่ใช่ของที่ข้าผู้ด้อยธรรมเคยมอบให้ศิษย์น้องหลี่ต้าจื่อหรอกหรือ?"
หลี่ต้าจื่อยิ้มตอบ "มอบให้ข้าแล้วท่านก็เอากลับไปไม่ได้แล้ว มากที่สุดก็แค่ตอบแทนท่านสักสองมื้อเหล้าในภายหลังแหละน่า!"
ผู้อาวุโสท่านนั้นหัวเราะเสียงดัง "วิเศษจริง วิเศษจริง!"
หลี่ผิงอันกล่าวเสียงกังวาน "กราบเรียนเจ้าสำนัก! อุปกรณ์ทั้งสิบสองชิ้นนี้ล้วนผ่านการดัดแปลงจากพ่อของข้าด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่มาจากท่านผู้อาวุโสเขตนอกทั้งหลายภายในสำนัก!"
จบคำ หลี่ผิงอันเดินมาที่อุปกรณ์รูปทรงคล้ายหม้ออันแรก หยิบวัตถุดิบธรรมดาชื่อ 'เหล็กดาวตก' ชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นให้กู่ชิงเฉิง
"ขอเชิญสหายใส่วัตถุดิบลงในเตา"
"ตกลง"
กู่ชิงเฉิงทำตามคำบอก ก็เห็นเปลวไฟหลายสายพวยพุ่งออกจากหม้อใหญ่ วัตถุดิบหลอมละลายอย่างรวดเร็ว
หน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นแล้ว
หลี่ผิงอันรออีกครู่หนึ่ง แล้วชี้ไปที่หม้อใหญ่ สายพานทั้งสองเส้นก็เริ่มหมุนช้าๆ
น้ำเงินหลอมเหลวถูกอุปกรณ์ทรงคล้ายกาที่แขวนอยู่บนสายพานดูดซับไปจนหมด ลอยละล่องไหลเวียนเข้าไปในอุปกรณ์ใหญ่ชิ้นที่สองที่มีลักษณะคล้าย 'เตาดิน'
เสียงกลไกดังมาจากภายในอุปกรณ์ชิ้นที่สอง เปลวไฟวูบวาบปรากฏขึ้นภายใน เริ่มหล่อหลอมบ่มวัตถุดิบเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา
นี่ก็คือสมบัติที่หลี่ต้าจื่อและหลี่ผิงอันจะมอบให้สำนักในวันนี้ -- สายการผลิตอุปกรณ์อัตโนมัติรุ่นทดลองมาตรฐานสมบูรณ์!
วิธีหล่ออุปกรณ์นี้แบ่งเป็นสิบขั้นตอนหลัก ได้แก่
หลอมวัสดุ, บ่มชุบ, หล่อขึ้นรูป, ตีขึ้นรูป, เผาซ้ำ, สลักลาย, ใส่วิญญาณ, ชุบน้ำมัน, ฝังอัญมณี และผนึกวิญญาณ
หลังจากนั้นยังมีอีกสองขั้นตอน เพื่อตรวจสอบคุณภาพอุปกรณ์และบรรจุอุปกรณ์เบื้องต้น
หลี่ผิงอันไม่ได้ตั้งใจจะเอาความดีความชอบให้พ่อของเขา
ถึงแม้ 'สายการผลิต' นี้จะเป็นไอเดียของเขา แต่ก็เป็นพ่อหลี่ต้าจื่อช่างเหล็กผู้ค่อยๆ ทำออกมาจริง หลี่ผิงอันเพียงช่วยแก้ปัญหาเทคนิคที่สำคัญไม่กี่จุดเท่านั้น
เพียงแค่การสาธิตง่ายๆ หรือแค่ยืนเฝ้ามองอยู่ข้างๆ จากศิษย์สิบสองคนนี้ ดาบบินคุณภาพปานกลางค่อนข้างสูงที่ฝังหินวิญญาณก็ค่อยๆ ก่อรูปขึ้น
หลี่ผิงอันเพื่อให้เหล่าเซียนในสำนักเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า 'สายพาน' จึงใส่วัตถุดิบลงไปในหม้อหลอมเป็นจำนวนมากพอที่จะตีดาบบินได้นับสิบเล่ม แล้วถอยออกไปยืนเฉยๆ หลับตารออย่างสบายใจ
หน้าที่เขาเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนต่อจากนี้ ก็ปล่อยให้หลี่ผู้เฒ่าเป็นคนจัดการละกัน