ตอนที่แล้วบทที่ 37 เริ่มโดดเด่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 หลี่ผิงอันในที่สุดก็โด่งดัง

บทที่ 38 สายลมใสไม่รบกวนความฝัน


ยามดึกสงัด หลี่ผิงอันกลับถึงถ้ำของตัวเองด้วยความเหน็ดเหนื่อยไปทั้งกาย

การสังสรรค์ในหมู่เซียนนี้ทำเอาเหนื่อยยิ่งกว่าการต่อสู้บนเวทีเป็นร้อยเท่า...

ด้วยถ้ำถูกห่อหุ้มด้วยเขตพลังเซียนของอาจารย์ หลี่ผิงอันจึงถอนหายใจโล่งอก ไม่ต้องเป็นเป้าสายตาจับจ้องจากญาณทัศนะของใครอีกแล้วสักพัก

เขาถอดเสื้อคลุมออก ปลดรองเท้าบู๊ทยาว เก็บเสื้อผ้าที่ถอดออกใส่ในอุปกรณ์เก็บของชื่อ 'ตระกร้าผ้าสกปรก' เหลือเพียงเสื้อคลุมตัวนอกกับกางเกงขายาว แล้วล้มตัวลงบนเก้าอี้ยาวส่วนตัว

เสียงน้ำดังกรุ๋งกริ๋งจากสระบัวน้ำ ผีเสื้อสองตัวไม่รู้ปล่อยเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกำลังดูดน้ำค้างจากใบบัว

หลี่ผิงอันนอนมองเพดานเหม่อลอย ค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพจิตใจที่หมดเรี่ยวแรงจากการใช้เคล็ดวิชาระเบิดพลังจิต รู้สึกอยากจะหลับตลอดทั้งตัว ศีรษะยังตุบๆ ปวดอีกต่างหาก

ก่อนหน้านี้เขาฝืนทนมาจริงๆ

วิธีระเบิดจิตที่เขาใช้วันนี้ ต้องควบคุมอุปกรณ์หลายร้อยชิ้นให้เรียงตัวกันตามเขตแดนยันต์แล้วระเบิดตัวเอง สำหรับเขาในตอนนี้ถือเป็นเรื่องค่อนข้างเกินตัว ทำให้จิตใจเสียหายอย่างหนัก

ความเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ไม่ใช่เพราะพลังปราณขาดหรือแรงกายไม่พอ แต่เป็นเพราะวิญญาณธาตุหมดแรง

'เฮ้อ สุดท้ายก็ยังมีระดับต่ำเกินไปจริงๆ'

หลี่ผิงอันถอนหายใจ คิดไปถึงตัวเขาเองที่ตอนนี้ได้มีอาจารย์คอยสั่งสอนแล้ว ยังมีพ่อคอยช่วยเหลือข้างกาย เช่นนี้ถือว่าฟ้าเป็นใจ พื้นที่อำนวย คนก็ร่วมใจ บริบูรณ์แล้ว ไม่อาจบ่นอะไรได้อีก

ก็แค่พยายามหนักขึ้นเท่านั้นเอง

ตอนนี้พ่อของเขารีบไปที่หอหมื่นเมฆของยอดเขาหลัก เพื่อไปเป็นเพื่อนเจ้าสำนักต่อในการต้อนรับแขกจากที่อื่น

-- ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของหลี่ผิงอันในตอนนี้เป็นเพียงศิษย์ธรรมดาของเขตใน ไม่สะดวกจะไปร่วมงานเช่นนี้โดยตรง

บนเส้นทางเมฆขณะที่ส่งหลี่ผิงอันกลับมา พ่อของเขาจับแขนเขาไว้ แล้วกระซิบบอกเขาไม่กี่คำ

ในเรื่องนี้ หลี่ผิงอันรู้สึกปลื้มใจยิ่ง

พ่อบอกเขาว่า

"วันนี้จริงๆแล้ว หวังไจ้จื่อไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าลำบาก เขาเป็นเพียงศิษย์ ที่แท้แล้วเบื้องหลังเขาคือศิษย์ของอาจารย์เขานั่นเอง ผู้อาวุโสปี้ผู้นั้นเป็นคนจัดแจง

ในเมื่อเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร หลังการประลองครั้งนี้ก็ลองคิดหาวิธีไปทำความรู้จักกับเขาดู ศัตรูควรคลี่คลายไม่ใช่ก่อ ศิษย์ผู้นี้เบื้องหลังก็มียอดเขาของเขาอยู่ หากบาดหมางกันมากไปจะไม่เป็นผลดีต่อการรวมใจเป็นหนึ่งของสำนักและความก้าวหน้าของพวกเรา

พวกเราต่อจากนี้ ทั้งห้ามเสียหน้า แต่ก็ต้องคิดหาวิธีให้หน้าเขาด้วย กันพวกเขาไม่ให้ตีโพยตีพาย... พ่อจะจัดการเอง"

ในที่สุด!

พ่อผู้เฒ่าของเขาในที่สุดก็ริเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่อง 'การสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก' นี้แล้ว!

พ่อในที่สุดก็ไม่หลบเลี่ยงความหวังของเขาที่คาดหวังให้พ่อดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไป!

อย่างนี้สิถึงจะถูก!

ถ้าท่านพ่อแข็งขืนเสียที เขาผู้เป็นลูกก็จะได้เดินตามเส้นทางธรรมได้สงบเสียที

ที่จริงแล้ว หลายครั้งก็แค่การที่ใครอยู่ตำแหน่งนี้ มีสถานะเช่นนี้ เขาก็จะกลายเป็นภัยคุกคามในสายตาผู้อื่นไปโดยปริยาย ถึงแม้คนผู้นั้นจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม

ด้วยความชอบพอของอาจารย์ใหญ่คงหมิงผู้ก่อตั้งสำนัก พ่อของเขาจึงกลายเป็นอุปสรรคของผู้สืบทอด 'อำนาจ' ของสำนักว่านหยุนจงโดยไม่ได้ตั้งใจ แน่นอนว่าย่อมกลายเป็นหนามยอกตาสำหรับกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม

ถึงแม้ผู้ฝึกปราณมนุษย์จะเบื่อหน่ายอำนาจ แต่ก็มักจะคุ้นเคยกับชีวิตผู้อยู่เหนือคนอื่นเสมอ และจิตใจของพวกเขาก็มักจะคลาดเคลื่อนไปจากเดิม ยังเสน่หาในสิ่งที่เรียกว่าอำนาจ...

ธรรมชาติมนุษย์ก็เป็นเช่นนั้นเอง

หลี่ผิงอันครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้อย่างเงียบๆ

เหตุผลหลักที่ทำให้เขาใช้เคล็ดวิชาระเบิดพลังจิตและอุปกรณ์เป็นจำนวนมากในการถล่มหวังไจ้จื่อเมื่อวาน ก็เพื่อแสดงฝีมือนั่นเอง

ตอนนี้พ่อลูกเขาระดับยังต่ำ ยิ่งไม่อาจปล่อยให้ตนเองถูกดูหมิ่นได้ง่ายๆ

นอกจากนั้น หลี่ผิงอันยังมีจุดประสงค์รองอีกอย่าง

-- เขาอยากใช้เคล็ดวิชาระเบิดพลังจิตดึงความสนใจของคนในสำนัก แล้วฉวยโอกาสเอาวิธีการผลิตอุปกรณ์แบบสายพานของเขากับพ่อมามอบให้สำนัก และยืนยันตำแหน่งของพ่อในสำนักให้มั่นคงขึ้น

ย้อนกลับมา วิธีที่หวังไจ้จื่อใช้พลังยันต์ก็ดีไม่เบานะ เขาต้องเรียนรู้สักหน่อย

แค่หลี่ผิงอันฟื้นพลังจิตกลับมาได้เล็กน้อย ปลายนิ้วของเขาก็ถือยันต์กระดาษไว้หลายใบแล้ว พลางทบทวนเทคนิคการต่อสู้ของหวังไจ้จื่ออย่างตั้งใจ

"อะฮึม"

นี่คือสัญญาณเตือนจากอาจารย์เทียนเซียน

หลี่ผิงอันรีบลุกขึ้น มองอาจารย์ที่กำลังเดินเข้ามา แล้วก้มศีรษะคารวะ "ศิษย์รบกวนการฝึกปราณของอาจารย์หรือไม่"

"ไม่"

ชิงซุ่ยนอนลงอย่างเป็นธรรมชาติบนเก้าอี้ยาวข้างๆ หลับตาลง ประสานมือพักบนหน้าท้อง ชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนนุ่มนิ่มสะบัดเบาๆ ตามแรงลม

นางชี้ไปที่เก้าอี้ยาวอีกตัว "นอนเถอะ"

"ขอรับ"

หลี่ผิงอันจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเลื่อนเก้าอี้ตัวเองถอยหลังไปครึ่งจั้ง ค่อยๆ นอนลงอย่างว่าง่าย

"อาจารย์ขอรับ" เขาพูดด้วยใจเต้นระรัว "ก่อนหน้านี้ศิษย์ไม่ได้บอกเรื่องวิธีระเบิดจิตเพราะตั้งใจจะปิดบัง วิธีสู้รบนี้ต้องใช้ในยามเอาชีวิตเข้าแลก ศิษย์เลยไม่ได้คิดจะใช้ในการประลองภายในสำนัก..."

"ไม่เป็นไร"

ชิงซุ่ยพูดเสียงเบา "ข้าก็มีวิธีลับอีกมากที่ไม่เคยบอกอาจารย์เหมือนกัน"

"ศิษย์ก็มีแค่วิธีลับสู้รบนี้ กับอีกไม่กี่วิธีปรุงยาหล่ออุปกรณ์ และเทคนิคเบ็ดเตล็ดอีกสักหน่อย..."

หลี่ผิงอันยิ่งพูดยิ่งรู้สึกละอายใจ จึงได้แต่บอก

"ศิษย์ชอบครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ ก่อนหน้านี้พ่อเคยช่วยยืมคัมภีร์เซียนจากหอคัมภีร์เต๋าให้ศิษย์เยอะแยะ ศิษย์เลยได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรมากมาย

หากอาจารย์อยากรู้ ศิษย์ก็จะสาธิตให้อาจารย์ดูทีละอย่างเดี๋ยวนี้เลย"

"ไม่ต้อง"

น้ำเสียงของชิงซุ่ยฟังดูผิดหวังเล็กน้อย

"ข้าก็แค่ชำนาญเรื่องการปิดวิเวกกับการต่อสู้ สอนอะไรเจ้าไม่ได้หรอก"

"อาจารย์อย่าพูดแบบนั้นสิขอรับ เทคนิคที่ศิษย์คิดค้นเองพวกนี้มันเป็นแค่ศาสตร์ภายนอกเท่านั้น!"

หลี่ผิงอันรีบพูด

"สิ่งที่อาจารย์สอนศิษย์ได้คือวิถีแห่งการหล่อหลอมตน และวิธีดำรงชีพในโลกนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่มีในตำราใดๆ"

ชิงซุ่ยหันมามอง พบว่าหลี่ผิงอันนอนอยู่ข้างหลัง นางจึงเลื่อนเก้าอี้ไม้ใต้ตัวไปอยู่ระดับเดียวกับหลี่ผิงอันอย่างแผ่วเบา

ชิงซุ่ยมองหลี่ผิงอันขึ้นๆ ลงๆ เหมือนเพิ่งรู้จักศิษย์ของตนเองในวันนี้

หลี่ผิงอันรู้สึกเหมือนใจจะขาดอยู่แล้ว ดวงตาใสซื่อสดใสคู่นั้นของอาจารย์เหมือนจะมองทะลุกระดูกทั่วร่างของเขา

ชิงซุ่ยถามขึ้นมาทันใด "พวกนั้นบอกว่าความคิดของเจ้าฉลาดหลักแหลมมาก จริงอย่างนั้นหรือ"

"ความจริงข้า...ก็ธรรมดานะ"

หลี่ผิงอันยิ้มแห้ง

"อาจารย์จะให้ศิษย์อวดตัวเอง ศิษย์ก็รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง

ความคิดอ่านนี่ก็บอกไม่ถูก บางทีอาจจะเจออุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ไปติดหล่มอยู่ตรงนั้น

สำหรับการฝึกตนแล้ว ชะตาชีวิตกับพื้นฐานนั่นสำคัญกว่า"

"งั้น ศิษย์ ลองมาดูอันนี้สิ"

ชิงซุ่ยหยิบป้ายหยกอันหนึ่งออกมา ส่งมาให้หลี่ผิงอัน

หลี่ผิงอันดูครู่หนึ่ง เห็นมีตัวอักษรเล็กๆ งดงามเขียนเรียงกันหลายบรรทัด เมื่อสังเกตให้ดีก็พอจะเห็นว่าถูกคัดลอกมาจากตำราธรรมในหลายยุคสมัย

"อาจารย์ขอรับ นี่คืออะไรหรือ"

"คาถาที่ข้ายังไม่เข้าใจก่อนจะเป็นเซียน"

ดวงตาแจ่มใสของชิงซุ่ยดูเป็นประกายวาว เหมือนจะสนใจเรื่องนี้มากทีเดียว นางสั่งว่า

"เจ้าลองดูสิ ข้าจะได้เห็นความคิดของเจ้า"

เฉลยของอาจารย์งั้นเหรอ?

หลี่ผิงอันบ่นพึมพำ "อาจารย์ขอรับ ที่อาจารย์รับศิษย์เป็นลูกศิษย์ก่อนหน้านี้ ก็แค่เพื่อตอบแทนบุญคุณศิษย์เท่านั้นสินะ"

"ไม่ใช่หรือไง"

"ไม่มีอะไรๆ" หลี่ผิงอันยิ้มขื่นๆ "การได้เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ นับเป็นบุญกุศลที่ศิษย์สั่งสมมาหลายชาติแล้ว"

ชิงซุ่ยกะพริบตา "จริงๆ เหรอ"

"จริงสิขอรับ!"

หลี่ผิงอันตอบอย่างแน่วแน่ ใบหน้าสวยใสของชิงซุ่ยยิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หลี่ผิงอันในใจถอนหายใจ...อาจารย์ของเขาช่างปลอบง่ายยิ่งกว่าศิษย์น้องมู่หนิงหนิงเมื่อหลายปีก่อนอีก

เขากำป้ายหยกเอาไว้แน่นแล้วหลับตาลง เริ่มขบคิดอย่างตั้งใจ

ข้อสอบที่ชิงซุ่ยออกให้นี้ทำเอาหลี่ผิงอันรู้สึกยากลำบากไม่น้อย

แต่เมื่อเขาเข้าใจความหมายในคาถาหนึ่งสองบท ความคิดเห็นมากมายก็พลันผุดขึ้นในใจหลี่ผิงอัน เขารู้สึกอยากจะหลบเข้าไปในห้องปิดวิเวกเสียเดี๋ยวนี้ ไม่ออกไปแข่งขันบนโลกเวทีในวันพรุ่งนี้แล้ว

...

ศิษย์กับอาจารย์สนทนาธรรมในถ้ำ ขณะที่ยอดเขาหลักมีการรวมตัวของเหล่าเซียนและดนตรีเครื่องสายอันเร้าใจ

คืนแรกของการประลองผ่านไปอย่างคึกคักรื่นเริง โดยรวมแล้วถือว่าราบรื่น นอกจากจะมีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยในหอสรรพสิ่งช่วงครึ่งดึก

เช้าวันที่สองของการชิงชัยภายในสำนัก ที่หอสรรพสิ่งมีผู้คนแน่นขนัด

หลี่ต้าจื่อในชุดเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่หน้าประตูหอ คารวะต่อแถวของเหล่าเซียนที่ยืนอยู่ข้างหน้า กล่าวเสียงดัง

"ท่านทั้งหลาย!

บุคคลผู้เดินทางร้อยลี้ มักจะสะดุดก่อนจะถึงปลายทางเก้าสิบลี้เสมอ คำนี้กล่าวถึงความยากลำบากในช่วงท้ายทาง!

เมื่อวานการประลองสองส่วนผ่านไปอย่างราบรื่น การจัดการไม่มีผิดพลาดใดๆ ทุกฝ่ายประสานกันอย่างดี ล้วนเพราะทุกท่านช่วยกันอุตส่าห์ทำ!

การแข่งขันส่วนสุดท้ายในวันนี้มีความสำคัญยิ่งกว่า ข้าหวังว่าทุกท่านในกรรมการจัดงานของเราจะไม่ย่อท้อ! ไม่อาจประมาทได้แม้เพียงนิด!

ข้าผู้ด้อยธรรมได้ขออนุญาตจากเจ้าสำนักแล้ว หลังจากพรุ่งนี้การแข่งสิ้นสุดลง พวกเราชาวกรรมการจัดงานจะมาฉลองกันที่ตรงนี้พร้อมรางวัลจากสำนัก!"

ทั้งร้อยนักพรตต่างยิ้มรับคำในเวลาเดียวกัน

หลี่ต้าจื่อโบกมือไปทางข้างๆ

เสียงระฆังดังก้องมาจากยอดเขาหลัก แสงสว่างจากพลังเซียนแล่นออกมาจากหอสรรพสิ่ง

นกกระเรียนเซียนสองแถวบินทะยานขึ้นจากหมอกบางในป่า นางเซียนบนหลังนกกระเรียนโปรยกลีบดอกไม้เต็มท้องฟ้า เวทีขนาดใหญ่บริเวณตีนเขาของยอดเขาหลักค่อยๆ ลอยขึ้นมากลางอากาศ แท่นเมฆทั้งสามด้านรอบเวทีถูกขับเคลื่อนโดยเหล่านักพรตรวดเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว

การแข่งขันรอบสุดท้าย เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ!

แขกรับเชิญขึ่นเมฆมาจากตำหนักหลัก ศิษย์จากแต่ละยอดเขาพากันขี่อุปกรณ์วิเศษมารวมตัวกันเป็นริ้วเมฆหลายสาย พุ่งไปยังตีนเขาของยอดเขาหลัก

ใครก็ตามที่เห็นภาพเช่นนี้ ต่างพากันชมว่า 'สำนักว่านหยุนจงช่างรุ่งเรืองนัก'

บรรดาเหล่าเฒ่าที่ปิดวิเวกอยู่ในป่าไผ่ด้านหลัง ต่างพากันยิ้มในเวลานี้

หลี่ผิงอันเดินตามหลังอาจารย์ชิงซุ่ย อดหาวหวอดใหญ่ไม่ได้อยู่หลายที

ลืมพักผ่อนไปเสียสนิท

ปัญหาที่อาจารย์ออกให้เมื่อคืนนี้ เขาทำได้แค่สามส่วนสิบ จิตใจที่เหนื่อยล้าอยู่แล้วยิ่งง่วงเต็มทน ตอนนี้ก็ง่วงจนตาปิดตาลืมไม่ขึ้นแล้ว

หลี่ผิงอันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า วันนี้แค่ติดอันดับห้าสิบก็พอ พอแข่งเสร็จก็จะไปพักผ่อนข้างล่าง

เมื่อวานเขาโชว์ตัวมากเกินพอแล้ว

ด้วยผลแพ้สามครั้งชนะสามครั้ง เขาพอจะผ่านเข้ารอบหกสิบสี่คนสุดท้ายได้อย่างสบายๆ แล้วเจตนาจะแพ้ในรอบสามสิบสองคนอย่างภาคภูมิ หยุดอันดับที่ราวๆ สามสิบ

วันนี้เขาตั้งใจสื่อสารว่า 'ชนะได้เพราะบังเอิญ' และ 'แพ้ได้อย่างสง่างาม'

ศิษย์ในสำนักต่างอยากเห็นหลี่ผิงอันใช้เคล็ดวิชาระเบิดพลังจิตอีกครั้ง

แต่น่าเสียดาย คู่ต่อสู้ในวันนี้ของหลี่ผิงอันต่างให้ความเคารพเขาจนเกินไป บางคนพอเห็นเขาก็อยากจะยอมแพ้เลย ส่วนคนที่ชนะเขาก็ประสานมือแสดงความเคารพกันใหญ่ กลัวว่าจะโดนระเบิด

โชคดีที่หลี่ผิงอันสัญญาว่า วันนี้จะไม่ใช้เคล็ดวิชาระเบิดพลังจิตแล้ว การแข่งขันจึงดำเนินต่อได้อย่างปกติ

สุดท้ายแล้ว หลี่ผิงอันก็ได้แต่ใช้แค่เทคนิคจัดวางอาวุธและวิชายันต์เท่านั้นในการต่อสู้

หวังไจ้จื่อกลายเป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียวในสำนักที่ได้สัมผัสเคล็ดวิชาระเบิดพลังจิต

หลังจบการแข่งขันของตัวเองแล้ว หลี่ผิงอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาแอบนั่งสมาธิพักผ่อนหลังหลังของอาจารย์ ไม่นานก็เริ่มงีบหลับเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจที่เหนื่อยล้ามาตลอดสองวัน

ไม่นาน ชิงซุ่ยหันหน้ามามองด้านหลังเล็กน้อย เอียงคอนิดหน่อย

ภายใต้แสงเซียน หลี่ผิงอันหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก คิ้วที่มักจะขมวดอยู่เสมอในยามปกตินั้นคลายออก ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามของเขาดูสะอาดบริสุทธิ์ประหนึ่งเด็กน้อย

ชิงซุ่ยมองอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือส่งกระแสพลังเซียนระดับเทียนเซียนออกมาหุ้มห่อตัวหลี่ผิงอัน ป้องกันไม่ให้เสียงดังจากผู้คนรอบข้างมารบกวน

อีกไม่นาน มู่หนิงหนิงก็แอบย่องเข้ามานั่งสมาธิอยู่หลังหลังชิงซุ่ยด้วย

มู่หนิงหนิงเตรียมอาหารคาวหวานมาด้วยหลายอย่าง พร้อมแล้วที่จะกินดื่มเฮฮากับหลี่ผิงอันทันทีที่ฟื้นขึ้นมา

ที่ไกลออกไปมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งชะเง้อมองมาทางนี้เป็นระยะๆ

การแข่งขันรอบท้ายสุดดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ส่วนหลี่ผิงอันยิ่งหลับสบายขึ้นเรื่อยๆ

หลี่ต้าจื่อขี่เมฆวุ่นวายอยู่ทั่ว เตรียมพิธีปิดการประลองอย่างขะมักเขม้น

ส่วนเรื่องยุ่งยากที่หลี่ผิงอันต้องพิสูจน์วิธีหล่ออุปกรณ์ของตัวเองหลังการแข่งนั้น... หลี่ต้าจื่อกลับมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่กังวลสักนิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด