ตอนที่แล้วบทที่ 31 ผู้กำกับงานประลองภายในสำนัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 ฝ่าเข้าสู่กระดานดิน

บทที่ 32 อวดฝีมือเล็กน้อย


จริงอย่างที่ว่า ทุกครั้งที่บอกว่า 'พูดเรื่องง่ายๆ สองสามคำ' สุดท้ายแล้วไม่เคยเป็นเรื่องง่ายเลย

พอเห็นบิดาของตัวเองออกอาการพูดเป็นเอ็นไม่จบไม่สิ้นแบบนั้น จิตเต๋าของหลี่ผิงอันกลับสบายใจยิ่งขึ้นอย่างประหลาด

ก่อนหน้านี้เขายังคิดจะจดชื่อผู้อาวุโสสองสามคนที่หวังจะหาเรื่องบิดาของเขาไว้ เผื่อจะได้หาโอกาสเอ่ยปากมั่วๆ ใส่ศัตรูสักหน่อย

แต่ตอนนี้ที่มองเห็นสายตาของผู้อาวุโสเหล่านั้นค่อยๆ คลุมเครือด้วย'คำพูดทางการ'ที่ไม่รู้จบจากปากบิดา...

หลี่ผิงอันรู้สึกหายโกรธอย่างไม่มีสาเหตุ

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะผูกใจเจ็บ

เมื่อบิดาของเขาบรรลุขั้นหยวนเซียน พวกเขาย่อมกล้าออกมาหาเรื่องเขา

ถ้าบิดาสามารถบรรลุขั้นเจินเซียน พวกเขาจะต้องชั่งน้ำหนักก่อนพูดสามส่วน

และถ้าบิดาสามารถก้าวสู่ขั้นเทียนเซียนได้อย่างรวดเร็ว เสียงรบกวนที่แสลงหูในเขตในก็จะลดน้อยลงไปเอง พวกเขาจะต้องยอมตามคลื่นหรือมุ่งมั่นในหนทางเต๋า ปิดประตูบำเพ็ญเพียร

ก็แค่พวกสามัญชนในหมู่เซียนเท่านั้น

หลี่ผิงอันรู้จักตัวเองดีเสมอ

การที่เขาและพ่อจะอยู่ในสำนักว่านหยุนจงได้อย่างมั่นคงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระดับการฝึกปรือและความเร็วในการบำเพ็ญของพ่อเป็นหลัก

ส่วนตัวเขาเอง...

ในตอนนี้ทำได้เพียงอาศัยพ่อเต็มที่เท่านั้น

หลี่ผิงอันอยู่ในมุมนั้นราวสองชั่วยาม

สภาพของหลี่ต้าจื่อดีขึ้นเรื่อยๆ การประชุมเตรียมการดำเนินอย่างรวดเร็วในทิศทางที่ถูกต้อง ผู้อาวุโสทั้งหลายเห็นพ้องต้องกัน เสียงคัดค้านก็เงียบหายไป แนวคิดที่หลี่ผิงอันคิดขึ้นมาถูกหลี่ต้าจื่อใช้หมดแล้ว

แม้ว่าหลี่ต้าจื่อจะพูดออกมาให้ดูซับซ้อน ใส่'ศัพท์ราชการ'และ'สำนวนสูงส่ง'เยอะแยะ แต่แนวคิดการออกแบบของหลี่ผิงอันก็แค่สามข้อง่ายๆ ต่อไปนี้

ประการแรก ตั้ง 'สำนักงานโครงการพิเศษ' หรือ 'ศาลาเตรียมการแข่งขันใหญ่เขตใน' รับผิดชอบการแข่งขันใหญ่ของเขตในทั้งหมด โดยให้พ่อเป็นหัวหน้า คัดเลือกผู้อาวุโสเขตนอกที่คุ้นเคย ใกล้ชิด หรือมีความสามารถ

เข้ามาอยู่ในศาลาเตรียมการ

กระบวนการนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อเสริมอำนาจชั่วคราวให้พ่อ และกำจัดเสียงขัดแย้งทั้งหมด

ประการที่สอง เสนอนวัตกรรมบางอย่างในระบบการแข่งขัน

เช่น การใช้พื้นที่จัดการแข่งขันในแต่ละยอดเขา ใช้สภาพนิสัย 'ชอบแสดง' ของเหล่าเซียน เป็นโอกาสให้เซียนแต่ละยอดเขาได้โชว์ภูเขาของตัวเอง เพื่อสร้างจุดเด่นใหม่ๆ

ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะจัดที่เชิงเขาหลัก

ประการที่สามคือเพิ่มกิจกรรมใหม่ๆ นอกสถานที่แข่งขัน เช่น การแข่งความน่าสนใจของเซียน การแข่งวิญญาณสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

มุ่งเน้นเป็นอย่างหนึ่งเพื่อผ่อนคลายชีวิตการบำเพ็ญที่น่าเบื่อของผู้ฝึกปราณในเขตใน

สามข้อนี้ สำหรับหลี่ต้าจื่อและหลี่ผิงอันแล้ว ก็แค่พูดเรื่องเก่าๆ ซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น แต่สำหรับเหล่าเซียนในเขตในกลับเป็นของใหม่

หลังจากหลี่ต้าจื่อเสนอออกไปทีละข้อ ผู้อาวุโสทั้งสี่ที่ตั้งใจจะหาเรื่องก็หยุดฝีปากในทันที

เมื่อเห็นพ่อควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว หลี่ผิงอันก็เลยหันหลังออกจากหอสรรพสิ่ง กลับไปที่ถ้ำพำนักเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแข่งประลองที่จะมาถึง

ตอนกำลังจะออกมา เขายังได้ยินเสียงพูดที่ดังกังวานและนุ่มนวลของพ่อดังขึ้น

"การแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเขตใน เนื่องจากความสำคัญนี้ ในวงจรการพัฒนาของทั้งสำนัก มันมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

"การแข่งขันระหว่างศิษย์เป็นหน้าต่างที่แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ทางจิตวิญญาณและรากฐานของสำนักว่านหยุนจงของเราเราต้องเข้าใจโอกาสที่หน้าต่างนี้นำมาให้อย่างถ่องแท้ ออกจากมุมมองที่เชื่อถือได้ ออกจากเส้นทางที่เป็นจริง ทำการประสานงานในการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ให้ดีอย่างเป็นรูปธรรม

ท่านผู้อาวุโสอาจจะถามว่า อะไรคือเส้นทางที่เป็นจริง? คำถามนี้ถามได้ดี เราต้องกำจัดปรากฎการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่อาจเกิดขึ้นในการแข่งขัน อย่างการลำเอียงและให้สินบน แน่นอนข้าเชื่อว่าศิษย์จากแต่ละยอดเขาจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของสำนัก..."

ผู้จัดการหลี่กลับมาอยู่ในฟอร์มขีดสุดแล้ว!

...

ไม่นานหลังจากหลี่ผิงอันออกไป หลี่ต้าจื่อก็ประกาศยุติการประชุม ปล่อยผู้อาวุโสเขตนอกพวกนั้นไป

หวังซินฮุย ผู้จัดการที่รออยู่นาน ถือผ้าแผ่นหนึ่ง ก้าวเร็วๆ มาหาหลี่ต้าจื่อ

หลี่ต้าจื่อรับผ้าแผ่นนั้นมาดู ขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า สั่งให้หวังซินฮุยนำกลับไปทำใหม่

หลังจากแก้ไขราวห้าหกรอบ บทประกาศแผ่นแรกที่มีตัวอักษรใหญ่บนพื้นหลังสีแดงของสำนักว่านหยุนจงก็สำเร็จ...

[ประกาศจากหอสรรพสิ่ง สำนักว่านหยุนจง:

การแข่งขันประลองศิษย์เขตในสำนักว่านหยุนจงใกล้จะเริ่มขึ้น ภายใต้การกำชับของเจ้าสำนักและความห่วงใยของผู้อาวุโสเขตในทั้งหลาย เขตในได้เรียกประชุมสำหรับ 'การแข่งขันใหญ่ศิษย์เขตใน' อย่างราบรื่น

การประชุมครั้งนี้ผ่านการลงมติเป็นเอกฉันท์สามประการ

ประการแรก ตั้งศาลาเตรียมการแข่งขันใหญ่ศิษย์เขตใน เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ ศาลาเตรียมการจะเป็นผู้รับผิดชอบ ตำแหน่งทั้งหลายในศาลาเตรียมการ จะมอบให้ผู้อาวุโสเขตนอกและผู้จัดการที่มีความอาวุโสเป็นผู้รับผิดชอบ

ประการที่สอง เพื่อแสดงความงดงามของสำนักว่านหยุนจงแก่สำนักมิตร การแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ขอเรียนเชิญสหายร่วมสำนักทุกยอดเขามารับชม และจะมอบของที่ระลึกในการฝึกธรรมที่งามวิจิตรให้แก่ศิษย์ทุกคนที่มาชมการแข่งขัน

ประการที่สาม การแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ใช้แนวทาง 'การจัดการแบ่งความรับผิดชอบแต่ละยอดเขา' เราจะคัดเลือกสามยอดเขา ให้เป็นสถานที่แข่งขัน โดยศาลาเตรียมการจะรับผิดชอบการประกอบเวทีแข่งและเขตแดนป้องกัน

นับแต่สำนักว่านหยุนจงของเราก่อตั้งมา ศิษย์ทุกรุ่นล้วนมุ่งมั่นเดินหน้า

ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของบรรพชนทั้งสาม เผยแพร่จิตวิญญาณแห่งการบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบาก ส่งเสริมความชอบธรรมและความกล้าหาญ บ่มเพาะวีรบุรุษนับพัน สร้างคุณูปการอันโดดเด่นให้กับการเจริญก้าวหน้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภาคตะวันออก

หวังว่าศิษย์ใหม่จะตั้งใจฝึกฝน ตอบแทนบุญคุณสำนัก ในการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ ขอให้ประลองด้วยมารยาทและทัศนคติที่ดี

ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

รายชื่อผู้อาวุโสในศาลาเตรียมการ (เรียงตามจำนวนขีดของฉายา)]

"ศิษย์บรรพชนหลี่ต้าจื่อ ท่านดูครั้งนี้พอใจหรือยังขอรับ?"

หวังซินฮุย ผู้จัดการถือประกาศฉบับนี้อยู่ เช็ดเหงื่อร้อนๆ บนหน้าผาก

"ถ้ายังต้องปรับแก้ใจความตรงไหนอีกล่ะก็ ข้าจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!"

"ข้าขอดูหน่อย"

หลี่ต้าจื่อพินิจอ่านอย่างละเอียด จิบน้ำชาจากถ้วยแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "รู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไปนิด"

"หือ?"

หวังซินฮุย ผู้จัดการหัวเราะแห้ง

"ศิษย์บรรพชน ประกาศฉบับนี้ เมื่อเทียบกับประกาศที่หอสรรพสิ่งของเราเคยส่งออกไปก่อนหน้า ก็ต้องนับว่าเจนจัดขึ้นมากแล้ว คงปรับแก้อะไรไม่ได้อีกแล้วขอรับ!"

หลี่ต้าจื่อหัวเราะ "ทุกอย่างต้องมีกฎเกณฑ์ การเริ่มต้นนั้นยากเสมอ อย่ากลัวความยุ่งยากเลย"

"ใช่ขอรับ คำพูดของท่านถูกต้องยิ่งนัก"

"เอ่อ...อืม..."

หลี่ต้าจื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองไปทางผู้อาวุโสที่อยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งกำลังถกเถียงกันเรื่องฉากหลังอะไรสักอย่าง แล้วหันกลับมามองหวังซินฮุยอย่างมีนัยลึกซึ้ง

"ศิษย์บรรพชน มีอะไรหรือขอรับ?"

"จัดรายชื่อของผู้อาวุโสที่อยู่ในศาลาเตรียมการไว้ท้ายประกาศด้วย" หลี่ต้าจื่อพูดเบาๆ"ผู้อาวุโสทั้งหลายเหนื่อยกายเหนื่อยใจเพียงนี้ สมควรลงชื่อไว้ อย่าลืมเขียนท้ายว่า ลำดับที่ลงชื่อเรียงตามจำนวนขีดของฉายา"

หวังซินฮุยพยักหน้าแม้จะงุนงงอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ยากที่จะทำ

หลี่ต้าจื่อรับประกาศกลับมา พินิจดูอย่างละเอียดอีกสองสามที แล้วชี้ไปที่ตัวอักษรแนวตั้งที่สามแล้วพูดเสียงนุ่มนวลว่า "ข้างหน้าห้าตัวอักษรว่าประชุมพิเศษเขตในยังเติมได้อีกสองประโยค"

"ศิษย์บรรพชนจะให้เพิ่มอะไรล่ะขอรับ? เมื่อกี้ท่านไม่ใช่ยังให้ข้าย่อให้กระชับอีกหรือขอรับ?"

"ดูเอาเถอะ ยังขาดความรอบคอบอยู่หน่อย! เห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่ทำงานแบบนี้ ข้าเลยจะชี้แนะพิเศษหน่อย"

หลี่ต้าจื่อทำสีหน้าจริงจัง

"ทั้งสำนักว่านหยุนจงของเรานี่ ควรจะรวมตัวกันรอบใคร เพื่อทำให้สำนักเจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง?"

ใบหน้าเหลี่ยมกว้างของหวังซินฮุยเต็มไปด้วยความงุนงง แต่แล้วเขาก็นึกบางอย่างออก "บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักขอรับ!"

"โอ๊ย! ก็เจ้าสำนักไง เจ้าสำนัก! อาจารย์ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกมานานแล้ว ท่านก็ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงพรรค์นี้!"

หลี่ต้าจื่อทำหน้ารังเกียจ ขมวดคิ้วว่า

"เจ้าเขียนไว้ก่อนตัวอักษรว่าเขตในนี่ด้วยประโยคหนึ่งว่า 'ภายใต้การกำชับของเจ้าสำนักและความห่วงใยของผู้อาวุโสเขตในทั้งหลาย'

"อีกอย่าง ต้องเพิ่มอีกตอนหนึ่งไว้ท้ายประกาศ เอาล่ะ...จำได้แล้ว

"นับแต่สำนักว่านหยุนจงของเราก่อตั้งมา ศิษย์ทุกรุ่นล้วนมุ่งมั่นเดินหน้า

ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอาจารย์บรรพชนทั้งสาม เผยแพร่จิตวิญญาณแห่งการบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบาก ส่งเสริมความชอบธรรมและความกล้าหาญ บ่มเพาะวีรบุรุษนับพัน สร้างคุณูปการอันโดดเด่นให้กับการเจริญก้าวหน้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภาคตะวันออก

หวังว่าศิษย์ใหม่จะตั้งใจฝึกปรือ ตอบแทนบุญคุณสำนัก ในการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ ขอให้ประลองด้วยมารยาทและทัศนคติที่ดี

ประมาณนี้ละมั้ง"

หวังซินฮุยฟังแล้วพยักหน้ารัวๆ ในใจยกย่องสรรเสริญ

'ศิษย์บรรพชนหลี่ต้าจื่อได้รับความไว้วางใจจากบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักและเจ้าสำนักถึงเพียงนี้ ไม่น่าแปลกใจเลย เพียงไม่กี่คำพูดง่ายๆ ก็มีรสนิยมเช่นนี้แล้ว'

"ศิษย์บรรพชนมีสายตากว้างไกล ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย!"

"ขอบใจๆ เหนื่อยหน่อยนะ"

หลี่ต้าจื่อพยักหน้ายิ้มๆ แล้วสั่งเสียอีกว่า

"หวังซินฮุย หลังจากการแข่งขันใหญ่จบลง อย่าลืมทำประกาศอีกแผ่นหนึ่ง โดยเขียนชื่อหรือฉายาของทุกคนในศาลาเตรียมการ ตั้งแต่ผู้อาวุโสถึงผู้จัดการตามตำแหน่งที่รับผิดชอบ

"ทุกคนเหนื่อยยากมาตลอด สมควรได้รับการยกย่องสักหน่อย"

หวังซินฮุยชะงักไปครู่หนึ่ง ถามเสียงเบาๆ ว่า "แม้แต่ชื่อของผู้จัดการก็ให้ใส่ด้วยเหรอขอรับ?"

หลี่ต้าจื่อหัวเราะ "ใครก็ตามที่ลงแรงไป มีตำแหน่งชัดเจนก็ให้ใส่เลย ส่วนคนที่ไม่มีตำแหน่งชัดเจน ก็ระบุไว้ท้ายๆ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานที่ ตัวสำรอง หรือผู้ช่วยทั่วไป"

"ขอบคุณศิษย์บรรพชน!"

หวังซินฮุยยิ้มซื่อๆ เมื่อเดินไป ฝีเท้าก็รวดเร็วและแข็งแกร่งขึ้นอย่างตามสัญชาตญาณ เต็มไปด้วยพลังและแรงกระตุ้น

หลี่ต้าจื่อวางถ้วยชาลง เดินวนรอบห้องโถงใหญ่ แล้วหาที่ไม่มีคนอยู่ นำป้ายหยกที่หลี่ผิงอันเขียนให้มาถือไว้ในมือ แล้วอ่านทบทวนซ้ำอีกสามสี่รอบ อดไม่ได้ที่จะอุทานในใจ

"ก็ยังต้องเป็นผิงอันของเราอยู่ดี"

...

ขณะที่หอสรรพสิ่งกำลังวุ่นวายอย่างคึกคัก บรรยากาศที่ศาลาใกล้ถ้ำของนักพรตโม่อี้กลับอึมครึมลง

ตอนนี้ แม้แต่ตัวนักพรตโม่อี้เองก็ตัดสินใจไม่ถูก

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า 'บุญวาสนาใหญ่หลวง' หรือ?

ศาลาถูกห่อหุ้มด้วยเขตแดนป้องกันแบบใส ก็เพื่อให้ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงนี้สามารถคุยกันได้สะดวก

หญิงชราคนหนึ่งขมวดคิ้ว "หลี่ต้าจื่อนี่ช่างซ่อนความสามารถไว้ลึกจริงๆ วันนี้เขาทำตัวเหมือนเป็นคนละคนในหอสรรพสิ่งทำเอาข้าผู้ด้อยศีลกระตุกไม่ทันเลยจริงๆ"

"ไม่เพียงซ่อนความสามารถเท่านั้น"

ผู้อาวุโสเขตในแซ่ปี้หัวเราะเยาะ

"ข้าผู้ด้อยธรรมไม่รู้เลยว่า ท่านทั้งหลายวันนี้เข้าใจหรือยังว่าหลี่ต้าจื่อนี่ช่างเจนจัดในศาสตร์แห่งอำนาจ

ความคิดของเขา ซับซ้อนกว่าพวกเราผู้ฝึกปราณที่อยู่ในภูเขามานานนับไม่ถ้วนหลายเท่า!

พวกท่านทั้งหลายตอนหารือเรื่องพวกนี้ในหอสรรพสิ่งก่อนหน้านี้ เขายังแกล้งทำตัวอ่อนแอ ทำเป็นงงๆ รอจนกระทั่งพวกท่านพูดกันเสร็จ เขาก็เริ่มโต้กลับอย่างกะทันหัน

ตาเขาที่ตั้งศาลาเตรียมการนี้เก่งมากจริงๆ เพียงแค่เอ่ยสักประโยคว่าทำเพื่อให้เหล่าเซียนทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ยึดอำนาจที่เจ้าสำนักมอบให้ได้อย่างมั่นคงแล้ว

แต่เดิมพวกเรามีแค่ตำแหน่งผู้อาวุโส ก็พูดอะไรเกี่ยวกับการแข่งขันใหญ่ได้บ้างอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้พอมีศาลาเตรียมการตั้งขึ้น ก็ให้ผู้อาวุโสและผู้จัดการที่เขาเชิญมาด้วยตัวเองจัดการอีกที ทำให้พวกเรายังไงก็โดนกีดออกไป ถึงแม้พวกเราจะเป็นผู้อาวุโส แต่ไม่ใช่คนในศาลาเตรียมการของเขา ก็ไม่สามารถมีผลต่อการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ได้แม้แต่น้อย!"

สี่ผู้อาวุโสที่ออกหน้าให้ร้ายหลี่ต้าจื่อในหอสรรพสิ่งก่อนหน้านี้ ใบหน้าต่างมีสีหน้าขมขื่น

"ครั้งนี้ศิษย์บรรพชนหลี่ต้าจื่อเอาชนะไปแล้ว"

ผู้อาวุโสเขตนอกอีกคนถอนหายใจ

"นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา วันนี้ศิษย์บรรพชนหลี่ต้าจื่ออวดฝีมือให้เราเห็น ทำเอาข้าผู้ด้อยศีลตาค้างไปเลย"

"แล้วพวกเรามัวแต่มองเขาอวดอำนาจเต็มที่ในหอสรรพสิ่งอยู่อย่างงั้นรึ!?"

"พูดแบบนี้ไม่ได้" นักพรตโม่อี้พูดยิ้มๆ "ศิษย์ผู้น้องหลี่ต้าจื่อทำตามคำสั่งของเจ้าสำนัก ที่ตอนนี้ก็เต็มที่ทำในสิ่งที่เจ้าสำนักมอบหมายให้ จะเรียกว่าอวดอำนาจได้อย่างไร?"

ผู้อาวุโสเขตนอกหลายคนรีบพยักหน้า "รองเจ้าสำนักพูดถูกต้องยิ่งนัก"

นักพรตโม่อี้พูดอีกว่า "เรื่องครั้งนี้ หยุดแค่นี้แล้วกัน"

"หยุดแค่นี้เหรอ?"

ผู้อาวุโสปี้ขมวดคิ้ว

"เจ้าสำนักลำเอียงเข้าข้างหลี่ต้าจื่อขนาดนี้ พวกเราจะอั้นความไม่พอใจไว้หรือ?"

"ไม่ใช่อั้นความไม่พอใจ ฟังข้าผู้ด้อยศีลพูดสักคำ"

นักพรตโม่อี้ประกาศอย่างจริงจัง

"เรื่องที่ท่านทั้งหลายไม่พอใจที่เจ้าสำนักลำเอียงเข้าข้างศิษย์ผู้น้องหลี่ต้าจื่อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การแข่งขันใหญ่ของเขตในก็เป็นเรื่องอีกเรื่อง

การแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ มีสำนักเต๋าสิบหกแห่งส่งจดหมายเข้ามาแล้ว ถึงเวลานั้นคงมีเซียนสหายและเซียนผู้ทรงเกียรติมาอย่างคับคั่ง หากเรามีใจไม่สงบแล้วไปก่อเรื่องน่าขัน ก็จะเป็นที่ขบขันในวงกว้างไปเลยนะ

ถ้าท่านทั้งหลายไม่พอใจศิษย์ผู้น้องหลี่ต้าจื่อ ก็ทำใจไว้ก่อน แล้วค่อยคิดบัญชีกันทีหลัง

หากการแข่งขันครั้งนี้เกิดความวุ่นวาย ข้าผู้ด้อยศีลเองจะไปร้องเรียนศิษย์ผู้น้องหลี่ต้าจื่อกับเจ้าสำนัก แต่หากการแข่งขันราบรื่น คนในสำนักทุกคนพึงพอใจ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้ ค่อยสังเกตการณ์หลังจากนั้นก็แล้วกัน"

ผู้อาวุโสทั้งหลายพยักหน้า

แต่ผู้อาวุโสปี้กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ในดวงตามีความคิดบางอย่างแวบผ่าน

นักพรตโม่อี้หัวเราะ "ต่อไปท่านทั้งหลายก็ไม่ต้องเป็นทุกข์นัก ข้าผู้ด้อยศีลจะจัดงานเลี้ยงสักงาน สนุกสนานสองสามวันก็แล้วกัน"

เหล่าผู้อาวุโสพูดขึ้น

"ดีมากๆ!"

"รองเจ้าสำนักมีใจกว้างขวางจริงๆ!"

"รองเจ้าสำนักพูดถูก เราควรเห็นแก่ภาพรวม ส่วนที่ไม่พอใจหลี่ต้าจื่อนั่น

ไว้ค่อยจับผิดเขาทีหลังก็ได้"

ผู้อาวุโสปี้พูด "ช่างเถอะ ข้าผู้ด้อยธรรมจะไปปิดประตูบำเพ็ญเสียเลย

จะได้ไม่รกสายตาท่านทั้งหลาย"

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากไป

นักพรตโม่อี้มองแผ่นหลังของผู้อาวุโสปี้ที่เดินจากไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ในดวงตามีแสงวาบขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ยังคงคุยกับเซียนผู้ทรงเกียรติรอบด้านต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

...

ยามเช้าตรู่

หลี่ผิงอันตื่นเช้ามาฝึกปราณในป่าใกล้ถ้ำพำนัก คอยมู่หนิงหนิงอย่างใจเย็น

เขาเปลี่ยนเสื้อศิษย์ตัวใหม่เอี่ยม มัดผมขึ้นแบบเรียบๆ แล้วหมกมุ่นยกย่องหอกเล่มนั้นในมือต่อ

พลังจากวิญญาณแท้จริงค่อยๆ ซึมซับเนื้อไม้ของหอกทีละน้อย หลี่ผิงอันรู้สึกคล้ายว่าหอกเล่มนี้มีสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะตอบรับการเรียกของเขา แม้จะอ่อนแอมาก

แต่เมื่อเขาเพ่งความรู้สึกให้ลึกลงไปอีก ก็พบว่าเป็นเพียงความรู้สึกเข้าใจผิด

สมบัติวิญญาณไม่ได้เลี้ยงกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก

จนกระทั่งญาณทัศนะจับภาพเงาร่างอันคุ้นเคยที่บินมาด้วยกระบี่ได้ หลี่ผิงอันจึงหยุดการบูชา ลุกขึ้นมารออีกฝ่ายลงมา

"ศิษย์พี่! เมื่อวานท่านอาของข้าส่งข่าว ให้ข้ามาหาศิษย์พี่ตอนนี้เจ้าค่ะ!"

"ศิษย์น้องหญิงมู่"

หลี่ผิงอันพิจารณาใบหน้ารูปไข่ของมู่หนิงหนิง พบว่านางมีแววตาเหนื่อยล้าปรากฎให้เห็น จึงปลอบเสียงนุ่มนวลว่า

"เจ้าอย่ากดดันตัวเองมากนัก การแข่งขันใหญ่ศิษย์เขตในครั้งนี้ พวกเราที่เพิ่งรับอาจารย์ไม่นานไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ เลย แค่ทำเต็มที่ก็พอแล้ว"

หญิงสาวน้อยระดับขั้นควบแน่นปราณที่คิดถึงเรื่อง 'ศิษย์พี่เรียกข้ามาทำอะไรกันนะ' มาทั้งคืนจนไม่ได้พักผ่อนดีๆ พอได้ยินก็ชะงักไปครู่ ก่อนจะผงกศีรษะอย่างเด็ดขาด พูดเสียงสะอื้นว่า

"อืมเจ้าค่ะ พวกเรามีแรงกดดันมากจริงๆ!"

"ไม่เป็นไร มาดูว่าข้าเตรียมอะไรให้เจ้า"

หลี่ผิงอันส่ายหน้ายิ้มๆ มือขวาของเขาโบกไปทางด้านข้าง ห้าแสงระยิบระยับพุ่งออกมา กลายเป็นห้า 'เสาไม้' ตกลงข้างๆ

"นี่คืออุปกรณ์วิเศษที่เตรียมไว้ให้เจ้า"

"อุปกรณ์วิเศษ? ให้ข้าเหรอเจ้าคะ?"

"แล้วจะให้ใครล่ะ?"

หลี่ผิงอันหัวเราะ "ห้าเสานี้เข้าชุดกัน ชื่อว่าเสาเยี่ยนตุ๋น เจ้าลองอัญเชิญดูก่อน ข้าจะสอนวิธีใช้ให้ ใช้ได้ไม่ยากหรอก"

มู่หนิงหนิงตาเป็นประกายวาววับ ไม่ได้ถามว่าสมบัตินี้มีค่าเท่าไหร่ นางเริ่มอัญเชิญอย่างจริงจัง อีกไม่นานก็เริ่มฝึกซ้อมในป่า

อุปกรณ์วิเศษชุดนี้ให้ประโยชน์แก่มู่หนิงหนิงที่ถนัดกระบี่เป็นอย่างมาก

ประโยชน์ของมันง่ายมาก ก็คือช่วยให้ผู้ใช้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วในระหว่างห้าเสา เสาสมบัติทั้งห้ามีกลวิธีเปลี่ยนแปลงค่ายกลมากถึงหลายสิบชุด

มู่หนิงหนิงฝึกเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจความลับสำคัญของมันแล้ว

นางดุจนกนางแอ่นน้อยร่าเริง บินวนไปมาในระหว่างเสาสมบัติทั้งห้าที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

"ศิษย์พี่! สิ่งนี้เจ๋งมากเลยเจ้าค่ะ!"

หลี่ผิงอันหัวเราะ "ให้เจ้ามีเวลาสองชั่วยามคุ้นเคยกับอุปกรณ์วิเศษนี้

หลังจากนั้นสองชั่วยามก็มาฝึกกับข้า"

"ได้เลยเจ้าค่ะ!"

มู่หนิงหนิงประสานมือ ความสนุกในการประลองถูกปลุกขึ้นแล้ว

หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม

ร่างของชิงซุ่ยปรากฎขึ้นอย่างเงียบๆ ที่ยอดต้นไม้ นางไม่รบกวนการต่อสู้ของศิษย์ทั้งสอง

หลี่ผิงอันกำหอกด้วยมือเดียวพุ่งเข้าประชิดตัว

มู่หนิงหนิงกระตุ้นเสาเยี่ยนตุ๋นอย่างเต็มกำลัง เสาสมบัติทั้งห้าหมุนไปมาอย่างรวดเร็วเหลือเกิน นางบินวนอยู่ในนั้น กระบี่ในมือปล่อยแสงกระบี่ออกมาเป็นชุด รวดเร็ว ซับซ้อน จนตามองแทบไม่ทันเลย

ระหว่างนั้น เสียงปะทะของพลังอาคมดังไม่ขาดหู

หลี่ผิงอันตั้งใจประสานท่า มู่หนิงหนิงใช้ความสามารถอย่างเต็มที่

ภาพเงาของหอก แสงกระบี่ และเงาเสาโคจรห้าธาตุ สลับกันส่องประกาย

ในป่าดังเสียงหัวเราะใสซื่อและคมคายสลับกันไป

จนกระทั่งเสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ มู่หนิงหนิงจึงหยุดเสาเยี่ยนตุ๋น สายตาพร่าเลือนเล็กน้อย ร่างของศิษย์พี่ผิงอันกลายเป็นศิษย์พี่สาวจากยอดเขาเดียวกันที่หน้าซีดขาว ศิษย์พี่สาวคนนั้นถอนหายใจ ประสานมือคารวะมู่หนิงหนิง แล้วหมุนตัวลงสู่พื้นดิน

มู่หนิงหนิงรีบกระโดดลงจากเสาเยี่ยนตุ๋น ประสานมือตอบศิษย์พี่สาวคนนั้น

กึ่ง!

เสียงระฆังดังขึ้น จากนั้นเสียงประกาศของผู้จัดการเขตนอกก็ดังขึ้น

"ยอดเขาสายหมอก มู่หนิงหนิงชนะ!"

เสียงโห่ร้องดีใจดังขึ้นรอบๆ

มู่หนิงหนิงยิ้มบางแล้วมองไปรอบๆ พบหลี่ผิงอันที่ยืนอยู่ในมุม นางจึงโบกมือให้เขาอย่างแรง

ในวันแข่งขันกระดานมนุษย์ นางสมหวังอย่างสง่างาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด