ตอนที่แล้วบทที่ 30 การแต่งตั้งครั้งแรกของพ่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32 อวดฝีมือเล็กน้อย

บทที่ 31 ผู้กำกับงานประลองภายในสำนัก


"ศิษย์ เจ้าเรียนรู้มาหลายแขนง ถึงแม้จะเชื่อมโยงเข้าถึงได้หมด แต่พอปะทะกลับคิดมากไป"

"ในงานประลองศิษย์ครั้งต่อไปนี้ เจ้าใช้วิชาได้เพียงสามอย่างในการปะทะกับศิษย์อื่น...อืม ถ้าใกล้จะแพ้ค่อยใช้เพิ่มได้ แต่ต้องพยายามชนะให้ได้ อย่าได้รับบาดเจ็บ"

"การฝึกฝนวิชาการต่อสู้ก็เพื่อบำรุงรักษาผลเต๋าของตนเอง อย่าหลงลืมตัว โปรดระลึกถึงหนทางเดียวไว้ตลอดเวลา"

คำสั่งกำชับของศิษย์พี่ชิงซุ่ยยังดังก้องอยู่ในหู

เหลือเพียงหลี่ผิงอันอยู่คนเดียวในป่า

เขาขัดสมาธิบนพื้นหญ้า เรียงหินวิญญาณเก้าก้อนเป็นเขตแดนสะสมพลังขนาดเล็ก เหน็บอุปกรณ์วิเศษหอกเอาไว้ตรงหน้าขา ปราณอันละเอียดนุ่มนวลกำลังลอยออกจากปากและจมูกของหลี่ผิงอัน ไหลเข้าไปในด้ามหอก

หลี่ผิงอันกำลังใช้พลังธรรมแห่งตนบูชาหอกด้ามนี้ ตามวิธีที่ศิษย์พี่สอน

หากผู้ฝึกปราณหมั่นเพียรสะสมสำนึกถึงขั้นรวมสำนึก วิญญาณแท้จริงในตัวย่อมรวมตัวเป็นธรรม เมื่อใดฝึกตนถึงขั้นบำเพ็ญสุญญตาจึงจะสามารถ 'ผลัดผิวธรรม' ก้าวไปสู่พลังธรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ศิษย์พี่ให้เขาใช้เพียงสามวิชาในการปะทะ แน่นอนว่าเป็นการเพิ่มความท้าทายให้งานประลองของเขาอีกนิด

หลี่ผิงอันเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ศิษย์พี่ต้องการให้เขาลดทอนวิชาปะทะให้เรียบง่ายที่สุด

แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ

เมื่อเทียบกับท่านพ่อ ความก้าวหน้าในการฝึกตนของเขานั้นช้ามากเหลือเกิน เพื่อจะได้มีวิชามากขึ้น จึงต้องหมั่นฝึกฝนอยู่หลายอย่าง

วันนี้ หลี่ผิงอันมิได้แสดงทุกเล่ห์กลในการต่อสู้ให้ศิษย์พี่เห็น ยังมีบางอย่างที่เขาคิดขึ้นมาเองซ่อนเอาไว้

ประการแรก วิชาเหล่านี้ไม่น่าจะได้ใช้ในงานประลองภายในสำนักแน่นอน

ประการที่สอง เป็นเพราะ...วิชาเหล่านี้ถือว่า 'ไม่เหมือนกับวิชาในสำนักปกติ' เท่าใดนัก

แน่นอนว่า หลี่ผิงอันก็มีวิชาพิเศษปกติอยู่บ้าง เช่น 'คาถาระเบิดจิต' ที่สามารถทำให้อุปกรณ์วิเศษที่ทำขึ้นเองระเบิดได้ พร้อมด้วย 'ค่ายกลอุปกรณ์กระตุ้นการระเบิด' ที่เข้าชุดกัน ซึ่งสามารถชดเชยข้อบกพร่องของหลี่ผิงอันในขณะนี้ได้มาก ทั้งขั้นวิชาต่ำและพลังปราณน้อย เมื่อใช้ปะทะกันเพียงใช้พลังปราณเล็กน้อยควบคุมวิชา ก็สามารถปลดปล่อยพลังจิตอันทรงพลังออกมาได้ในชั่วพริบตา ช่วยบรรเทาความหวาดกลัวต่ออำนาจที่ไม่เพียงพอได้ชั่วคราว

ข้อด้อยอย่างเดียวของวิชานี้คือ เปลืองหินวิญญาณมากไปหน่อย

'งานประลองครั้งนี้มีแต่รางวัลภายในสำนัก ส่วนการได้เป็นที่รู้จักในสำนักก็ไร้ประโยชน์ต่อข้า ไปที่ไหนก็ถือเป็นสำเร็จที่นั่น ขอแค่แย่งเข้าท็อป 50 ของสำนักก็ถือว่าชนะแล้ว'

หือ?

ญาณทัศนะของหลี่ผิงอันกระตุกเตือนอยู่ดี มีคนกำลังย่องเข้ามาข้างกายเขา ทั้งยังไร่ร่องรอยของปราณใดๆ เลย!

เขาเตรียมจะผลุนผลันหนี พร้อมตะโกนเรียกศิษย์พี่ ก็ได้ยินท่านพ่อตะโกนเรียกเสียงกดต่ำ

"ผิง--อัน--"

"พ่อ?"

หลี่ผิงอันหันไปมองตรงมุม สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง

หลี่ต้าจื่อนอนคว่ำอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ ยังมีขาสองข้างฝังอยู่ในลำต้น ตอนนี้กำลังโบกมือเรียกเบาๆ

ข่าวดีคือ ท่านพ่อทำตามที่เขาแนะนำจริงๆ ฝึกวิชาหลบหนีตามธาตุทั้งห้าอย่างขยันขันแข็ง

ข่าวร้ายคือ ท่านพ่อนำวิชานี้ไปใช้ในที่แปลกๆ

หลี่ผิงอันบอกให้หอกลอยตามหลัง เดินไปยังใต้ต้นไม้อย่างอ่อนโยน "พ่อครับ มาอย่างเปิดเผยก็ได้ ทำไมต้องซ่อนๆ หลบๆ ด้วยหล่ะ"

"ก็กลัวเจอศิษย์พี่ของเจ้า จะได้ไม่เสียมารยาทไงหล่ะ"

หลี่ต้าจื่อหัวเราะฮึๆ รอยยิ้มจางๆ ขาดความมั่นใจไปบ้าง เลยหาเรื่องคุยซะเลย "เออ...หลายวันมานี้ เจ้าฝึกตนเป็นยังไงบ้าง"

หลี่ผิงอันทันใดนั้นสายตาก็คมกริบ "พ่อ ไม่ใช่ว่าพ่อจะปิดวิเวกฝึกตนเหรอ"

"เรื่องนี้น่ะ จริงๆ ก็มีคนเรียกข้าออกมาช่วยงาน ข้าปฏิเสธเขาไม่ค่อยถูก"

คำพูดของหลี่ต้าจื่อฟังดูอ้อมแอ้ม

หลี่ผิงอันถอนหายใจอยู่ในใจ แต่ก็ยังหัวเราะ "พ่อครับ หรือว่าพ่อไปสัญญาอะไรกับคนอื่น ตอนนี้เลยลำบากใจ?"

"ลูกชายเข้าใจข้าจริงๆ! ฮ่าๆ!"

หลี่ต้าจื่อปีนออกมาจากลำต้น กระโดดมาข้างหน้าหลี่ผิงอัน เคาะไหล่เบาๆ พลางหัวเราะ จู่ๆ ก็ทำสีหน้าจริงจัง

"แต่ครั้งนี้เจ้าเดาผิดแล้ว"

"ข้าไม่ได้ไปรับปากใครมั่วๆ ซะหน่อย เป็นเจ้าสำนักสั่งมา บอกว่าข้ามีความสามารถ"

หลี่ผิงอันก็งงไปด้วย "เจ้าสำนักสั่ง? ทำไมจู่ๆ เจ้าสำนักถึงสั่งหล่ะ?"

"เรื่องนี้ เอ่อ!" หลี่ต้าจื่อยิ้มแห้งๆ "คือตอนนี้ ผู้ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าก็คือ!"

หลี่ต้าจื่อแหงนคอยืดอก ยกมือไพล่หลัง เหมือนแม่ทัพในโรงละคร กระแอมไอก่อนจะพูดเสียงเรียบ

"ศิษย์อาวุโสประจำนิกายว่านหยุนจง, บิดาแห่งสุดยอดศิษย์นิกายว่านหยุนจงในวันพรุ่งนี้, และ, ผู้กำกับงานประลองศิษย์นิกายว่านหยุนจง!"

อะไรนะเนี่ย?

หลี่ผิงอันมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มหน้า

หลี่ต้าจื่อถอนหายใจ พูดตามตรง

"สามคำสุดท้ายนั่นข้าเติมเข้าไปเอง"

"เจ้าสำนักให้หอเมฆวิเศษ หอบำรุงเมฆ หอสรรพสิ่ง ช่วยข้าจัดงานประลองศิษย์ภายในสำนักสุดกำลัง บอกให้จัดให้มีอะไรใหม่ๆ ออกมาบ้าง ทำให้คึกคักมากขึ้นด้วย"

หลี่ผิงอันทันใดนั้นขมวดคิ้ว "นี่จะมีคนแอบขุดหลุมให้เราตกรึเปล่านะ"

"ข้าเองก็ไปสอบถามมาแล้ว" หลี่ต้าจื่อถอนหายใจ "ตอนประชุมระหว่างผู้อาวุโส มีผู้อาวุโสนามสกุลปี้คนหนึ่งเสนอมาว่า ตัวข้าเพิ่งเข้าสำนักก็ควรเข้าประลองด้วยเหมือนกัน"

สายตาหลี่ผิงอันทันทีคมกล้าขึ้นมา

คนผู้นี้ใจคอชั่วช้า

หลี่ต้าจื่อบอก "โชคดีที่เจ้าสำนักช่วยข้าไว้ จากต้องเข้าร่วมการต่อสู้ เปลี่ยนเป็นให้มาจัดงานแทน"

หลี่ต้าจื่อมองซ้ายมองขวา ส่งความคิดด้วยเสียงระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม สำเนียงท้องถิ่นยิ่งชัดเจนขึ้น

"พระคุณของเจ้าสำนักครั้งนี้ พวกเราต้องจดจำไว้"

"พวกเล่ห์เหลี่ยมพวกนั้น รอให้ข้าเก่งกว่าพวกมันเมื่อไหร่ ค่อยๆ ตอบแทนไปทีละน้อย ตอนนี้ไม่ต้องสนใจพวกมัน ส่วนใหญ่ก็เพราะกำลังยังไม่พอ"

"เรื่องนี้ที่ยุ่งยากคือ เจ้าสำนักให้ข้ามาจัดงานประลองใหญ่..."

"ผิงอัน ลูกก็รู้ ข้าทำงานสัมพันธ์ของโรงงานให้ล้มเหลวได้แม้แต่งานเล็กๆ ลูกบอกข้าทำการผลิตไม่มีปัญหาแน่นอน ข้าเมื่อก่อนเกือบเป็นช่างตะไบระดับแปดแล้ว แต่พวกงานเลี้ยง งานสัมพันธ์ งานกีฬา ข้ากลับทำไม่ค่อยเป็นเลยจริงๆ!"

"ตอนนี้หัวข้าอื้ออึงไปหมด รู้สึกเหมือนต้องใช้สมองใหม่แล้ว ก็เลยต้องเรียกลูกมาช่วยข้าหน่อย"

"ผิงอัน ลูกจะมารับหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับมั้ย?"

"พ่อครับ" หลี่ผิงอันพูดอย่างไม่มีทางเลือก "ตอนนี้ลูกเป็นศิษย์ในสำนัก ต้องเข้าร่วมงานประลองครั้งนี้ด้วย"

"เป็นศิษย์เข้าประลอง กับเป็นผู้ช่วยผู้กำกับจัดงาน มันก็ไม่ขัดแย้งกันนี่นา"

หลี่ต้าจื่อใช้หลังมือตบที่หน้าอกหลี่ผิงอันเบาๆ แล้วยังส่งความคิด

"ตอนนี้ต้องมีหลายคนอยากเห็นพ่อขายหน้าแน่ๆ"

"ลูกจะยอมเห็นพ่อถูกพวกคนแก่รุมกลั่นแกล้งเหรอ"

"แวะไปช่วยพ่อหน่อย...อืม มาให้พวกเขาตกตะลึงกับสิ่งใหม่ๆ กัน!"

"พ่อครับ ในเมื่อพ่อตัดสินใจแล้ว ผมจะทำก็ได้ พ่อให้ผมคิดวิธีทำนะครับ"

หลี่ผิงอันกอดอกเดินไปเดินมา ครุ่นคิดอย่างจริงจัง

พ่อให้เขามาช่วย เขาย่อมไม่ปฏิเสธ พ่อลูกเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าดีหรือร้ายต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน

ปัญหาตอนนี้คือ พวกเขาไม่มีเวลามากนักในการเตรียมงาน งานประลองครั้งนี้ใกล้เข้ามาแล้ว คำเชิญนิกายพันธมิตรของนิกายว่านหยุนจงก็ส่งออกไปแล้ว คงจะเหลือเวลาอีกแค่หกวันเท่านั้น

"พ่อครับ ผมจะพยายามทำแผนคร่าวๆ ให้ แต่รายละเอียดคงไม่ได้เข้าไปช่วย แล้วก็เรามาตกลงสามข้อกันก่อนนะครับ"

"ได้เลย!"

"ข้อแรก พ่ออย่าได้ถามความเห็นผมต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด เราค่อยมาคุยกันลับหลัง ต่อหน้าผู้อื่น ผมก็แค่มาตามติดเอาชื่อเสียง พ่อเป็นใหญ่ ผมเป็นรอง"

"ตกลง!"

"ข้อสอง ไม่ว่าจะเจออะไร พ่ออย่าได้ร้อนใจ พวกเขาอาจหาทางยั่วโมโหพ่อ ใจร้อนหงุดหงิดไม่เป็นผลดีต่อจิตเต๋า"

"ลูกอย่าดูถูกพ่อเลย" หลี่ต้าจื่อยิ้มกริ่ม "แต่ไหนแต่ไรที่พ่อเป็นคนงานโรงงานในบ้านเกิด พ่อก็เคยต้องเสแสร้งเป็นหลานต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ไม่ใช่น้อย จะเสแสร้งอีกสักสองสามปีก็ไม่เห็นเป็นไร"

"พ่อครับ นั่นมันคนละเรื่อง การปรับปรุงเต๋าต้องมีจิตเป็นอิสระ ใครก็ตามที่คิดร้ายทำลายจิตเต๋าของพ่อ ก็ไม่ต่างจากศัตรูคู่แค้นรองลงมาจากแค่เรื่องเป็นตายเท่านั้น"

"ข้อสาม...ระยะนี้พ่ออย่าดื่มเหล้านะครับ"

หลี่ผิงอันพูดอย่างจริงจัง

"หากเรื่องนี้จัดพลาด ก็จะกระทบต่อพัฒนาการของพ่อในสำนักต่อไป"

"แต่หากจัดได้ดี สิ่งที่ได้ก็ไม่น้อยเลย อย่างน้อยที่สุด...ตอนนี้เจ้าสำนักมอบภาระสำคัญให้พ่อ พ่อจัดการเรื่องนี้ลุล่วง เจ้าสำนักก็ต้องได้หน้าแน่นอน"

หลี่ต้าจื่อหัวเราะ "ทุกอย่างมีลำดับความสำคัญ พ่อก็ไม่ใช่ขี้เมาเรื้อรัง ปกติที่เที่ยวดื่มเหล้าก็แค่หวังจะสนิทกับผู้เป็นเซียนในสำนักให้เร็วขึ้นเท่านั้น"

"งั้นอย่างนี้..."

หลี่ผิงอันสีหน้าขรึมมากขึ้น ส่งความคิด

"พ่อไปที่หอสรรพสิ่งก่อน ไปคุยเรื่องนี้กับผู้อาวุโสเขตนอกที่สนิทกันหน่อย"

"อาจบอกก่อนว่า ทุกอย่างให้เป็นไปตามประเพณีเดิม แล้วดูว่ามีใครออกมาป่วนบ้างไหม"

"ผมจะทำแผนอย่างละเอียด พ่อค่อยทำตามขั้นตอนก็ได้ คงจะพร้อมในสี่ยามได้"

หลี่ต้าจื่อถอนหายใจโล่งอกไป

อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีพื้นฐานบ้างแล้ว

หลี่ผิงอันบอกอีก "พ่อครับ ระหว่างทางผ่านยอดเขาสายหมอก ช่วยส่งข่าวหาศิษย์น้องหญิงมู่หน่อยนะครับ ให้นางมาที่นี่รุ่งเช้า ผมจะสอนเคล็ดวิชาปะทะให้"

หลี่ต้าจื่อตอบตกลงเต็มปากเต็มคำ หันไปส่งป้ายคำสั่งถ่ายทอดความคิดให้มู่หนิงหนิงทันที

เรื่องใหญ่ของสกุลหลี่ เขาจะปล่อยปะละเลยได้อย่างไร

...

หลังท่านพ่อจากไป หลี่ผิงอันกลับไปที่ถ้ำ คารวะศิษย์พี่ของตน บอกว่าอีกครู่เขาจะไปช่วยท่านพ่อเตรียมงานประลอง

"หืม?"

ชิงซุ่ยงงงวยไปบ้าง

"พ่อของเจ้าเพิ่งเป็นหยวนเซียนไม่ใช่หรือ ท่านจะมาจัดงานประลองครั้งนี้เหรอ"

"เรื่องนี้" หลี่ผิงอันยักไหล่ "ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักทำไมถึงมอบภารกิจสำคัญนี้ให้ท่านพ่อ"

"เจ้าไปช่วยท่านก็ได้"

ชิงซุ่ยพยักหน้าเบาๆ

"หากเกิดขาดคนแบกของ กลับมาเรียกข้าได้"

หลี่ผิงอันแทบจะหลุดหัวเราะ

"ศิษย์พี่ท่านวางใจเถิด ศิษย์ภายนอกมากมาย ทั้งยังมีผู้จัดการอีกหลายคน...เพียงแค่ ศิษย์น้อยหวั่นว่าจะไม่มีจิตจดจ่ออย่างเต็มที่ในการเตรียมตัวประลองครั้งนี้"

"ไม่เป็นไร" ชิงซุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง "หากเจ้าตกรอบเร็วเกินไป ข้าจะช่วยหารางวัลมาเพิ่ม จะไม่ให้เจ้าด้อยกว่าใคร"

หลี่ผิงอัน...

เขาไม่ได้ขาดแคลนทรัพย์สินการฝึกเต๋า แต่ในเมื่อศิษย์พี่กล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่อาจทำให้ศิษย์พี่เสียหน้า

หลี่ผิงอันแสร้งทำหน้าดีใจเล็กน้อย แล้วรีบซ่อนสีหน้านั้นไวๆ วางมือคารวะศิษย์พี่

"ขอบคุณศิษย์พี่! ศิษย์น้อยขอตัวไปเตรียมการต่างๆ"

ชิงซุ่ยดูพอใจมาก ก่อนจะกลับไปเข้าใจเต๋าที่ข้างตาน้ำต่อ

ส่วนหลี่ผิงอันกลับมาที่ห้องตนเอง กางผ้าแพรผืนหนึ่ง พลางทบทวนถึงการแข่งขันกีฬาฤดูร้อนสองครั้งที่เขาเคยเข้าร่วมตอนเรียนมหาวิทยาลัยอย่างละเอียด

ก่อนอื่นเขาร่างโครงสังเขปการปฏิบัติ

จากนั้นก็จรดปากกาเขียนโครงการดำเนินงานประลองภายในสำนักอย่างรวดเร็ว คิดไตร่ตรอง ตรวจสอบช่องโหว่เพิ่มเติม

ฐานะของท่านพ่อในสำนักเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแยบยลตั้งแต่ท่านเป็นเซียน

สำหรับท่านพ่อแล้ว การจัดงานประลองครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสสร้างชื่อเสียงที่ไม่เลว

หากท่านพ่อแสดงให้เห็นถึง 'ความสามารถในการนำ' และ 'ความสามารถในการจัดการ' เพียงพอ ก็จะได้รับความสนใจเอาใจใส่จากเจ้าสำนักยิ่งขึ้น อนาคตจะสดใสมากขึ้นด้วย

แต่ทุกอย่างต้องระวังอย่าทำมากเกินไป ทุกสิ่งก็ต้องเผื่อหลังไว้บ้าง

งานประลองภายในสำนักครั้งนี้ ขอเพียงบรรลุถึงผลลัพธ์ 'มั่นคงคล่องแคล่ว' ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องโดดเด่นมากมาย

หลี่ผิงอันก้มหน้าก้มตาเขียนวาดอยู่สักพัก โดยไม่ทันสังเกตว่าผ่านไปแล้วสามสี่ยาม

ป้ายคำสั่งถ่ายทอดความคิดลูกหนึ่งพุ่งทะลุอากาศมา ลอยอยู่ด้านนอกประตูถ้ำ

หลี่ผิงอันเข้าใจทันที รวบผ้าแพรเจ็ดแปดผืนตรงหน้า จบเนื้อหาป้ายคำสั่งในมือให้เรียบร้อยอย่างง่ายดาย จากนั้นสวมเสื้อคลุมศิษย์สีฟ้าอ่อน แล้วรีบมุ่งหน้าสู่ยอดเขาหลัก

ทันทีที่เขาบินขึ้นมา ก็เห็นผู้จัดการเวยเหยียนจื้อรออยู่บนเมฆ

หลี่ผิงอันยิ้ม "ผู้จัดการ ท่านไม่ใช่จะไปรับตำแหน่งที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกแล้วหรือครับ"

"ต้องหลังงานประลองภายในสำนักแล้วค่อยออกเดินทาง"

เวยเหยียนจื้อทำหน้าหงอยเหงา

"ตอนนี้ในสำนักกำลังต้องการคนช่วยงาน...เฮ้อ ข้างนอกไม่มีทางสบายเท่าในเขาแน่ แต่เมื่อผู้อาวุโสจัดการไว้หมดแล้ว ข้าก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง"

เวยเหยียนจื้อบังคับเมฆพาเขาไป ถ่ายทอดความคิดอย่างเคยชิน

หลี่ผิงอันถามถึงรายละเอียดการประลองปีก่อนๆ เวยเหยียนจื้อเอ่ยตอบอย่างครบถ้วนไม่ปิดบัง

กล่าวโดยย่อคือ ทุกปีจะแค่ไปตั้งเวทีประลองที่เชิงเขายอดหลัก แล้วให้ศิษย์ใหม่ขึ้นไปแข่งกันทีละคน

หลี่ผิงอันถาม "ความกระตือรือร้นของศิษย์ที่เข้าประลองเป็นอย่างไรครับ"

"ความกระตือรือร้น?"

เวยเหยียนจื้อไม่ค่อยคุ้นกับคำศัพท์แบบนี้ ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะเข้าใจ แล้วหัวเราะ

"ทุกคนล้วนให้ความสำคัญกับการประลองเช่นนี้ อย่างไรเสียก็สร้างชื่อเสียงได้ รางวัลที่สำนักให้ก็ไม่น้อยเลยหล่ะ"

ถ้าพูดเช่นนี้ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องกำลังใจของผู้เข้าแข่งขัน

ถ้าอยากจะทำให้งานประลองครึกครื้นขึ้น ก็ต้องแก้ไขในจุดอื่น

"ผู้จัดการขอรับ แต่ละปีมีผู้เป็นเซียนมาดูการประลองมากหรือไม่"

"เรื่องนี้น่ะไม่ค่อยมากจริงๆ"

เวยเหยียนจื้อหัวเราะ

"วันประลอง พวกที่มาก็มีแต่ศิษย์ที่เข้าประลองเป็นหลัก ศิษย์ในสำนักที่อายุเกินกำหนดแล้วส่วนใหญ่ไม่ค่อยมา ผู้เป็นเซียนที่มาส่วนมากก็มาจากหกหอ"

"แต่พอดีครั้งนี้เพราะเรื่องตามล่าฆ่าชิงซุ่ย มีผู้เป็นเซียนไม่น้อยถอนตัวจากการบำเพ็ญ เลยคิดจะจัดให้ครึกครื้นขึ้นในโอกาสนี้"

ใกล้เคียงกับที่หลี่ผิงอันคาดการณ์ไว้

การปะทะของผู้ฝึกปราณขั้นต่ำ สำหรับผู้เป็นเซียนแล้วไม่มีอะไรน่าดูเลยจริงๆ

ปัญหาเรื่องผู้ชมก็ไม่ใช่เรื่องยาก เขาได้เขียนวิธีแก้ไขไว้หลายแผนในป้ายคำสั่งแล้ว

ขณะบินไปครึ่งทาง เวยเหยียนจื้อเหมือนจะอึกอัก แต่สุดท้ายก็เอ่ยปาก

"ผิงอัน ตอนนี้สถานการณ์ในหอสรรพสิ่งดูไม่ค่อยดีเท่าไร"

"หมายความว่าอย่างไรครับ"

เวยเหยียนจื้อจ้องตรงไปข้างหน้า ขยับปากเบาๆ

"แต่เดิม การประลองก็แค่ทำตามประเพณีเดิมก็พอ รวมๆ แล้วก็แค่สามเรื่อง ตั้งเวทีประลอง จัดเขตแดนอาคม กำหนดกฎ ผู้อาวุโสเขตในจะควบคุมได้ง่ายๆ"

"แต่ครั้งนี้ เจ้าสำนักกลับให้ศิษย์อาวุโสหลี่มาเป็นผู้วางแผนงานประลองภายในสำนักอย่างกะทันหัน"

"ศิษย์อาวุโสหลี่เดิมทีก็ตั้งใจจะทำตามแบบเดิมๆ ตอนท่านหารือกับบรรดาผู้อาวุโสภายนอกสักสองสามคน ก็มีผู้อาวุโสนอกที่ปกติไม่ค่อยยุ่งเรื่องพวกนี้โผล่มา บ้างก็ยกย่อง บ้างก็แขวะ พูดจาล้อเลียนศิษย์อาวุโสหลี่"

"เห็นท่าทีพวกเขา งานประลองปีนี้ถ้าไม่ทำออกมาดีเลิศเป็นประวัติการณ์ ก็จะถือว่าศิษย์อาวุโสหลี่สามารถไม่พอ จัดการงานไม่ได้เรื่อง"

"เฮ้อ ว่าแล้วก็น่าหงุดหงิดใจ"

หลี่ผิงอันชูคิ้วเบาๆ ส่งความคิดด้วยญาณทัศนะ "ผู้จัดการ ถึงหอสรรพสิ่งแล้ว ช่วยชี้พวกผู้อาวุโสหลายคนนั้นให้ข้าดูหน่อย"

"ได้ เดี๋ยวข้าเดินวนไปหลังพวกเขาแล้วจะกลับมาหลังเจ้า"

"ต้องรบกวนผู้จัดการแล้ว"

พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หอสรรพสิ่งบนยอดเขาหลักก็ปรากฏในระยะใกล้แล้ว

...

หลี่ผิงอันมาถึงหอสรรพสิ่งก็พบว่า สภาพจิตใจของท่านพ่อดูไม่ค่อยดีจริงๆ

ท่านพ่อนั่งอยู่ตรงกลางหอใหญ่กับผู้อาวุโสนอกสักสิบกว่าคน ด้านนอกมีผู้เป็นเซียนมามุงดูอยู่ไม่น้อย

มีผู้อาวุโสสองคนกำลังแนะนำโครงสร้างเขตแดนอาคมของเวทีประลอง ขณะที่ท่านพ่อนั่งคอพับคอพับอยู่ด้านข้าง

พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มีแรง

หลี่ผิงอันยืนกอดอกอยู่หน้าประตูหอ ในใจนึกถึงความทรงจำวัยเยาว์บางส่วน

นี่เป็นความทรงจำเดียวในวัยเด็กของเขา

[ป้ายผ้าสีแดงฉาน หลอดไฟห้อยสูง เวทีเรียบง่ายมีโต๊ะยาว โต๊ะวางไมโครโฟนสายหนึ่งอัน ผู้จัดการโรงงานที่ตอนนั้นยังค่อนข้างหนุ่มหวีผมเงางามเป็นมันปลาบ ยืนกล่าวปราศรัยด้วยท่าทีคึกคักเร้าใจ พูดกระตุ้นการผลิตแก่พนักงานที่อยู่ด้านล่างเวที]

"ผิงอัน ผิงอัน?"

เวยเหยียนจื้อเรียกเบาๆ ด้านข้าง เขาเดินผ่านด้านหลังผู้อาวุโสภายนอกสี่คน กลับมาอยู่ตรงหน้าหลี่ผิงอันแล้ว

หลี่ผิงอันกระซิบบอกอะไรสักอย่างกับเวยเหยียนจื้อ พร้อมยื่นถุงสะสมของให้ไป

เวยเหยียนจื้อแม้ไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ รับของจากหลี่ผิงอันไป แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ครู่ต่อมา ศิษย์ภายนอกสี่ห้าคนก็แบกโต๊ะยาวเจ็ดแปดตัวมา ก้าวเร็วๆ มาจนถึงกลางหอ ท่ามกลางสายตาขมวดคิ้วของบรรดาผู้อาวุโส เรียงโต๊ะเป็นรูปตัวหมิง(門) แล้วปูผ้าหยาบสีแดงเข้มบนหน้าโต๊ะ

หลี่ต้าจื่อก็เองก็งง "นี่มันอะไรกัน"

เวยเหยียนจื้อเดินสวนกลับมา วางสามสิ่งไว้ตรงหน้าหลี่ต้าจื่อ

กระบุงน้ำชาสีขาวแกะสลักจากหยก แท่นขยายเสียงแนวตั้งทรงยาว และป้ายคำสั่งจดบันทึกง่ายๆ หนึ่งอัน

กระบุงน้ำชาขอบบนเขียนลายสีฟ้า ด้านบนวาดรูปผู้เป็นเซียนง่ายๆ ทั้งสองข้างมีคำคมเล็กๆ

ด้านขวาเขียน: หนึ่งดวงจิตเต๋าหล่อธาตุเซียน

ด้านซ้ายเขียน: ทุ่มเททั้งกายใจเพื่อสำนัก

คำขวาง: ทำตัวเงียบๆ

หลี่ต้าจื่อเห็นกระบุงน้ำชานี้แล้วก็ชอบใจมาก ยกด้วยมือซ้าย สัมผัสไออุ่นของน้ำชาด้านใน ก้มลงมองเห็นผลหงษ์หยกสีแดงลอยอยู่สองสามผล หลับตาถอนหายใจพึงพอใจ

ญาณสัมผัสของเขาเข้าไปในป้ายคำสั่งจดบันทึก เห็นแผนการโครงร่างชัดเจนเป็นข้อๆ มุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา

"นี่มัน?"

"ศิษย์อาวุโสหลี่?"

ผู้อาวุโสภายนอกแต่ละคนยังคงไม่เข้าใจ

หลี่ต้าจื่อหันไปมองรอบตัว ก็หาหลี่ผิงอันที่ยืนอยู่ตรงมุมได้อย่างรวดเร็ว

พ่อลูกสบตากัน หลี่ต้าจื่อยิ้มกว้าง

เขายกกระบุงน้ำชาจิบน้ำชาหอมร้อนๆ อึกหนึ่ง กระแอมไอ ดึงแท่นขยายเสียงมาไว้ข้างหน้า ตัวเอนมาข้างหน้าเล็กน้อย สายตาเปี่ยมพลัง

"ดี! ข้าจะพูดสั้นๆ!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด